พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภยันตรายจากอาวุธปืนของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายเดินไปที่ข้างรั้วบ้านจำเลย แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านจำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกับภริยากำลังนั่งกินอาหารกระสุนปืนถูกภริยาจำเลยล้มฟุบลงไป จำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านผู้ตาย จำเลยวิ่งไล่ตามแล้วผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลย พร้อมกับใช้ปืนยิงสวนมาทันที 1 นัดไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้มีดฟันไป ผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็หันหลังจะขึ้นบันไดบ้าน จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก จึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอและฟันซ้ำถูกบริเวณใบหน้า ผู้ตายล้มลง แสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลาและสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใด ภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสัตยาบันการบอกกล่าวบังคับจำนองของตัวแทน แม้การแต่งตั้งตัวแทนไม่เป็นหนังสือ ก็ถือว่าชอบแล้ว
โจทก์ตั้ง ส. ทนายความผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ส. มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลย จำเลยได้รับแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอาการบอกกล่าวบังคับจำนองของ ส. ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้ให้สัตยาบันแก่การกระทำของ ส. ซึ่งเป็นตัวแทนที่บอกกล่าวบังคับจำนองตามป.พ.พ. มาตรา 823 ดังนี้ ถือว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสัตยาบันการกระทำของตัวแทนที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด ทำให้การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ตั้ง ส. ทนายความผู้รับมอบอำนาจเป็นตัวแทนบอกกล่าวบังคับจำนองโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 แต่เมื่อ ส. มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลย จำเลยได้รับแล้วไม่ชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง แสดงว่าโจทก์ยอมรับเอาการบอกกล่าวบังคับจำนองของ ส.เป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำของส.ซึ่งเป็นตัวแทนแล้ว ถือได้ว่า ส. เป็นตัวแทนของโจทก์โดยชอบตามมาตรา 823 ซึ่งการตั้งตัวแทนลักษณะเช่นนี้ไม่ต้องทำเป็นหนังสือการบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำว่า 'บิดา' ตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งเทศบาล ครอบคลุมทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำว่า "บิดา" ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสภาเทศบาล พ.ศ.2482มาตรา 20 และ 20 ทวิ หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมาย แม้ปิดประกาศไม่ตรงที่ทรัพย์สิน หากเจ้าหนี้ทราบวันขายทอดตลาด
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 68 วรรคแรก กำหนดให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการปิดประกาศขายทอดตลาดไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ที่ทรัพย์ที่จะขายตั้งอยู่ด้วย แต่ข้อกำหนดดังกล่าวก็เพื่อประสงค์ให้บุคคลภายนอกที่สนใจมาประมูลซื้อทรัพย์ในการขายทอดตลาดเท่านั้นระเบียบดังกล่าวหาได้เป็นกฎหมายไม่ แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำประกาศขายทอดตลาดไปปิดไว้ที่อื่น ไม่ใช่ที่ที่ทรัพย์ที่จะขายทอดตลาดตั้งอยู่ แต่ตามรายงานการขายทอดตลาดครั้งแรกของเจ้าพนักงานบังคับคดีโจทก์รับว่าได้มอบอำนาจให้ผู้แทนโจทก์มาในวันขายทอดตลาดดังกล่าวและผู้แทนโจทก์ได้ลงชื่อรับทราบวันประกาศขายทอดตลาดที่เลื่อนไปในรายงานดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งวันขายทอดตลาดให้โจทก์ ซึ่งมีส่วนได้เสียในการบังคับคดีแก่ทรัพย์พิพาทที่จะขายทอดตลาดทราบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 306 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการโดยผู้มีอำนาจชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นการละเมิด
จำเลยเป็นรองปลัดกระทรวงได้รับมอบอำนาจจากปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาในกองแบบแผนที่โจทก์สังกัดอยู่เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาสั่งลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัยได้ดังนั้นการที่จำเลยสั่งลงโทษโจทก์ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยชอบไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5609/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยชอบด้วยกฎหมาย การมีหนี้สินล้นพ้นตัว และการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
ฟ้องโจทก์บรรยายว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยแสดงแบบยื่นรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง และยื่นแบบแสดงรายการการค้าไว้ต่ำกว่ายอดรายรับขั้นต่ำซึ่งเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้าได้กำหนดไว้ เจ้าพนักงานประเมินจึงได้หมายเรียกจำเลยให้นำบัญชีพร้อมเอกสารประกอบการลงบัญชีปี 2515 ถึง 2523มา ตรวจสอบภาษี จำเลยไม่มาพบและไม่นำบัญชีมาให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบ เจ้าพนักงานประเมินอาศัยอำนาจตามมาตรา 87,87 ทวิแห่ง ป. รัษฎากร ทำการประเมินเรียกเก็บภาษีใหม่พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,469,805.71 บาทจำเลยไม่มีทรัพย์ใดที่จะยึดมาชำระหนี้ได้ โจทก์ได้ทวงถามจำเลยให้ชำระแล้วสองครั้งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน จำเลยไม่ชำระจำเลยจึงมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ส่วนรายละเอียดต่าง ๆตามฎีกาของจำเลยนั้น โจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม โจทก์มีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารมายืนยันว่าจำเลยได้รับหมายเรียกจากเจ้าพนักงานประเมินของโจทก์และโจทก์ได้แจ้งกำหนดรายรับขั้นต่ำให้จำเลยทราบแล้ว พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อ ส่วนจำเลยมิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่นข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินภาษีจำเลยโดยชอบด้วย ป.รัษฎากร มาตรา 19,21 และจำเลยเป็นหนี้ค่าภาษีโจทก์ตามการประเมินดังกล่าว การประเมินภาษีการค้าและภาษีเงินได้นิติบุคคลในรอบระยะเวลาบัญชีประจำปี 2519 เจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งจำนวนเงินภาษีที่ประเมินไปยังจำเลยแล้ว อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ.มาตรา 173 นับแต่วันที่แจ้งดังกล่าวจนถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปีสิทธิเรียกร้องของโจทก์ในหนี้ค่าภาษีอากรปี 2519 จึงไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: ผู้ถูกทำร้ายมีสิทธิป้องกันสิทธิของตนได้หากการกระทำเป็นไปเพื่อป้องกันภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้าย
ผู้เสียหายเมาสุราหาเรื่องเข้าชกจำเลยที่ 2 ก่อนจำเลยที่ 2 จึงชกสวนผู้เสียหายชกพลาดเนื่องจากเมาสุราจึงล้มคว่ำกับพื้นได้รับอันตรายแก่กาย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นเพียงการกระทำเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายทำร้ายเท่านั้น ซึ่งจำเลยที่ 2 จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และได้กระทำพอสมควรแก่เหตุจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีถูกรัดคอและถูกทำร้ายก่อน
พวกผู้เสียหายได้เข้ามาชกต่อยทำร้ายจำเลยที่ 2 ก่อน เมื่อจำเลยที่ 1 จะเข้าช่วยก็ถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 รัดคอและเอวไว้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับฝ่ายผู้เสียหายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกันจำเลยที่ 1 ถูกรัดคอและเอวจนหายใจไม่ออก จึงใช้มีดตัดหญ้าที่ติดตัวมากวัดแกว่งไปเพื่อให้ผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3ปล่อยตน โดยไม่มีโอกาสที่จะทำให้พ้นภยันตรายที่กำลังได้รับอยู่โดยวิธีอื่น แม้มีดจะแทงถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ใต้รักแร้ขวากับหน้าท้อง และถูกผู้เสียหายที่ 3 ที่หน้าท้องก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่ 1ถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วก็ไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 เป็นการซ้ำเติมอีก การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุตามพฤติการณ์ที่ประสบอยู่ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลภาษีอากรกลางในการพิจารณาคดีกักยึดสินค้าและการกักยึดโดยชอบด้วยกฎหมาย
ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลภาษีอากรกลางหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยย่อมยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ได้
โจทก์ฟ้องโต้แย้งการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานศุลกากรที่อ้างว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้าโจทก์ได้สำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรและกักยึดสินค้าไว้ โดยโจทก์เห็นว่าจำเลยกักยึดสินค้าของโจทก์ไม่ได้ เพราะโจทก์เสียภาษีอากรถูกต้องแล้ว จึงเป็นการโต้แย้งในปัญหาอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ตามนัยมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาศาลภาษีอากร พ.ศ.2528 และการกักยึดทรัพย์สินของบุคคล หากเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายย่อมกระทบถึงสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิในทางแพ่งศาลภาษีอากรกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
การที่พนักงานศุลกากรของจำเลยกักยึดสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้าไว้เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ในข้อหาสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมนั้น เป็นการกักยึดสินค้าไว้โดยมีเหตุอันควรสงสัยที่พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 24 และ25 ให้อำนาจไว้ และสินค้าพิพาทที่ถูกกักยึดนี้ก็เป็นของใด ๆ อันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 27อันอาจถูกศาลสั่งริบได้ตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา 17 ด้วย อีกทั้งพนักงานศุลกากรของจำเลยมีอำนาจกักยึดไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 วรรคสาม ดังนั้นการกักยึดสินค้าพิพาทจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจขอคืนสินค้าพิพาทในชั้นนี้ได้
โจทก์ฟ้องโต้แย้งการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานศุลกากรที่อ้างว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้าโจทก์ได้สำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรและกักยึดสินค้าไว้ โดยโจทก์เห็นว่าจำเลยกักยึดสินค้าของโจทก์ไม่ได้ เพราะโจทก์เสียภาษีอากรถูกต้องแล้ว จึงเป็นการโต้แย้งในปัญหาอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ว่าเป็นไปโดยชอบหรือไม่ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 ตามนัยมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาศาลภาษีอากร พ.ศ.2528 และการกักยึดทรัพย์สินของบุคคล หากเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายย่อมกระทบถึงสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิในทางแพ่งศาลภาษีอากรกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
การที่พนักงานศุลกากรของจำเลยกักยึดสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้าไว้เพื่อดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ในข้อหาสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมนั้น เป็นการกักยึดสินค้าไว้โดยมีเหตุอันควรสงสัยที่พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 24 และ25 ให้อำนาจไว้ และสินค้าพิพาทที่ถูกกักยึดนี้ก็เป็นของใด ๆ อันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 27อันอาจถูกศาลสั่งริบได้ตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มาตรา 17 ด้วย อีกทั้งพนักงานศุลกากรของจำเลยมีอำนาจกักยึดไว้จนกว่าคดีถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 วรรคสาม ดังนั้นการกักยึดสินค้าพิพาทจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจขอคืนสินค้าพิพาทในชั้นนี้ได้