พบผลลัพธ์ทั้งหมด 429 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความประนีประนอม และผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ไม่มีลายมือชื่อจำเลยร่วม
ใบแต่งทนายความของจำเลยร่วมระบุว่าให้ทนายความของจำเลยร่วมมีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่มีลายมือชื่อจำเลยร่วมอยู่ด้วย แต่เมื่อทนายความจำเลยร่วม จำเลย ทนายความจำเลย และโจทก์กับทนายความโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความกันนั้นไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมไปด้วยแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมใช้บังคับได้และมีผลผูกพันจำเลยร่วมด้วย
ที่จำเลยร่วมฎีกาว่าศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยร่วมก่อนมีคำสั่งนั้น ปัญหาข้อนี้จำเลยร่วมมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยร่วมฎีกาว่าศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยร่วมก่อนมีคำสั่งนั้น ปัญหาข้อนี้จำเลยร่วมมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายในการประนีประนอมยอมความผูกพันจำเลยร่วม แม้ไม่มีลายมือชื่อ หากใบแต่งทนายระบุชัดเจน
ใบแต่งทนายความของจำเลยร่วมระบุว่าให้ทนายความของจำเลยร่วมมีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่มีลายมือชื่อจำเลยร่วมอยู่ด้วยแต่เมื่อทนายความจำเลยร่วม ทนายความจำเลย และโจทก์กับทนายความโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและข้อตกลงหรือการสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้นไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมไปด้วยแล้วสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมใช้บังคับได้และมีผลผูกพันจำเลยร่วมด้วย ที่จำเลยร่วมฎีกาว่าศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยร่วมก่อนมีคำสั่งนั้น ปัญหาข้อนี้จำเลยร่วมมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยฉ้อโกงโดยอ้างเป็นทนายความ ปลอมเอกสารคำฟ้องเพื่อหลอกลวงโจทก์
จำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นทนายความ แต่บอกแก่โจทก์ร่วมว่าจำเลยมีอาชีพทนายความ โจทก์ร่วมจึงปรึกษาจำเลยเรื่องจะดำเนินคดีแก่นาง ส.และนาย ส. และมอบเอกสารกับค่าจ้างว่าความให้จำเลยไป แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินคดีให้โจทก์ร่วม และต่อมาจำเลยแจ้งแก่โจทก์ร่วมว่าได้ฟ้องนาง ส. และนาย ส.แล้ว กับทำสำเนาคำฟ้องนาง ส.และนาย ส.อันเป็นเอกสารปลอมมอบให้โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม การปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าวมีเหตุเกี่ยวเนื่องจากการที่จำเลยรับจะดำเนินคดีให้โจทก์ร่วม แต่ไม่สามารถดำเนินคดีให้ได้ จำเลยจึงมีเจตนาที่แท้จริงคือปลอมเอกสารสำเนาคำฟ้องเพื่อแสดงให้โจทก์ร่วมเห็นว่าจำเลยได้ดำเนินการตามที่ได้หลอกลวงโจทก์ร่วมไว้เพื่อฉ้อโกงเอาเงินของโจทก์ร่วมนั่นเอง แม้การกระทำจะต่างวาระกัน การกระทำผิดของจำเลยก็เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นทนายความ ปลอมแปลงเอกสารเพื่อหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหาย
จำเลยมิได้จดทะเบียนเป็นทนายความ แต่บอกแก่โจทก์ร่วมว่า จำเลยมีอาชีพทนายความ โจทก์ร่วมจึงปรึกษาจำเลยเรื่องจะดำเนินคดีแก่นาง ส.และนายส. และมอบเอกสารกับค่าจ้างว่าความให้จำเลยไป แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินคดีให้โจทก์ร่วมและต่อมาจำเลยแจ้งแก่โจทก์ร่วมว่าได้ฟ้องนาง ส. และนาย ส.แล้วกับทำสำเนาคำฟ้องนางส.และนายส.อันเป็นเอกสารปลอมมอบให้โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม การปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าวมีเหตุเกี่ยวเนื่องจากการที่จำเลยรับจะดำเนินคดีให้โจทก์ร่วม แต่ไม่สามารถดำเนินคดีให้ได้จำเลยจึงมีเจตนาที่แท้จริงคือปลอมเอกสารสำเนาคำฟ้องเพื่อแสดงให้โจทก์ร่วมเห็นว่าจำเลยได้ดำเนินการตามที่ได้หลอกลวงโจทก์ร่วมไว้เพื่อฉ้อโกงเอาเงินของโจทก์ร่วมนั่นเองแม้การกระทำจะต่างวาระกัน การกระทำผิดของจำเลยก็เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความถูกสั่งห้ามทำหน้าที่ ยื่นคำฟ้องไม่ได้ คำฟ้องเป็นโมฆะ
ป. ได้ทราบคำสั่งของสภาทนายความที่ได้สั่งห้ามทำการเป็นทนายความก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นทนายความและเรียงคำฟ้องให้แก่โจทก์จึงไม่มีอำนาจเรียงคำฟ้องให้โจทก์ คำฟ้องโจทก์ที่ ป. เป็นผู้เรียงยื่นฟ้องจำเลยเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความยักยอกทรัพย์ & อำนาจทนายความรับเงินแทนลูกความ คดีขาดอายุความหากเกิน 3 เดือน และทนายความไม่มีอำนาจรับเงินแทน
การที่ผู้เสียหายมีหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความให้ดำเนินการแก่จำเลย ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายรู้เรื่องการยักยอกเงินและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันมีหนังสือดังกล่าวเป็นอย่างช้า แต่ผู้เสียหายเพิ่งมาร้องทุกข์และมอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเกินกำหนด 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.อ. มาตรา 96 เมื่อผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจากค. แทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหาย เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังไม่ใช่เป็นเงินของผู้เสียหายแม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความรับเงินแทนลูกหนี้โดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งลูกหนี้จะชำระแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จากค.ต่อมาผู้เสียหายกับค. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดย ค. ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000บาท จะผ่อนชำระ ต่อมา ค. ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินจำนวน 35,000 บาท โดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค. แทนผู้เสียหายฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตาม ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความรับเงินแทนลูกความโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความของผู้เสียหายโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย ดังนั้นจำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น จำเลยหามีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหายไม่ ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จาก ค.ต่อมาผู้เสียหายกับ ค.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยค.ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000 บาทจะผ่อนชำระ ต่อมา ค.ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินดังกล่าวโดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค.แทนผู้เสียหาย ฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตามก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 190/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3924/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความย้ายภูมิลำเนาแล้วไม่ติดตามผลการส่งหมายนัด ถือเป็นเหตุทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้ ศาลพิจารณาค่าฤชาธรรมเนียม
ผู้คัดค้านยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2534ศาลชั้นต้นสั่งในวันเดียวกันว่า "รับอุทธรณ์ผู้คัดค้าน สำเนาให้ผู้ร้อง ให้ผู้คัดค้านนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วัน เพื่อดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์" ผู้คัดค้านได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดแล้ว ต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2534พนักงานส่งหมายรายงานว่า ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้แก่ น. ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้ร้องไม่ได้ จากผลดังกล่าวผู้คัดค้านต้องแถลงให้ศาลทราบภายใน 15 วัน ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปกล่าวคือต้องแถลงภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2534 ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2534 รองจ่าศาลได้รายงานให้ศาลทราบว่า ผู้คัดค้านไม่ได้แถลงภายในกำหนด ถือว่าผู้คัดค้านจงใจทิ้งฟ้องอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3901/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การมอบอำนาจให้ทนายความลงลายมือชื่อในคำขอ
ตามหนังสือมอบอำนาจโจทก์ได้มอบอำนาจให้ น. เป็นผู้ยื่นด้วยขอรับชำระหนี้ และดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายนี้แทน ฯลฯฉะนั้น น. จึงมีสิทธิที่จะดำเนินคดีเรื่องนี้แทนโจทก์ได้ตลอดทั้งการขอรับชำระหนี้ด้วย เพราะการขอชำระหนี้เป็นเรื่องของกระบวนพิจารณาที่โจทก์จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483การที่ น. ลงลายมือชื่อในคำขอรับชำระหนี้หาใช่เป็นการลงลายมือแทนโจทก์ไม่ หากแต่เป็นการกระทำแทนโจทก์ซึ่งเป็นตัวการตามที่ได้รับมอบหมายให้ทำการขอรับชำระหนี้แทนตามหนังสือมอบอำนาจ