คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้าย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 358 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากลักษณะการทำร้ายด้วยอาวุธ และตำแหน่งที่ถูกทำร้าย
จำเลยใช้ขวานขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาว 3 นิ้วครึ่ง ด้ามยาว 17 นิ้ว นับว่าเป็นขวานขนาดใหญ่. ฟันข้างหลังผู้เสียหายที่คออันเป็นอวัยวะสำคัญโดยแรงเป็นบาดแผลฉกรรจ์. ถ้าไม่รักษาพยาบาลทันท่วงทีก็อาจถึงแก่ความตายเนื่องจากโลหิตออกมาได้. กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานบริเวณคอ: การพิจารณาขนาดอาวุธและลักษณะการทำร้าย
จำเลยใช้ขวานขนาด 2 นิ้วครึ่ง ยาว 3 นิ้วครึ่ง ด้ามยาว 17 นิ้ว นับว่าเป็นขวานขนาดใหญ่. ฟันข้างหลังผู้เสียหายที่คออันเป็นอวัยวะสำคัญโดยแรงเป็นบาดแผลฉกรรจ์. ถ้าไม่รักษาพยาบาลทันท่วงทีก็อาจถึงแก่ความตายเนื่องจากโลหิตออกมาได้. กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: การแย่งกระทอไก่และการใช้ไม้ป้องกันตัวเป็นเหตุชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายกับจำเลยแย่งกระทอไก่กัน จำเลยหนุ่มกว่า ผู้ตายแย่งสู้ไม่ได้จึงใช้ไม้ตีจำเลยก่อนถูกศีรษะ 1 ที จำเลยแย่งไม้จากผู้ตายได้แล้วใช้ไม้นั้นตีศีรษะผู้ตาย 1 ที การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิและการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีถูกทำร้าย
ผู้ตายกับจำเลยแย่งกระทอไก่กัน. จำเลยหนุ่มกว่าผู้ตายแย่งสู้ไม่ได้จึงใช้ไม้ตีจำเลยก่อนถูกศีรษะ 1ที. จำเลยแย่งไม้จากผู้ตายได้แล้วใช้ไม้นั้นตีศีรษะผู้ตาย 1 ที. การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย. และโดยชอบด้วยกฎหมาย. จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง: ศาลฎีกาพิพากษาฐานฆ่าโดยเจตนา
จำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าต่อสู้กัน จำเลยใช้มีดปลายแหลม ใบมีดยาวประมาณ 7 นิ้วฟุต กว้างประมาณ 1 นิ้วฟุต อันเป็นอาวุธร้ายแรงแทงผู้ตาย ในที่สำคัญถึง 2แผล แผลที่ 1 ตรงซอกคอ ชอนไปทางด้านซ้าย ยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ตัดหลอดคอ แผลที่ 2 ที่ท้องน้อยด้านซ้าย ยาว 3 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ทะลุเข้าข้างในไส้ทะลัก อันเป็นบาดแผลสาหัส ผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยได้ใช้อาวุธร้ายแรง แทงผู้ตายในที่สำคัญถึง 2 แผล เช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยกับผู้ตายสมัครใจเข้าต่อสู้กัน. จำเลยใช้มีดปลายแหลม. ใบมีดยาวประมาณ 7 นิ้วฟุต กว้างประมาณ 1นิ้วฟุต. อันเป็นอาวุธร้ายแรงแทงผู้ตาย. ในที่สำคัญถึง 2 แผล. แผลที่ 1 ตรงซอกคอ ชอนไปทางด้านซ้าย ยาว 5 เซ็นติเมตรกว้าง2เซ็นติเมตร ตัดหลอดคอ. แผลที่ 2 ที่ท้องน้อยด้านซ้าย ยาว 3 เซ็นติเมตร กว้าง 1เซ็นติเมตรทะลุเข้าข้างในไส้ทะลัก. อันเป็นบาดแผลสาหัส. ผู้ตายถึงแก่ความตาย. การที่จำเลยได้ใช้อาวุธร้ายแรง แทงผู้ตายในที่สำคัญถึง 2 แผล. เช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้แทงทำร้ายผู้ตายโดยมีเจตนาฆ่า. จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยโต้เถียงทะเลากับผู้เสียหายก่อนแล้วผู้เสียหายใช้ของแข็งตีศีรษะจำเลย 1 ที จำเลยไปหยิบมีดโต้วิ่งเข้าหาผู้เสียหาย ผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยไล่ตาม ผู้เสียหายหกล้ม จำเลยตามทันก็ใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก ดั้งนี้แสดงว่าจำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุก เนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตก แม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษ อันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดี แต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหาย 2 แผลในที่ไม่สำคัญเท่านั้น แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเอง ทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายซ้ำในที่สำคัญ ๆ ให้ถึงตายได้ บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายภายในเวลาหนึ่งเดือน เพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์และการกระทำหลังทำร้าย
จำเลยโต้เถียงทะเลาะกับผู้เสียหายก่อนแล้วผู้เสียหายใช้ของแข็งตีศีรษะจำเลย 1 ที จำเลยไปหยิบมีดโต้วิ่งเข้าหาผู้เสียหาย ผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยไล่ตาม ผู้เสียหายหกล้ม จำเลยตามทันก็ใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก ดังนี้แสดงว่าจำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุกเนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตก แม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษอันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดี แต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหายเพียง 2 แผลในที่ไม่สำคัญเท่านั้น แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเอง ทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายซ้ำในที่สำคัญๆให้ถึงตายได้ บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายภายในเวลาหนึ่งเดือนเพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากพฤติการณ์และการกระทำหลังเกิดเหตุ
จำเลยโต้เถียงทะเลาะกับผู้เสียหายก่อนแล้วผู้เสียหายใช้ของแข็งตีศีรษะจำเลย 1 ที. จำเลยไปหยิบมีดโต้วิ่งเข้าหาผู้เสียหาย. ผู้เสียหายวิ่งหนี. จำเลยไล่ตาม.ผู้เสียหายหกล้ม. จำเลยตามทันก็ใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายมีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่ข้อศอกซ้ายและที่ไหล่ขวาแห่งละแผล. แล้วจำเลยก็กลับไปเองโดยไม่ได้ทำร้ายซ้ำเติมอีก. ดังนี้แสดงว่าจำเลยได้ฟันผู้เสียหายโดยฉุกละหุกเนื่องจากผู้เสียหายตีศีรษะจำเลยแตก. แม้อาวุธมีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายจะเป็นมีดที่ใหญ่ยาวถึงศอกเศษอันอาจทำให้ผู้เสียหายถึงตายได้ก็ดี. แต่จำเลยก็ใช้ฟันผู้เสียหายเพียง 2 แผลในที่ไม่สำคัญเท่านั้น.แล้วจำเลยก็หยุดยั้งและกลับไปเอง ทั้งที่จำเลยมีโอกาสที่จะฟันผู้เสียหายซ้ำในที่สำคัญๆให้ถึงตายได้.บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็รักษาหายภายในเวลาหนึ่งเดือน. เพียงเท่านี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า. คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามทำร้ายผู้อื่น vs. พยายามฆ่า: การประเมินอันตรายที่เกิดจากการกระทำที่เสี่ยง
จำเลยขับรถแซงรถผู้เสียหายขึ้นไปด้วยความเร็ว แล้วหักพวงมาลัยให้ท้ายรถจำเลยปัดหน้ารถผู้เสียหายจนรถยนต์ผู้เสียหายแฉลบไปจนเกือบตกถนนนั้น หากถนนตรงนั้นเป็นที่สูงหรืออยู่หน้าผาสูงชันย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ถ้ารถคว่ำลงไปแล้วทั้งรถและคนย่อมถึงซึ่งความพินาศ เห็นผลได้ชัดว่าผู้เสียหายย่อมได้รับอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น แม้รถยนต์ผู้เสียหายจะไม่ตกถนนลงไป จำเลยก็มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และไม่จำต้องคำนึงถึงว่าคนนั่งภายในรถจะมีตัวรถป้องกันหรือไม่ แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าถนนตรงที่เกิดเหตุสูงจากพื้นนาประมาณ 1 แขน หรือ 1 เมตร ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถอยู่ในอัตราความเร็ว 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถูกจำเลยเอาท้ายรถปาดหน้ารถผู้เสียหายๆก็แตะเบรครถหยุดทันที และเครื่องดับเอง ล้อรถด้านซ้ายยังห่างขอบถนนอีกราว 1 ศอก ผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด จึงถือว่าจำเลยมีเจตนาพยายามฆ่าผู้เสียหายให้ถึงตายยังไม่ได้ เพราะถึงหากรถยนต์ผู้เสียหายจะตกลงไปโดยผู้เสียหายนั่งอยู่ภายในตัวรถก็ไม่แน่ว่าจะถึงตาย แต่ก็พอคาดหมายได้ว่าอย่างน้อยผู้เสียหายย่อมได้รับการกระทบกระแทกเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บซึ่งจำเลยก็น่าจะเล็งเห็นผลอันจะเกิดแก่ผู้เสียหายได้ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295,80
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 358 การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ตามมาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้บทมาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งมีโทษหนักที่สุดลงโทษมาแล้ว และฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้นอีก จึงแก้โทษจำเลยไม่ได้
of 36