คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
นิติกรรม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 305 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างนิติกรรมโอนที่ดินที่เป็นสินบริคณห์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรส และประเด็นค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นภรรยาของโจทก์ ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ให้จำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์. และโจทก์ได้บอกล้างแล้วขอให้ศาลแสดงว่านิติกรรมเป็นโมฆะ. จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นภรรยาของโจทก์.และมีอำนาจทำนิติกรรมนั้นได้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่สามีมิได้ยินยอม และผลกระทบต่อผู้รับโอนที่รู้ถึงข้อบกพร่อง
สามีมิได้รู้เห็นและให้ความยินยอมภริยาทำนิติกรรมซื้อขายสินบริคณห์ เมื่อได้บอกล้างนิติกรรมนั้นแล้ว นิติกรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138
บุคคลที่รับโอนทรัพย์สินมาโดยไม่สุจริตจากผู้โอนที่ได้ทรัพย์สินมาโดยนิติกรรมอันเป็นโมฆียะ เมื่อนิติกรรมนั้นถูกบอกล้าง บุคคลที่รับโอนนั้นไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย ์ มาตรา 1329

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างโมฆียะกรรมไม่จำเป็นต้องมีแบบพิธี หากมีเจตนาไม่ให้มีผลผูกพัน
การบอกล้างนิติกรรมนั้น กฎหมายมิได้กำหนดหรือบังคับไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรด้วยแบบพิธีอย่างไร
แม้หนังสือของโจทก์ที่มีถึงจำเลยมีใจความว่าให้จำเลยถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด แล้วเอาที่ดินตามโฉนดนั้นมาแบ่งปันให้พี่น้องจำเลยก็ตาม แต่ก็เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ไม่ให้นิติกรรม คือการลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินนั้นมีผลใช้ได้ต่อไป ซึ่งจะบังเกิดผลอย่างเดียวกับการบอกล้างโมฆียะกรรม ดังนี้ จึงถือได้ว่าโจทก์ได้บอกล้างโมฆียะกรรมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างโมฆียะกรรมไม่จำเป็นต้องมีแบบพิธี หากแสดงเจตนาชัดเจน
การบอกล้างนิติกรรมนั้น กฎหมายมิได้กำหนดหรือบังคับไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรด้วยแบบพิธีอย่างไร
แม้หนังสือของโจทก์ที่มีถึงจำเลยจะมีใจความว่าให้จำเลยถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด แล้วเอาที่ดินตามโฉนดนั้นมาแบ่งปันให้พี่น้องจำเลยก็ตาม แต่ก็เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ไม่ให้นิติกรรม คือการลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินนั้นมีผลใช้ได้ต่อไป ซึ่งจะบังเกิดผลอย่างเดียวกับการบอกล้างโมฆียะกรรม ดังนี้ จึงถือได้ว่าโจทก์ได้บอกล้างโมฆียะกรรมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างโมฆียะกรรมไม่จำเป็นต้องมีแบบพิธีเฉพาะ โจทก์แสดงเจตนาไม่ให้เกิดผลผูกพัน ถือเป็นการบอกล้าง
การบอกล้างนิติกรรมนั้น กฎหมายมิได้กำหนดหรือบังคับไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรด้วยแบบพิธีอย่างไร
แม้หนังสือของโจทก์ที่มีถึงจำเลยจะมีใจความว่าให้จำเลยถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด แล้วเอาที่ดินตามโฉนดนั้นมาแบ่งปันให้พี่น้องจำเลยก็ตาม แต่ก็เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ไม่ให้นิติกรรม คือการลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินนั้นมีผลใช้ได้ต่อไป ซึ่งจะบังเกิดผลอย่างเดียวกับการบอกล้างโมฆียะกรรม ดังนี้ จึงถือได้ว่าโจทก์ได้บอกล้างโมฆียะกรรมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างโมฆียะกรรมไม่จำกัดรูปแบบ หากแสดงเจตนาชัดเจน
การบอกล้างนิติกรรมนั้น กฎหมายมิได้กำหนดหรือบังคับไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรด้วยแบบพิธีอย่างไร.
แม้หนังสือของโจทก์ที่มีถึงจำเลยจะมีใจความว่าให้จำเลยถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนด แล้วเอาที่ดินตามโฉนดนั้นมาแบ่งปันให้พี่น้องจำเลยก็ตาม. แต่ก็เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ไม่ให้นิติกรรม คือการลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินนั้นมีผลใช้ได้ต่อไป. ซึ่งจะบังเกิดผลอย่างเดียวกับการบอกล้างโมฆียะกรรม. ดังนี้ จึงถือได้ว่าโจทก์ได้บอกล้างโมฆียะกรรมแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมรับชำระหนี้ภายหลังผิดสัญญา ทำให้สิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมหมดไป
แม้จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแล้ว โจทก์ก็ยังยินยอมปฏิบัติตามสัญญา รับชำระหนี้ส่วนหนึ่งจากจำเลย โดยรับเช็คจากจำเลยที่ 2 ไปเบิกเงินจากธนาคาร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยทั้งสองทำการโดยไม่สุจริต สมยอมกันทำการฉ้อกลเพื่อยักย้ายทรัพย์ให้พ้นจากการที่ต้องชำระหนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินชำระหนี้ที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แต่เกิดผลทางนิติกรรมจากการรับโอนการครอบครอง
การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน มีแต่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ แบบ น.ส.3 ต้องจดทะเบียนที่อำเภอหรือกิ่งอำเภอ โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงมหาดไทยฉบับที่ 7(พ.ศ. 2497) ข้อ 5 และการโอนที่ดินเพื่อชำระหนี้ไม่เข้ากรณีที่ไม่ต้องประกาศตามกฎกระทรวงดังกล่าว ข้อ 6 แม้ว่าจำเลยจะได้ตกลงโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้และได้ทำบันทึกข้อตกลงกันไว้แล้วก็ดี นิติกรรมนั้นยังจดทะเบียนไม่ได้จนกว่าจะได้ประกาศตามความในกฎกระทรวงข้อ 5 เสียก่อน เมื่อไม่กระทำตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ย่อมไม่สมบูรณ์ หาทำให้โจทก์ได้ที่ดินพิพาทโดยทางนิติกรรมไม่
จำเลยทั้งสองเป็นเจ้าของที่นาพิพาทร่วมกันได้โอนที่นาชำระหนี้จำนองแล้ว จำเลยที่ 1 เช่านาพิพาทจากโจทก์ดังนี้ แม้การโอนโดยนิติกรรมไม่สมบูรณ์ แต่การที่จำเลยตกลงโอนที่นาชำระหนี้ เป็นการแสดงเจตนาโอนการครอบครองให้โจทก์แล้วการโอนการครอบครอง แม้ผู้โอนยังยึดถือทรัพย์สินอยู่ ถ้าผู้โอนแสดงเจตนาว่าต่อไปจะยึดถือทรัพย์สินไว้แทนผู้โอน การโอนนั้นก็มีผลตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1380 บัญญัติไว้ เมื่อจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่านาพิพาทจากโจทก์ แสดงว่าการทำนาต่อไปโดยเสียค่าเช่าให้โจทก์ เป็นการยึดถือที่นาพิพาทไว้แทนโจทก์ โจทก์จึงเป็นเจ้าของนาพิพาทนี้ โดยการรับโอนการครอบครอง เมื่อจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่านาพิพาทจากโจทก์เต็ม ทั้งแปลง จำเลยที่ 1 ก็เป็นผู้ยึดถือทั้งแปลงแทนโจทก์ ทำให้โจทก์ได้ ที่นาโดยรับโอนการครอบครองจากจำเลยที่ 2 ด้วยเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 จะให้ผู้ใดทำนา ก็เป็นบริวารของจำเลยที่ 1 เท่านั้นนาพิพาทจึงเป็นของโจทก์เต็มทั้งแปลง
จำเลยที่ 1 เช่านาโจทก์ทำปีเดียว เมื่อครบกำหนดแล้ว ไม่ส่งคืนนาให้โจทก์ และไม่ออกไปจากนาพิพาทโจทก์ก็มีสิทธิฟ้องขับไล่เรียกค่าเช่าที่ไม่ชำระและค่าเสียหายเพราะเหตุที่จำเลยทั้งสองขัดขวางและขืนทำนาของโจทก์ต่อไปโดยละเมิดได้
สัญญาเช่าได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดแห่งสัญญาไว้แล้ว หาจำต้องบอกเลิกสัญญาอีกไม่
จำเลยที่ 2 มิได้นำหลักฐานเป็นหนังสือเช่านาโจทก์จะบังคับ ให้เสียค่าเช่าด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากใบมอบอำนาจปลอม ฟ้องไม่เคลือบคลุม ข้อต่อสู้ใหม่ไม่อาจยกได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงชื่อไว้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนนิติกรรมเนื่องจากใบมอบอำนาจปลอม และข้อจำกัดในการยกเหตุใหม่ในฎีกา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันทำใบมอบอำนาจปลอมใช้ชื่อจำเลยที่ 1 รับมอบอำนาจจากโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่าความจริงโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจ เป็นข้ออ้างว่าลายมือชื่อในใบมอบอำนาจมิใช่ลายมือชื่อที่โจทก์ลงชื่อไว้แจ่มแจ้งแล้ว ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าพฤติการณ์ของโจทก์เป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้จำเลยเสียหาย จึงไม่เป็นข้อที่จะยกขึ้นฎีกาได้
of 31