พบผลลัพธ์ทั้งหมด 394 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3874/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษและข้อกฎหมายโดยศาลอุทธรณ์ ทำให้โจทก์มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง การพิจารณาเหตุบันดาลโทสะในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288จำคุก15ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288,72จำคุก3ปีเป็นการแก้ทั้งบทกฎหมายและกำหนดโทษที่ลงโทษจำเลยเป็นการแก้ไขมากคู่ความไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภรรยากันมาประมาณ7ปีมีบุตรด้วยกัน3คนและมีปากเสียงทะเลาะกันเสมอๆขณะก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายก็มีปากเสียงทะเลาะกันอีกการที่ผู้ตายบ่นว่ากล่าวหาจำเลยพาชายชู้มานอนที่เตียงนอนและไล่จำเลยออกจากบ้านทั้งขู่ว่าหากจำเลยไม่ไปจากบ้านจะฆ่าจำเลยนั้นก็เป็นเรื่องสามีภรรยาเป็นปากเสียงทะเลาะกันตามปกติที่เคยเป็นมาจะถือว่าจำเลยถูกกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจึงมิใช่เหตุบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนไม่ถึงอันตรายแก่กาย และประเด็นบันดาลโทสะที่ไม่สมเหตุผล
จำเลยชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอกหลายครั้ง แพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียหายแล้วไม่พบบาดแผล และไม่มีรอยฟกช้ำ เพียงแต่ผู้เสียหายบอกว่าเจ็บที่หน้าอกเวลากด แพทย์จึงมีความเห็นว่า กล้ามเนื้อที่หน้าอกช้ำรักษาประมาณ 5 วันหาย ลักษณะบาดแผลเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 เท่านั้น
การที่ ม.พี่ของจำเลยทราบจากคนอื่นพูดกันว่าผู้เสียหายพูดจาดูหมิ่นมารดาของจำเลย เมื่อพบผู้เสียหาย ม. จึงเข้าไปสอบถาม แล้วทันใดนั้นจำเลยก็เข้ามาชกต่อยผู้เสียหายทันที โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้พูดจาดูหมิ่นมารดาจำเลยในขณะเกิดเหตุ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะ
การที่ ม.พี่ของจำเลยทราบจากคนอื่นพูดกันว่าผู้เสียหายพูดจาดูหมิ่นมารดาของจำเลย เมื่อพบผู้เสียหาย ม. จึงเข้าไปสอบถาม แล้วทันใดนั้นจำเลยก็เข้ามาชกต่อยผู้เสียหายทันที โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้พูดจาดูหมิ่นมารดาจำเลยในขณะเกิดเหตุ กรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายไม่ถึงอันตรายแก่กาย และไม่มีเหตุบันดาลโทสะ ลดโทษจากชิงทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยชกต่อยผู้เสียหายที่บริเวณหน้าอกหลายครั้งแพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียหายแล้วไม่พบบาดแผลและไม่มีรอยพกช้ำเพียงแต่ผู้เสียหายบอกว่าเจ็บที่หน้าอกเวลากดแพทย์จึงมีความเห็นว่ากล้ามเนื้อที่หน้าอกช้ำรักษาประมาณ5วันหายลักษณะบาดแผลเช่นนี้ยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา295การกระทำของจำเลยเป็นเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา391เท่านั้น การที่ม.พี่ของจำเลยทราบจากคนอื่นพูดกันว่าผู้เสียหายพูดจาดูหมิ่นมารดาของจำเลยเมื่อพบผู้เสียหายม.จึงเข้าไปสอบถามแล้วทันใดนั้นจำเลยก็เข้ามาชกต่อยผู้เสียหายทันทีโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้พูดจาดูหมิ่นมารดาจำเลยในขณะเกิดเหตุกรณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายต่อเนื่อง และเหตุลดโทษจากบันดาลโทสะและการกลับตัว
ใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมบริเวณคอค่อนไปทางหลังทางด้านซ้ายและขวาด้านละแผลที่แขนซ้ายอีก3แผลแต่ละแผลยาวประมาณ2เซนติเมตรถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ขณะกระทำผิดจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่เคยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาใดๆมาก่อนเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะโจทก์ร่วมซึ่งดื่มสุรามาก่อนกล่าวล่วงเกินน้องสาวจำเลยแล้วจำเลยกับโจทก์ร่วมก็โต้เถียงและทำร้ายกันถือว่ามีเหตุควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวโดยรอการลงโทษจำคุกให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วยความบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
ผู้ตายอาละวาดไล่ทำร้ายภริยาจำเลยจนหลบหนีไปแล้ว จำเลยกำลัง จะรับประทานข้าว ผู้ตายได้มายืนร้องเรียกที่ข้างบ้านให้จำเลยออกมาเดี๋ยวนี้จำเลยก็เดินออกมาที่ชานบ้าน ผู้ตายเดินมาถึงหน้าบันไดบ้านพูดว่าวันนี้กูจะลุยมึงและจัดการกับมึงวันนี้จำเลยก็ว่าจะมาจัดการอะไรกัน ไม่เคยทำอะไรผิดผู้ตายก็พูดอีกว่าวันนี้กูต้องเอามึงแน่ จำเลยยกมือไหว้พูดว่า ไม่สู้พี่หรอก มีบุตรและภริยา ถ้าตายไปใครจะเลี้ยง ผู้ตายก็วิ่งขึ้นบันไดตรงเข้าชกต่อยจำเลย จำเลยจึงล้วงมีดพกปลายแหลมจากกระเป๋ากางเกงแทงผู้ตาย1ทีถูกบริเวณลำคอ ผู้ตายเดินเซลงบันไดไป จำเลยได้วิ่งตามไปแทงผู้ตายอีก 2-3 ครั้ง ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำแก่ผู้ตายไปเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ จากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
ผู้ตายอาละวาดไล่ทำร้ายภริยาจำเลยจนหลบหนีไปแล้วจำเลยกำลัง จะรับประทานข้าวผู้ตายได้มายืนร้องเรียกที่ข้างบ้านให้จำเลยออกมา เดี๋ยวนี้จำเลยก็เดินออกมาที่ชานบ้าน ผู้ตายเดินมาถึงหน้าบันไดบ้าน พูดว่าวันนี้กูจะลุยมึงและจัดการกับมึงวันนี้จำเลยก็ว่าจะมา จัดการอะไรกัน ไม่เคยทำอะไรผิดผู้ตายก็พูดอีกว่าวันนี้กูต้องเอามึงแน่ จำเลยยกมือไหว้พูดว่าไม่สู้พี่หรอกมีบุตรและภริยาถ้าตายไปใครจะเลี้ยง ผู้ตายก็วิ่งขึ้นบันไดตรงเข้าชกต่อยจำเลยจำเลยจึงล้วงมีดพกปลายแหลม จากกระเป๋ากางเกงแทงผู้ตาย1ทีถูกบริเวณลำคอผู้ตายเดินเซลงบันไดไป จำเลยได้วิ่งตามไปแทงผู้ตายอีก 2-3 ครั้งถือได้ว่าจำเลยได้กระทำแก่ผู้ตาย ไปเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะและการกระทำเกินเลย: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเมื่อถูกทำร้ายก่อนและการยิงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ผู้ตายกับพวกเล่นการพนันแล้วทะเลาะกันส่งเสียงดังในยามวิกาล จำเลยซึ่งอยู่บ้านใกล้ชิดติดกันย่อมมีความชอบธรรมที่จะไปขอร้องให้เบา ๆ ลงหรือเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้ตายกลับด่าว่าจำเลยแล้วเกิดชกต่อยกัน เมื่อมีคนมาห้ามและจำเลยกับผู้ตายยุติกันไปแล้ว แต่ผู้ตายหาได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้นไม่ กลับเข้าไปในบ้านหยิบขวดมาตีศีรษะจำเลยจนโลหิตไหลฉะนั้นการที่จำเลยไปหยิบปืนในบ้านออกมายิงผู้ตายจึงเป็นการบันดาลโทสะ แต่ที่จำเลยยิง ว.และศ. ด้วยแม้คนทั้งสองจะเป็นบุตรภริยาของผู้ตายและอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายก็ตาม แต่คนทั้งสองก็มิได้ร่วมทำร้ายจำเลยด้วย การที่จำเลยยิง ว. และ ศ. ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเป็นแต่เพียงจำเลยกระทำไปโดยอารมณ์ร้อนแรงชั่วแล่น ซึ่งไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะและการกระทำเกินเลย: การพิจารณาความชอบธรรมในการป้องกันตัวและการลงโทษ
จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ผู้ตายกับพวกเล่นการพนันแล้วทะเลาะกันส่งเสียงดังในยามวิกาลจำเลยซึ่งอยู่บ้านใกล้ชิดติดกันย่อมมีความชอบธรรมที่จะไปขอร้องให้เบาๆลงหรือเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้ตายกลับด่าว่าจำเลย แล้วเกิดชกต่อยกัน เมื่อมีคนมาห้ามและจำเลยกับผู้ตาย ยุติกันไปแล้ว แต่ผู้ตายหาได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้น ไม่ กลับ เข้าไปในบ้านหยิบขวดมาตีศีรษะจำเลยจนโลหิตไหล ฉะนั้นการที่จำเลยไปหยิบปืนในบ้านออกมายิงผู้ตาย จึงเป็นการบันดาลโทสะแต่ที่จำเลยยิง ศ. ด้วยแม้คนทั้งสองจะเป็นบุตรภริยาของผู้ตายและอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายก็ตามแต่คนทั้งสองก็มิได้ร่วมทำร้ายจำเลยด้วย การที่จำเลยยิง ว.และศ. ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเป็นแต่เพียงจำเลย กระทำไปโดยอารมณ์ร้อนแรงชั่วแล่น ซึ่งไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ: กรณีผู้ถูกข่มเหงด้วยพฤติกรรมก้าวร้าวและคุกคาม
จำเลยเป็นอาจารย์ใหญ่ส่วนผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะ เรียกร้อง ขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้น ผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้ว ครั้นจำเลยปฏิเสธ การขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้เสียหายก็แสดง อาการไม่พอใจทุบแก้ว และขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตาม โดยถือคอขวดที่ทุบแตก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพ เช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันได อันเป็นการพยายาม ทำให้เสียทรัพย์ แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า "มึงจะหนีไปไหน" ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหาย จะประทุษร้าย จำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไร ที่ เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิง ผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงเพื่อป้องกันตัวจากพฤติกรรมข่มเหงและทำร้ายทรัพย์สิน: บันดาลโทสะทางอาญา
จำเลยเป็นอาจารย์ใหญ่ส่วนผู้เสียหายเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน ผู้เสียหายขอไปดื่มสุราที่บ้านของจำเลยเพื่อจะ เรียกร้อง ขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ขณะที่ผู้เสียหายไปถึงบ้านของจำเลยนั้น ผู้เสียหายมีอาการเมาสุรามากแล้วครั้นจำเลยปฏิเสธ การขอเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ผู้เสียหายก็แสดง อาการไม่พอใจทุบแก้ว และขวดสุราอันเป็นการก้าวร้าวจำเลยซึ่ง เป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายก็วิ่งตาม โดยถือคอขวดที่ทุบแตก ซึ่งสามารถใช้เป็นอาวุธได้ในสภาพ เช่นนั้นและยังเข้าโยกราวบันได อันเป็นการพยายาม ทำให้เสียทรัพย์ แล้วกล่าวแก่จำเลยว่า "มึงจะหนีไปไหน" ซึ่งเป็นกิริยาที่พออนุมานได้ว่าผู้เสียหาย จะประทุษร้าย จำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้พูดหรือแสดงกิริยาอะไร ที่ เป็นการตอบโต้จะเข้าวิวาทกับผู้เสียหาย พฤติการณ์ของผู้เสียหายเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยคว้าอาวุธปืนมายิง ผู้เสียหายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิด โดยบันดาลโทสะตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72