พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2912/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถาน: เหตุอันสมควรในการเข้าไปถามเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับมารดา
การที่จำเลยเดินเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเพราะต้องการถามผู้เสียหายว่า ด่ามารดาจำเลยด้วยเรื่องอะไร ถือว่าจำเลยมีเหตุอันสมควรเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ถือเป็นความผิดทางอาญา
จำเลยบุกรุกขึ้นไปบนบ้านของผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้มือถลกผ้าถุงของผู้เสียหายขึ้นไปถึงสะโพกโดยผู้เสียหายมิได้ยินยอม ถือว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายต่อผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานบุกรุกเมื่อฟ้องพยายามลักทรัพย์: ศาลไม่ถือว่าเป็นการลงโทษนอกคำขอ
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามลักทรัพย์ และฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,335,362,364,365ทั้งสองกระทงความผิดเมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์แต่กระทำผิดฐานบุกรุกเท่านั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานบุกรุกได้ไม่เป็นการลงโทษนอกคำขอของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2329/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกและการทำให้เสียทรัพย์ในเคหสถาน การกระทำโดยไม่มีเหตุอันสมควรและความรับผิดทางอาญา
แม้จำเลยจะไปมาหาสู่ ด. ที่บ้านโจทก์ร่วมเป็นประจำ แต่จำเลยไม่เคยเข้าไปในห้องนอนของ ด. เลย การที่จำเลยเข้าไปในห้องนอนของ ด.เพื่อตามหาด. ให้มาดื่มสุรากับตนโดยโจทก์ร่วมมิได้อนุญาตให้เข้าไป เป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการรบกวนการครอบครองบ้านของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จำเลยมีความผิดฐานบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อจำเลยเข้าไปในห้องนอนของ ด.โจทก์ร่วมได้ปิดประตูห้องนอนไว้ เพื่อมิให้จำเลยออกมาเพราะจำเลยเมาสุราจำเลยได้ใช้เท้าถีบประตูห้องนอนจนบานประตูห้องนอนหลุดดังนี้นอกจากเป็นความผิดฐานบุกรุกกรรมหนึ่งแล้วยังผิดฐานทำให้เสียทรัพย์อีกกรรมหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องความเป็นเจ้าของที่ดินและการบุกรุก กรณีที่ดินมีประวัติการซื้อขายและคดีความซับซ้อน
ที่พิพาทรายนี้ยังคงโต้เถียงความเป็นเจ้าของกันอยู่ โจทก์กับบิดาจำเลยต่างก็อ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจาก ป. ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1826/2532 ของศาลชั้นต้นว่า โจทก์ก็ถูก ป.ฟ้องว่าปลอมหนังสือมอบอำนาจและนำไปใช้จดทะเบียนโอนขายที่พิพาทเป็นของตนโดยไม่ชอบขอให้ลงโทษฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม กับขอให้เพิกถอนนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายที่พิพาททั้งสองแปลงอีกด้วย ป.เพิ่งจะถอนฟ้องและยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์เพราะโจทก์ชำระเงินให้จำนวน 50,000 บาท ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เพียง 6 วัน เช่นนี้จึงฟังไม่ได้ความแน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยเข้าไปไถที่พิพาทก็ปรากฏว่า บิดาจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจาก ป.ให้จำเลยทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินพิพาท: ความเป็นเจ้าของที่ไม่ชัดเจนและเหตุผลในการกระทำ
ที่พิพาทรายนี้ยังคงโต้เถียงความเป็นเจ้าของกันอยู่โจทก์กับบิดาจำเลยต่างก็อ้างว่าซื้อที่พิพาทมาจาก ป.ยิ่งกว่านั้นยังปรากฏตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1826/2532ของศาลชั้นต้นว่า โจทก์ก็ถูก ป. ฟ้องว่าปลอมหนังสือมอบอำนาจและนำไปใช้จดทะเบียนโอนขายที่พิพาทเป็นของตนโดยไม่ชอบขอให้ลงโทษฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม กับขอให้เพิกถอนนิติกรรมจดทะเบียนโอนขายที่พิพาททั้งสองแปลงอีกด้วยป. เพิ่งจะถอนฟ้องและยอมให้ที่พิพาทเป็นของโจทก์เพราะโจทก์ชำระเงินให้จำนวน 50,000 บาท ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้เพียง 6 วัน เช่นนี้จึงฟังไม่ได้ความแน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยเข้าไปไถที่พิพาทก็ปรากฏว่า บิดาจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อที่พิพาทจาก ป. ให้จำเลยทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ: การแจ้งความโดยสุจริตตามความเข้าใจในขณะนั้น ไม่ถือเป็นความผิด
คำฟ้องของโจทก์สรุปได้ว่า จำเลยไม่ได้เป็นเจ้าของที่พิพาทและไม่ได้เป็นผู้เช่าจาก ม. แต่ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่ดินโดยเช่าจาก ม.และโจทก์บุกรุกเข้าไปในที่ดินตัดต้นส้มเขียวหวานของจำเลย ทำให้โจทก์ตกเป็นผู้ต้องหา ความจริงแล้วโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อมาจาก บ. การกระทำของจำเลยตามฟ้องเป็นการแจ้งความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งหากเป็นความเท็จ จำเลยก็อาจมีความผิดฐานแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ได้ ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดรวมทั้งข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบุกรุกเคหสถาน: ข้อเท็จจริงตามฟ้องต้องสอดคล้องกับการพิจารณา
การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน เป็นให้ปรับ 2,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ส่วนโทษจำคุกให้รอไว้นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212
การที่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง
ป.อ.มาตรา 1 (4) ให้คำนิยามของคำว่า "เคหสถาน"ว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่นเรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัย และให้หมายความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยบุกขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ
การที่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็ฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 195 วรรคสอง
ป.อ.มาตรา 1 (4) ให้คำนิยามของคำว่า "เคหสถาน"ว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่นเรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัย และให้หมายความรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยบุกขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายนั้น ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกระทำอนาจารและบุกรุก โดยมีร่องรอยบาดแผลและเสียงร้องขอความช่วยเหลือยืนยัน
โจทก์มีโจทก์ร่วมเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยกอดปล้ำโจทก์ร่วมในตอนกลางวัน โจทก์ร่วมได้แจ้งความไว้ และมีพยานแวดล้อมโดยคืนเดียวกันโจทก์ร่วมเห็นมือคนลอดบานเกร็ด ช่องลมเหนือประตูบ้านเข้ามาและดึงมือกลับไป รุ่งขึ้นโจทก์ร่วมพบรอยหยด เลือดที่พื้นหน้าบ้านและรอยเลือดที่เกิดจากการสะบัดที่ผนังบ้านกับพบจำเลยมีแผลที่มือ จึงไปแจ้งความไว้อีก พนักงานสอบสวนยืนยันคำของโจทก์ร่วม มีพยานอีกสองปากได้ยินเสียงผู้หญิงร้องในตอนกลางวันของวันเกิดเหตุ กับมีพยาบาล ผู้ทำแผลให้จำเลยในคืนเกิดเหตุเป็นพยานว่า จำเลยรับว่าถูกกระจกบาดมือ ดังนี้พยานหลักฐานโจทก์มี เหตุผลเชื่อมโยง ชี้ให้เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกและทำร้ายร่างกายเป็นความผิดต่อเนื่อง
การที่จำเลยกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายแล้วทำร้ายผู้เสียหายทันที เป็นการกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกันจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน.