พบผลลัพธ์ทั้งหมด 280 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ และไม่ต้องวินิจฉัยหากจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย. หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ. หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์. ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น. และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว. ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: เงื่อนไขการขับไล่จำเลยต้องเป็นไปตามที่ตกลงไว้
สัญญาประนีประนอมยอมความในศาลระหว่างโจทก์จำเลยระบุเงื่อนไขไว้เพียงว่า หากโจทก์มีความจำเป็นทำการเพื่อประโยชน์ในการรถไฟแล้ว โจทก์จึงจะขอให้จำเลยออกจากที่รายพิพาทได้ ฉะนั้น การที่จำเลยได้เบิกความเป็นพยานในคดีที่บิดาจำเลยฟ้องโจทก์จำเลยว่าที่รายพิพาทเป็นของนายเงิน จึงไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแต่ประการใด โจทก์จะยกเหตุอื่นมาฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้ เพราะโจทก์ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีอาญาจากการรับสารภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยล้มลงขาดใจตาย เมื่อจำเลยถูกจับกุมตัวได้ จำเลยได้ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจ รับสารภาพผิดว่าได้ยิงผู้ตายจริง นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่ ดังนี้ สมควรถือเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยได้สถานหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีฆ่าผู้อื่น จากการให้การรับสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายที่โหนกแก้มซ้ายทะลุท้ายทอยล้มลงขาดใจตาย เมื่อจำเลยถูกจับกุมตัวได้ จำเลยได้ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานตำรวจรับสารภาพผิดว่าได้ยิงผู้ตายจริง นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่ ดังนี้ สมควรถือเป็นเหตุบรรเทาโทษของจำเลยได้สถานหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: ผู้ครอบครองก่อนมีสิทธิมากกว่า แม้เป็นพื้นที่สาธารณะ
ที่ชายทะเลน้ำท่วมถึงอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นเมื่อโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์มาก่อนจำเลย โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่า และเมื่อจำเลยเข้าไปรบกวนสิทธิของโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายและขอให้ระงับการขัดขวางของจำเลยนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดจากการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี เพื่อประโยชน์อสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนบุคคล
สิทธิการใช้ทางเดินอันตกเป็นภารจำยอมนั้นกฎหมายบัญญัติเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มุ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะความสำคัญอยู่ที่ว่า ทางนั้นถูกใช้เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์มาเกิน 10 ปีแล้ว ก็ย่อมใช้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: การพิจารณาเจตนาในการแปรรูปไม้เพื่อใช้ประโยชน์
ไม้ของกลางเป็นไม้สด ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายแต่อย่างใด และไม่ปรากฏว่าจำเลยซื้อมาจากที่ไหนอย่างใด จำเลยได้เอาไม้ของกลางนี้มาฝังดินทำเป็นเสาเรือนโดยไม่ได้บากให้เป็นช่องรับไม้รอดที่ตียึดเสา กลับตีพุกประกับช่วย เป็นการแสดงเจตนาให้เห็นได้ว่าจำเลยเอามาทำเสาเรือนเพื่อพราง ไม่ใช่เพื่อให้เป็นเราเรือนอย่างถาวร ไม้ของกลางจึงยังไม่เป็นไม้แปรรูป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัตยาบันสัญญาโดยบริษัท แม้ไม่มีตราบริษัท หากบริษัทได้รับประโยชน์และถือเอาสัญญาไปใช้
ประธานกรรมการบริษัทจำกัด ไปทำสัญญาแทนบริษัทโดยมิได้ประทับตราตามข้อบังคับ ถ้าบริษัทได้นำเอาสัญญานั้นมาใช้เป็นประโยชน์ในการดำเนินกิจการของตน ย่อมถือว่าบริษัทได้ให้สัตยาบันและมีผลผูกพันบริษัทแล้ว บริษัทจะปฏิเสธไม่รับผิดและขอให้เพิกถอนสัญญาดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัตยาบันสัญญาโดยบริษัท แม้ไม่มีตราบริษัท สัญญาผูกพันเมื่อบริษัทได้รับประโยชน์และใช้สัญญานั้น
ประธานกรรมการบริษัทจำกัด ไปทำสัญญาแทนบริษัทโดยมิได้ประทับตราตามข้อบังคับ ถ้าบริษัทได้นำเอาสัญญานั้นมาใช้เป็นประโยชน์ในการดำเนินกิจการของตน ย่อมถือว่าบริษัทได้ให้สัตยาบันและมีผลผูกพันบริษัทแล้ว บริษัทจะปฏิเสธไม่รับผิด และขอให้เพิกถอนสัญญาดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1015/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการครอบครองแทนเจ้าของ การขาดอายุความเรียกคืนประโยชน์
พ.ฟ้อง บ.หาว่าบุกรุกที่นามือเปล่าของตน ขอให้ห้ามมิให้เกี่ยวข้อง บ.ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของ บ. ในระหว่างพิจารณาศาลสั่งให้ประมูลค่าเช่านาพิพาทสำหรับปีนั้น (พ.ศ.2486) ฝ่ายใดให้ค่าเช่าสูงก็จะได้ทำนา ให้นำเงินค่าเช่ามาวางศาลไว้ ชำระให้ผู้ชนะคดี จำเลยเป็นฝ่ายประมูลได้ ได้เข้าทำนาพิพาท ปีต่อมาจำเลยก็ทำนาพิพาทอีกโดยไม่ยอมประมูลค่าเช่าและเป็นฝ่ายทำนาพิพาทตลอดมา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อพ.ศ.2500 ซึ่งวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของ พ. พิพากษายืนให้ยกฟ้อง วันที่ 10 ตุลาคม 2503 บ.จึงร้องต่อศาลว่า พ.ยังไม่ออกจากที่พิพาท ขอให้เรียกมาว่ากล่าว พ.แถลงว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยโดยทางครอบครองปรปักษ์แล้วตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ศาลให้ บ.ทราบ ดังนี้การที่พ.ครอบครองที่พิพาทในระหว่างเป็นความกันอยู่ จะถือว่าครอบครองโดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตนไม่ได้ การที่ได้เข้าครอบครองในพ.ศ.2506 ก็โดยการประมูลทำนาได้ คือ โดยความยินยอมของ บ. ค่าเช่าที่วางศาลก็เพื่อให้แก่ผู้ชนะคดี จึงถือว่าเข้าครอบครองแทนผู้ชนะคดีนั่นเอง เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้องของ พ. แม้จะไม่ได้ชี้ว่าที่พิพาทเป็นของ บ. แต่ พ. ก็เถึยงไม่ได้ว่า
บ.ไม่ได้เป็นเจ้าของที่พิพาท เพราะผลของคำพิพากษาย่อมผูกพัน พ. ว่า บ.มิสิทธิในที่พิพาทดีกว่า การที่ พ.ครอบครองที่พิพาทภายหลัง่จกาวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วก็เป็นการครอบครองสืบต่อมาจากการครอบครองในระหว่างคดี ต้องถือว่าครอบครองแทน บ.ผู้ชนะคดีอยู่นั่นเอง จะครอบครองช้านานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองในเมื่อ พ.มิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือหรืออาศัยอำนาจใหม่จากบุคคลภายนอก พ.จะอ้างอายุความการแบ่งการครอบครองตามมาตรา 1395 มาใช้ยัน บ. ไม่ได้ บ.มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง
การที่ พ.เข้าทำนาพิพาทนับแต่ พ.ศ.2497 นั้น มิได้ตกลงประมูลค่าเช่ากับ บ.อีกจึงไม่ใช่เนื่องจากสัญญา แต่ก็ไม่เป็นการละเมิดเพราะเข้าครอบครองทำนาพิพาทด้วยความยินยอมของ บ.มาแต่ พ.ศ.2496 และการครอบครองในปีต่อ ๆ มา ก็ถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทน บ. ผู้ชนะคดี การที่ บ.ฟ้องเรียกเงินผลประโยชน์ในการที่ พ.ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ปีพ.ศ.2497 เป็นต้นไปนั้น จึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 406 เพราะการที่ พ.ได้รับประโยชน์จากการเข้าทำนาพิพาทซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นของบ.นั้น เป็นการได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ แต่ บ.ต้องฟ้องเรียกเอาภายในกำหนด 1 ปีนับแต่สิ้นฤดูเก็บเกี่ยวฯของแต่ละปี ซึ่ง บ.ย่อมจะรู้ได้แล้วว่า ผู้ทำนาได้รับประโยชน์จากการทำนาเท่าใด ส่วนเงินผลประโยชน์สำหรับระยะเวลาที่พ้นกำหนด 1 ปีแล้ว ย่อมขาดอายุความเรียกคืน
บ.ไม่ได้เป็นเจ้าของที่พิพาท เพราะผลของคำพิพากษาย่อมผูกพัน พ. ว่า บ.มิสิทธิในที่พิพาทดีกว่า การที่ พ.ครอบครองที่พิพาทภายหลัง่จกาวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วก็เป็นการครอบครองสืบต่อมาจากการครอบครองในระหว่างคดี ต้องถือว่าครอบครองแทน บ.ผู้ชนะคดีอยู่นั่นเอง จะครอบครองช้านานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองในเมื่อ พ.มิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือหรืออาศัยอำนาจใหม่จากบุคคลภายนอก พ.จะอ้างอายุความการแบ่งการครอบครองตามมาตรา 1395 มาใช้ยัน บ. ไม่ได้ บ.มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง
การที่ พ.เข้าทำนาพิพาทนับแต่ พ.ศ.2497 นั้น มิได้ตกลงประมูลค่าเช่ากับ บ.อีกจึงไม่ใช่เนื่องจากสัญญา แต่ก็ไม่เป็นการละเมิดเพราะเข้าครอบครองทำนาพิพาทด้วยความยินยอมของ บ.มาแต่ พ.ศ.2496 และการครอบครองในปีต่อ ๆ มา ก็ถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทน บ. ผู้ชนะคดี การที่ บ.ฟ้องเรียกเงินผลประโยชน์ในการที่ พ.ได้ครอบครองที่พิพาทตั้งแต่ปีพ.ศ.2497 เป็นต้นไปนั้น จึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 406 เพราะการที่ พ.ได้รับประโยชน์จากการเข้าทำนาพิพาทซึ่งศาลพิพากษาว่าเป็นของบ.นั้น เป็นการได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ แต่ บ.ต้องฟ้องเรียกเอาภายในกำหนด 1 ปีนับแต่สิ้นฤดูเก็บเกี่ยวฯของแต่ละปี ซึ่ง บ.ย่อมจะรู้ได้แล้วว่า ผู้ทำนาได้รับประโยชน์จากการทำนาเท่าใด ส่วนเงินผลประโยชน์สำหรับระยะเวลาที่พ้นกำหนด 1 ปีแล้ว ย่อมขาดอายุความเรียกคืน