คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พฤติการณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดซึ่งมีความยาวทั้งตัวมีดและด้ามประมาณ 1 ฟุตฟันผู้เสียหายที่ 1 ที่บริเวณใบหน้าซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญขณะผู้เสียหายที่ 1 นั่งขับรถจักรยานยนต์ซึ่งไม่มีโอกาสหลบเลี่ยงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 มีบาดแผลขอบเรียบยาว 15 เซนติเมตรพาก*จากหน้าผากยาวไปยังโหนกแก้ม แผลลึกถึงกะโหลกศีรษะ มีรอยแตกของกระดูกไปตามแผลยาว 13 เซนติเมตร ลึก 0.3 เซนติเมตร มีอาการบวมช้ำของขอบตาขวาใกล้กับรอยแผลอันเป็นบาดแผลฉกรรจ์เช่นนี้จำเลยย่อมจะต้องเล็งเห็นผลว่าอาจทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ถึงแก่ความตายได้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 1 แล้ว ส่วนการที่จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ 2 รวม 2 ครั้ง แต่ขณะจำเลยจะฟันผู้เสียหายที่ 2 รู้ตัวล่วงหน้าได้ยกแขนขึ้นรับจำเลยย่อมจะต้องเห็นอยู่แล้วว่าผู้เสียหายที่ 2 ยกแขนขึ้นรับไว้ก่อนแล้วต้องถือว่าจำเลยมีความประสงค์จะฟันแขนผู้เสียหายที่ 2 เท่านั้น ซึ่งมิใช่อวัยวะสำคัญที่จะเล็งเห็นว่าอาจทำให้ผู้เสียหายที่ 2 ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 2แต่มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3411/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการละเมิด: การคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และอำนาจศาลในการวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์
เมื่อรถจักรดีเซลของโจทก์เสียหายเนื่องจากการทำละเมิดและต้องนำมาซ่อมในโรงงานของโจทก์ โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงาน เช่น ค่าน้ำ ค่าเชื้อเพลิง ค่าเครื่องจักร เครื่องมือกลต่าง ๆ และค่าเสื่อมราคาโรงงาน ส่วนค่าควบคุมนั้นโจทก์ต้องใช้หัวหน้าหน่วยตลอดสายงานมาควบคุมดูแลการซ่อม จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการทำละเมิด เพราะถ้าไม่มีการทำละเมิดเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายโจทก์ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงานและค่าควบคุมดังกล่าว แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นชัดแจ้งว่าโจทก์เสียหายแท้จริงเป็นจำนวนเท่าใด จึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์เสียค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงงานและค่าควบคุมตามจำนวนที่โจทก์ฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 43
การที่วันเกิดเหตุโจทก์ต้องจัดขบวนรถพิเศษจากสถานีรถไฟนครสวรรค์ไปยังที่เกิดเหตุเพื่อยกรถจักรที่ตกราง เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ต้องเสียค่า-ใช้จ่ายในการนี้แน่นอน จึงเป็นค่าเสียหายโดยตรงที่โจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดได้ แต่เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า โจทก์เสียหายไปเพียงใด ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์เช่นกัน
ศาลได้กำหนดให้จำเลยรับผิดในค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงานของโจทก์ที่ไปทำการยกหัวรถจักรที่ตกรางให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าอาหารเลี้ยงพนักงานดังกล่าวจากจำเลยอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: พฤติการณ์สนับสนุนการเป็นตัวการร่วม แม้ถูกข่มขู่
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งเจ็ดเล่นการพนันที่บ้านของผู้เสียหายที่ 1 จำเลยมากับผู้เสียหายที่ 7 จำเลยได้กลับไปนำเงินที่บ้านของผู้เสียหายที่ 7 รวม 2 ครั้ง ในครั้งที่ 2 จำเลยไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมงยังไม่กลับมาผู้เสียหายที่ 7 จึงไปเอาเงินที่บ้านด้วยตนเอง ต่อมาจำเลยกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุพร้อมกับคนร้ายกดแตรรถจักรยานยนต์เป็นสัญญาณ และขานรับเมื่อผู้เสียหายที่ 1ถามชื่อผู้เสียหายที่ 1 จึงเปิดประตูเมื่อเห็นจำเลยกับคนร้ายผู้เสียหายที่ 1 จะปิดประตูแต่ปิดไม่ได้เพราะจำเลยใช้หัวรถจักรยานยนต์ดันเข้ามา จำเลยกับพวกเข้ามาในบ้านได้ คนร้ายได้บังคับผู้เสียหายทั้งเจ็ดและจำเลยนอนคว่ำ แล้วตรวจค้นเอาทรัพย์สินไป เว้นแต่จำเลยไม่ได้ถูกตรวจค้น พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายปล้นทรัพย์จริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลบหนีเจ้าพนักงาน vs. พยายามฆ่า: การประเมินพฤติการณ์เพื่อตัดสินความผิด
เมื่อจำเลยชะลอความเร็วของรถเพราะติดรถยนต์คันอื่นซึ่งติดสัญญาณไฟแดงเพื่อจะเลี้ยวขวา เจ้าพนักงานตำรวจได้ลงจากรถยนต์ปิกอัพวิ่งไปกระโดดเกาะบันไดขึ้นหลังคารถตรงประตูรถด้านหน้าด้านคนขับ จำเลยได้ขับรถเบี่ยงลงถนนทางด้านซ้ายเฉียดเสาไฟฟ้า เมื่อเลยสี่แยกไป เจ้าพนักงานตำรวจปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ จำเลยได้ขับรถชิดซ้ายและขับรถส่ายไปมา ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวก็เพื่อที่จะหลบหนีเจ้าพนักงานตำรวจไม่ให้จับกุมได้เท่านั้นแม้จะขับรถส่ายไปมาก็เป็นการกันมิให้รถยนต์ของเจ้าพนักงานตำรวจแซงขึ้นหน้ารถตนเองได้ซึ่งหากจำเลยมีเจตนาฆ่าคงจะกระทำในโอกาสแรกโดยการขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุพุ่งเข้าชนเจ้าพนักงานตำรวจในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นยืนโบกมือ ขวางทางอยู่กลางถนนที่ด่านตำรวจ การที่จำเลยไม่หยุดรถเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจส่งสัญญาณให้หยุดที่ด่านตรวจโดยเร่งความเร็วหลบแผงกั้นเป็นด่านตรวจของเจ้าพนักงานตำรวจ และขับรถส่ายไปมาในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจอยู่บนหลังคารถด้วยนั้น ตามพฤติการณ์จำเลยมีเจตนาที่จะหลบหนีให้พ้นการตรวจค้นและจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจเพียงอย่างเดียวอันเป็นความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายเท่านั้น ส่วนที่จำเลยขับรถเบี่ยงลงถนนด้านซ้ายเฉียดเสาไฟฟ้าข้างถนน ก็ปรากฏว่าก่อนที่จำเลยจะขับรถเบี่ยงไปเช่นนั้นมีรถยนต์หลายคันจอดขวางติดสัญญาณไฟแดงอยู่เมื่อได้สัญญาณไฟเขียว จำเลยก็รีบร้อนขับรถออกไปเพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม แต่เมื่อไม่อาจขับรถออกไปทันทีได้จึงต้องเบี่ยงลงข้างทางที่มีที่ว่างพอให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยขับผ่านไปได้เผอิญตรงนั้นมีเสาไฟฟ้าอยู่ 1 ต้น จำเลยจึงต้องขับรถเบี่ยงเฉียดเสาไฟฟ้านั้นไป อีกทั้งรถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยขับเป็นรถขนาดใหญ่และเป็นขณะเพิ่งออกรถ ย่อมไม่อาจใช้ความเร็วสูงได้จำเลยจึงมีเพียงเจตนาหลบหนีเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยเล็งเห็นผลการกระทำของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเพลิงทำลายเอกสารราชการโดยมีพิรุธจากพฤติการณ์และการถูกฟ้องคดีก่อนหน้า
วันเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาใกล้ชิดกับเหตุเพลิงไหม้ จำเลยเป็นคนสุดท้ายที่เปิดประตูเข้าไปในสำนักงานที่ดิน โดยเข้าออกหลังเลิกงานซึ่งมีการปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยแล้วและเป็นเวลาก่อนเกิดเหตุไม่นาน ก่อนเกิดเหตุจำเลยถูกราษฎรฟ้องคดีอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการออก น.ส.3 ทับที่ดินผู้อื่น จำเลยย่อมต้องได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่อันเกี่ยวกับการมีอยู่ของเอกสารบางฉบับซึ่งอยู่ในความครอบครองของทางราชการ นับแต่จำเลยถูกฟ้องเป็นต้นมาจำเลยมีพฤติการณ์เข้าไปมีส่วนได้เสียกับแผนที่ระวาง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญเกี่ยวข้องกับการออก น.ส.3 การเผาทำลายเอกสารครั้งนี้ย่อมเล็งเห็นเจตนาของผู้กระทำได้ว่ามุ่งหมายจะทำลายเอกสารทั้งหมด เพื่อไม่ต้องการให้เอกสารฉบับใดฉบับหนึ่ง ใช้เป็นพยานหลักฐานยันตนในการกระทำอันฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ประกอบกับพฤติการณ์ของจำเลยที่เข้าไปในสำนักงานที่ดินเป็นคนสุดท้ายก่อนเกิดเพลิงไหม้ไม่นาน แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้วางเพลิง แต่จากพยานแวดล้อมกรณีมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้วางเพลิงเผาทรัพย์รายนี้เป็นเหตุให้ ส.ค.1 ประมาณ 30 แฟ้มและเพดานห้องบางส่วนบนอาคารสำนักงานที่ดินได้รับความเสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขี่และการแบ่งความรับผิดในอุบัติเหตุทางถนน พิจารณาจากพฤติการณ์และความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
เมื่อการที่มีรถยนต์เปิดไฟหน้ารถแล่นสวนทางมาหลายคันเป็นเหตุให้คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์มองไม่เห็นทางเดินรถด้านหน้าที่อยู่ไกลหลังแสงไฟของรถยนต์ที่แล่นสวนทางมา คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ควรชะลอความเร็วของรถลงเพื่อให้สัมพันธ์กับระยะทางที่ตนสามารถมองเห็นและหยุดรถได้ทัน หากมีสิ่งกีดขวางอยู่บนทางเดินรถ การที่คนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ไม่ระมัดระวังดังกล่าว กลับขับรถฝ่าแสงไฟของรถที่แล่นสวนทางมาโดยไม่ชะลอความเร็วลงให้ปลอดภัย จึงเกิดเฉี่ยวชนถูกรถยนต์ของฝ่ายจำเลย ซึ่งจอดกีดขวางทางเดินรถอยู่ เห็นได้ว่าคนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ขับรถยนต์ด้วยความประมาทมิได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอกับภาวะเช่นนั้น เหตุที่เกิดความเสียหายขึ้นจึงเป็นเพราะความประมาทของคนขับรถยนต์ของฝ่ายโจทก์ด้วย การกำหนดค่าสินไหมทดแทนจึงตกอยู่ในบังคับแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 223 ที่ว่าฝ่ายผู้ก่อความเสียหายจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายเพียงใดต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ โดยพิจารณาว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษทางอาญา: ปืนและกระสุน, พฤติการณ์, ประวัติ, คุณงามความดี, รอการลงโทษ
ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและยึดอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้เป็นของกลางนั้น ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่าจำเลยพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวเพื่อจะใช้ในการกระทำผิด หรือเพื่อจะก่อเหตุร้ายขึ้น ทั้งกระสุนปืนที่บรรจุอยู่กับอาวุธปืนก็มีอยู่เพียงนัดเดียว ความผิดของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงนักเมื่อจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับเคยได้กระทำคุณงามความดีโดยเข้าร่วมกับกลุ่มหนุ่มสาวพัฒนาหมู่บ้านของจำเลยจนได้รับรางวัลดีเด่นของหมู่บ้านจึงมีเหตุอันควรปรานี ที่จะให้รอการลงโทษจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีอาวุธปืน: เหตุบรรเทาโทษ, พฤติการณ์, และการให้โอกาสกลับตัว
ขณะที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและยึดอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้เป็นของกลางนั้น ไม่มีพฤติการณ์ใดส่อแสดงว่าจำเลยพาอาวุธปืนและกระสุนปืนดังกล่าวเพื่อจะใช้ในการกระทำผิด หรือเพื่อจะก่อเหตุร้ายขึ้น ทั้งกระสุนปืนที่บรรจุอยู่กับอาวุธปืนก็มีอยู่เพียงนัดเดียว ความผิดของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงนัก เมื่อจำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนประกอบกับเคยได้กระทำคุณงานความดีโดยเข้าร่วมกับกลุ่มหนุ่มสาวพัฒนาหมู่บ้านของจำเลยจนได้รับรางวัลดีเด่นของหมู่บ้านจึงมีเหตุอันควรปรานี ที่จะให้รอการลงโทษจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษคดีพนัน: พิจารณาจากประวัติผู้ต้องหา, พฤติการณ์, จำนวนผู้ร่วม และช่วงเทศกาล
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันเบี้ยโบก มีผู้ร่วมเล่นจำนวนมากถึง 35 คน แต่ยึดเงินของกลางได้เพียง 300 บาท จำเลยที่ 1 ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่ปรากฏพฤติการณ์เปิดเป็นบ่อนการพนันประกอบกับเหตุเกิดในช่วงเทศกาล สงกรานต์ สมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 994/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลักทรัพย์ในสถานที่ทำงาน พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลย การรอการลงโทษจากพฤติการณ์และผู้เสียหายไม่ติดใจ
โจทก์มี ธ.พ. และ ก. ซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกับจำเลยเบิกความตรงกันว่า จำเลยได้รับกับพยานว่าได้เอาเงินของผู้เสียหายไปและได้ทำบันทึกตามเอกสารหมาย จ.4 ต่อหน้าพยานทั้งสาม และมีครูโรงเรียนเดียวกับจำเลยรู้เห็นอยู่ด้วยว่าขณะเข้าไปดื่มน้ำในห้องที่เกิดเหตุ จำเลยได้หยิบเงินในกระเป๋าของผู้เสียหายไปและจากคำเบิกความของ อ.และส.ว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยเข้าไปดื่มน้ำในห้องที่เกิดเหตุตรงกับข้อเท็จจริงในบันทึกเอกสารหมาย จ.4และจำเลยนำเงินไปคืนไว้ที่โต๊ะ ส.เพื่อคืนให้ผู้เสียหายในลักษณะแอบแฝง พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีที่โจทก์นำสืบบ่งชี้ให้เห็นชัดปราศจากสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักเอาเงินของผู้เสียหายไปจริง พยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่ได้ความว่าจำเลยมีลักษณะบกพร่องทางจิตใจชอบอยากได้ของคนอื่นประกอบกับจำเลยได้นำเงินที่ยังไม่ได้คืนมาคืนให้ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว และผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องว่าไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลยอีกต่อไป สมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองที่ดีต่อไป โดยรอการลงโทษจำเลยไว้.
of 79