พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการครอบครอง: การแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ แต่การพิพากษาว่าที่ดินเป็นของผู้ครอบครองเดิมเพียงพอแล้ว
ที่ดินมือเปล่าของโจทก์ จำเลยไปแจ้ง ส.ค.1 ว่าเป็นของจำเลย เมื่อศาลพิพากษาว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้ว ไม่จำเป็นต้องพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการขอถอนชื่อจำเลยจาก ส.ค.1 เพราะการแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็นศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็นศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นโทษผู้มีวัตถุระเบิดมอบต่อเจ้าหน้าที่: พิพากษายกเว้นโทษรวมถึงจำเลยที่ไม่ฎีกา
ระหว่างอุทธรณ์มีกฎหมายให้ผู้มีวัตถุระเบิดโดยไม่อาจรับอนุญาตได้นำไปมอบต่อนายทะเบียนใน 90 วัน ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ศาลฎีกาพิพากษายกเว้นโทษและให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณะพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญา มีผลผูกพันคดีแพ่งเรื่องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
คดีอาญาศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะจำเลยมีความผิดลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 ข้อเท็จจริงนี้ต้องรับฟังในคดีแพ่งที่จำเลยถูกฟ้องให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและทำที่ดินให้คงสภาพทางสาธารณะตามเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงขัดต่อข้อจำกัดเรื่องทุนทรัพย์ ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำละเมิดโดยปล่อยกระบือของจำเลยให้ขวิดกระบือของโจทก์ขาหักในวันที่ 17 ตุลาคม 2517 ตรงตามที่กล่าวในฟ้อง จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าวันเกิดเหตุทำละเมิดเป็นวันอื่นนอกเหนือจากที่ศาลชั้นต้นฟังมา ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดนั้น เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ไต่สวนเหตุจำเป็นที่โจทก์มาศาลล่าช้าก่อนพิพากษาคดี เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบพิพากษายกคำพิพากษาเดิม
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ถึงวันนัดทนายโจทก์ทนายจำเลยและตัวจำเลยมาศาล ทนายโจทก์แถลงว่าตัวโจทก์และพยานไม่มาศาลไม่ทราบเหตุขัดข้องสุดแต่ศาลจะพิจารณาสั่ง ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่เอาใจใส่ละทิ้งคดีเป็นการประวิงคดี ก็เป็นความเข้าใจของศาลชั้นต้นเอง แม้ศาลชั้นต้นได้สั่งว่าให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อโดยไม่ให้เลื่อน โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบแล้วอนุญาตให้สืบพยานจำเลยไปจนเสร็จสิ้นและนัดอ่านคำพิพากษาไว้ในวันเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อก่อนอ่านคำพิพากษาตัวโจทก์มาศาลและยื่นคำร้องว่า เหตุที่มาศาลล่าช้าเพราะฝนตกมีรถตักดินเสียขวางทางอยู่เป็นเหตุสุดวิสัย ขอสืบพยาน จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนให้ได้ความเสียก่อนว่าข้ออ้างของโจทก์เป็นความจริงหรือไม่ เพราะถ้าเป็นความจริงก็ไม่พอถือได้ว่าตัวโจทก์ไม่เอาใจใส่ในคดี ประวิงคดี ดังที่ศาลชั้นต้นเข้าใจในตอนแรก การที่ศาลชั้นต้นไม่ไต่สวนและพิจารณาคดีไป จึงไม่เป็นไปตามขั้นตอนแห่งการดำเนินกระบวนพิจารณา เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสีย ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้
แม้ตามอุทธรณ์ของโจทก์คงขอให้สืบพยาน มิได้ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องของโจทก์ก็ตาม แต่การที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและสั่งคำร้องขอสืบพยานของโจทก์ ก็เป็นไปตามขั้นตอนที่จะอนุญาตให้โจทก์ทำการสืบพยานใหม่ตามอุทธรณ์ของโจทก์นั่นเอง ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจสั่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในส่วนจำเลยที่ 2-3
คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี เมื่อฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลในคดีฟ้องแย้ง: พิจารณาเจตนาตั้งทุนทรัพย์สูงหรือไม่ เพื่อตัดสินชดใช้ค่าขึ้นศาลตามจำนวนที่พิพากษาหรือไม่
ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้เงินหรือแบ่งทรัพย์ให้แก่คู่ความที่ชนะคดีน้อยกว่าจำนวนเงินหรือจำนวนทุนทรัพย์ฝ่ายที่ชนะคดีเรียกร้อง การที่จะพิจารณาให้ฝ่ายที่แพ้คดีชดใช้ค่าขึ้นศาลเต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฝ่ายชนะคดีเรียกร้องหรือจะให้ชดใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ศาลพิพากษาให้นั้น จะต้องดูเจตนาของคู่ความฝ่ายที่ชนะคดีว่าแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูงหรือไม่เป็นสำคัญ จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชดใช้ค่าเสื่อมราคารถพิพาท 20,000 บาทศาลชั้นต้นให้ชดใช้ 15,000 บาท ศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้ 10,000 บาท เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาแกล้งตั้งทุนทรัพย์ให้สูง แต่เป็นเพราะยากที่จะเรียกร้องให้ถูกต้องได้ ที่ศาลให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลแทนจำเลยตามจำนวนทุนทรัพย์ที่จำเลยเรียกร้องจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรังวัดพื้นที่อาคารเพื่อพิพากษาคดีรุกล้ำที่ดิน โดยใช้ข้อตกลงเรื่องวิธีการรังวัดเป็นหลัก
โจทก์จำเลยเช่าที่ดินจากจำเลยร่วมมาปลูกห้องแถว โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง โดยต่างอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งปลูกห้องแถวรุกล้ำที่ดินซึ่งตนเช่าขอให้รื้อถอนไปชั้นพิจารณาคู่ความท้ากันให้ศาลวินิจฉัยประเด็นเดียวว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่เกินกว่า 45 ตารางวาตามสัญญาเช่าหรือไม่ ถ้าเกินจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่เกินโจทก์ยอมแพ้ วิธีรังวัดคู่ความตกลงกันให้วัดจากด้านนอกของอาคาร และให้คำนวณเนื้อที่โดยให้จ่าศาลและช่างรังวัดของจำเลยร่วมเป็นผู้รังวัด ผลของการรังวัดปรากฏว่าอาคารปลูกสร้างของจำเลยมีเนื้อที่ตามที่เจ้าพนักงานที่ไปรังวัดคำนวณเนื้อที่ได้ 56.80 ตารางวา ดังนั้น เมื่อคู่ความตกลงให้ถือตัวอาคารของจำเลยเป็นหลักในการรังวัดมิใช่ให้ถือพื้นที่ที่จำเลยเช่าเป็นหลักรังวัดการรังวัดจึงถูกต้องตามคำท้า และเมื่อผลของการรังวัดปรากฏว่าจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีศาลก็ต้องพิพากษาให้เป็นไปตามคำท้านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ - ศาลพิพากษาแสดงสิทธิครอบครองได้แม้ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครอง ที่พิพาทไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีเพียงสิทธิครอบครองศาลก็พิพากษาแสดงสิทธิครอบครองได้ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานก่อนพิพากษาคดี: ศาลอุทธรณ์สั่งย้อนสำนวนเพื่อสืบพยานใหม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาคดีไป แม้คู่ความไม่โต้แย้งคำสั่งให้งดสืบพยาน ก็เป็นการพิจารณาผิดพลาด ศาลอุทธรณ์สั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ได้