พบผลลัพธ์ทั้งหมด 437 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อปิดบังการยักยอก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้มีการฟ้องร้องฐานยักยอกไปแล้ว
จำเลยเป็นผู้รักษาเงินของบริษัทโจทก์ มีหน้าที่รับเงินจากพนักงานขายนำฝากธนาคารเป็นรายวันตามยอดที่รับไว้ จำเลยยักยอกเงินสดของโจทก์ที่จะต้องฝากเข้าธนาคารแล้วออกเช็คของจำเลยนำเข้าฝากธนาคารแทน เพื่อจะไม่ให้โจทก์รู้ความจริง และต้องการปิดบังความผิดฐานยักยอก ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยออกโจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานยักยอก ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ดังนี้ จำเลยมิได้ออกเช็คที่ฟ้องโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็ค ทั้งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องไปจนคดีถึงที่สุดแล้วด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมฐานยักยอกและลักทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงและการกระทำของจำเลยว่า จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วมกระทำความผิดฐานยักยอก แล้วโจทก์ยังได้บรรยายฟ้องกล่าวอ้างอีกว่า ในการกระทำอันเดียวกันนั้นเป็นการลักทรัพย์ คำฟ้องของโจทก์จึงขัดแย้งกันอยู่ในตัวเองเป็นฟ้องที่ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (4) จะรับไว้พิจารณาเอาโทษจำเลยมิได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 30/2494)
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์โดยระบุวันที่จำเลยได้รับเช็ค และเงินสดไว้ แต่มิได้บรรยายว่า จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเงินสดไปในวัน เดือน ปี และเวลาใดจะตีเอาว่าโจทก์หมายเอาในระหว่างวันเวลาที่จำเลยได้รับเช็ค และเงินสดนั้นเป็นวันที่จำเลยกระทำผิดก็ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อความตอนใดจะให้เข้าใจได้ดังนั้น ฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 117/2592)
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์โดยระบุวันที่จำเลยได้รับเช็ค และเงินสดไว้ แต่มิได้บรรยายว่า จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเงินสดไปในวัน เดือน ปี และเวลาใดจะตีเอาว่าโจทก์หมายเอาในระหว่างวันเวลาที่จำเลยได้รับเช็ค และเงินสดนั้นเป็นวันที่จำเลยกระทำผิดก็ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อความตอนใดจะให้เข้าใจได้ดังนั้น ฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 117/2592)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1407/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมฐานยักยอกและลักทรัพย์ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงและการกระทำของจำเลยว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ร่วมกระทำความผิดฐานยักยอกแล้วโจทก์ยังได้บรรยายฟ้องกล่าวอ้างอีกว่า ในการกระทำอันเดียวกันนั้นเป็นการลักทรัพย์ คำฟ้องของโจทก์จึงขัดแย้งกันอยู่ในตัวเองเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) จะรับไว้พิจารณาเอาโทษจำเลยมิได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่30/2494)
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์โดยระบุวันที่จำเลยได้รับเช็คและเงินสดไว้ แต่มิได้บรรยายว่า จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเงินสดไปในวัน เดือน ปี และเวลาใดจะตีความเอาว่าโจทก์หมายเอาในระหว่างวันเวลาที่จำเลยได้รับเช็คและเงินสดนั้นเป็นวันที่จำเลยกระทำผิดก็ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อความตอนใดจะให้เข้าใจได้ดังนั้นฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 117/2492)
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์โดยระบุวันที่จำเลยได้รับเช็คและเงินสดไว้ แต่มิได้บรรยายว่า จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเงินสดไปในวัน เดือน ปี และเวลาใดจะตีความเอาว่าโจทก์หมายเอาในระหว่างวันเวลาที่จำเลยได้รับเช็คและเงินสดนั้นเป็นวันที่จำเลยกระทำผิดก็ไม่ได้ เพราะไม่มีข้อความตอนใดจะให้เข้าใจได้ดังนั้นฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 117/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดระหว่างลักทรัพย์กับยักยอก: การครอบครองทรัพย์สินเป็นสำคัญ
ผู้เสียหายและจำเลยไปซื้อพริกด้วยกัน ขณะที่ผู้เสียหายกำลังก้มลงเลือกพริกอยู่ จำเลยบอกผู้เสียหายว่าเงินในกระเป๋าจะตกพร้อมกับหยิบเอาห่อพลาสติกซึ่งผู้เสียหายใส่เงิน 2,200 บาท จากกระเป๋าเสื้อของผู้เสียหายมาถือไว้ผู้เสียหายจึงบอกให้จำเลยถือไว้ให้ดีอย่าให้ตกหาย แล้วเลือกพริกต่อไปอีกประมาณ 10 นาที เมื่อเงยหน้าขึ้นปรากฏว่าจำเลยเอาเงินของผู้เสียหายหลบหนีไปเสียแล้วเช่นนี้ การครอบครองเงินจำนวนนี้ยังอยู่กับผู้เสียหายการที่จำเลยเอาเงินของผู้เสียหายไป จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอก เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2521)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอก เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2282/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าบ้านและมอบหมายให้ดูแลทรัพย์สินไม่ถือเป็นการลักทรัพย์ แต่เป็นการยักยอก
ผู้เสียหายให้จำเลยเช่าบ้านและบอกให้จำเลยช่วยดูแลทรัพย์สินในบ้านถือเป็นการมอบหมายให้จำเลยครอบครองทรัพย์ที่อยู่ในบ้านแทนผู้เสียหายแล้ว เมื่อจำเลยเอาทรัพย์นั้นไป การกระทำของจำเลยจึงต้องด้วยความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2254/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารสิทธิและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ การกระทำผิดฐานยักยอกและการกระทำความผิดต่างกรรม
โฉนดและหนังสือมอบอำนาจซึ่งผู้เสียหายลงแต่ลายมือชื่อให้ไว้และอยู่ในความครอบครองของสามีจำเลยที่ 1 เมื่อสามีตายได้ตกอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ต่อมาได้มีการกรอกข้อความปลอม กับปลอมลายมือชื่อนายอำเภอผู้รับรอง และปลอมรอยดวงตราอำเภอลงในหนังสือมอบอำนาจ แล้วจำเลยที่ 1ที่ 2 ร่วมกันนำไปแสดงเป็นหลักฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อหนังสือมอบอำนาจ ได้ทำการโอนและแก้ทะเบียนโฉนดฉบับหลวงด้วยแล้วการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268,252,267 แต่เป็นการกระทำเพื่อประสงค์ให้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเป็นการกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 252 ซึ่งเป็นบทหนักแต่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันเอาโฉนดพิพาทซึ่งเป็นเอกสารสิทธิของผู้เสียหายไปในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย และเป็นการกระทำต่างกรรมกับที่จำเลยกระทำมาดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องมีความผิดตามมาตรา 188 อีกกระทงหนึ่ง
จำเลยที่ 1 ยึดถือโฉนดพิพาทไว้ก็เพื่อประสงค์กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่มีเจตนายักยอกโฉนดนั้น จำเลยที่ 1จึงไม่มีความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 352
จำเลยที่ 1 ยึดถือโฉนดพิพาทไว้ก็เพื่อประสงค์กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่มีเจตนายักยอกโฉนดนั้น จำเลยที่ 1จึงไม่มีความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 352
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกต้องมีการครอบครองทรัพย์ก่อน หากไม่มีการครอบครอง แม้จะมีการเปลี่ยนทรัพย์สิน ก็ไม่ถือว่าเป็นการยักยอก
ความผิดฐานยักยอกตาม มาตรา 352 ผู้ยักยอกต้องครอบครองทรัพย์ที่ยักยอกแล้วเบียดบังเสีย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยครอบครองทรัพย์ ก็ไม่เป็นยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายครอบครองทรัพย์และฐานความผิดระหว่างลักทรัพย์กับยักยอก
จำเลยรับจ้างซ่อมรถไถของโจทก์ รถอยู่กับจำเลยที่อู่ราว 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์มอบหมายให้จำเลยครอบครองรถและเสื้อสูบของโจทก์ จำเลยเปลี่ยนเอาเสื้อสูบเก่าใส่แทนเสื้อสูบใหม่ของโจทก์เป็นยักยอกไม่ใช่ลักทรัพย์ดังฟ้อง ศาลยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบครองเงินและการรับผิดของผู้จัดการธนาคารต่อความเสียหายจากการยักยอก
จ.มอบเงินให้ป.ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาไทเปอันเป็นสาขาของธนาคารโจทก์ร่วม เพื่อประโยชน์ของธนาคารโจทก์ร่วม ป.ได้มอบหมายให้จำเลยนำเงินนั้นไปฝากธนาคารอื่นในนามของจำเลย การที่ จ. ได้มอบการครอบครองเงินดังกล่าวให้แก่ป.ก่อนแล้วป.จึงมอบให้จำเลย ป.จึงต้องมีหน้าที่รักษาและรับผิดชอบในเงินจำนวนนี้ หากเกิดความเสียหายขึ้นธนาคารโจทก์ร่วมจะต้องรับผิดชดใช้ ดังนี้เมื่อจำเลยยักยอกเงินดังกล่าวไป ธนาคารโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดและการรับผิดของเจ้าหน้าที่ต่อการยักยอกเงิน, การพิจารณาความรับผิดตามหลักฐานในคดีอาญา
คดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตยักยอกถึงที่สุดแล้วโดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 สำหรับจำเลยที่ 4 ให้ยกฟ้องโจทก์ เพราะข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 ปฏิบัติไปตามระเบียบแบบแผน เช่นนี้ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งซึ่งผู้เสียหายฟ้องจำเลยที่ 4 กับพวกให้ชดใช้เงินดังกล่าวในคดีอาญาคืนฐานละเมิด ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญา โดยจำเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ร่วมกันกระทำการทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินค่าน้ำประปาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยทั้งสี่ อันหมายถึงว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ทำละเมิดต่อโจทก์โดยเอาเงินค่าน้ำประปาของโจทก์ไปโดยทุจริต เป็นการยึดถือเอาเงินของโจทก์ไว้โดยไม่มีสิทธิ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของเงินมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามมาตรา 1336 ประกอบด้วยมาตรา 438 ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 5 และที่ 6 โจทก์ขอให้รับผิดใช้ค่าเสียหายเพราะปฏิบัติงานด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 สมคบกันยักยอกเอาเงินไปได้ จำเลยที่ 5 ที่ 6 มิได้ยึดถือเงินของโจทก์ไว้ หากจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็เป็นความรับผิดในค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรค 2 ซึ่งมีอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 448
คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งได้รายงานต่ออธิบดีกรมโจทก์ว่า เห็นควรให้จำเลยที่ 5 และที่ 6 ร่วมกันชดใช้นายดำรงรองอธิบดีได้รับทราบรายงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2506 และสั่งว่า "ปปก.พิจารณาเสนอความเห็น"ลงชื่อ "ดำรง แทน" เช่นนี้ มีความหมายว่านายดำรงสั่งแทนอธิบดีและถือว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2506 โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2507 ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 ที่ 6 จึงพ้น 1 ปี และขาดอายุความแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ร่วมกันกระทำการทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินค่าน้ำประปาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยทั้งสี่ อันหมายถึงว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ทำละเมิดต่อโจทก์โดยเอาเงินค่าน้ำประปาของโจทก์ไปโดยทุจริต เป็นการยึดถือเอาเงินของโจทก์ไว้โดยไม่มีสิทธิ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของเงินมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามมาตรา 1336 ประกอบด้วยมาตรา 438 ส่วนคดีสำหรับจำเลยที่ 5 และที่ 6 โจทก์ขอให้รับผิดใช้ค่าเสียหายเพราะปฏิบัติงานด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 สมคบกันยักยอกเอาเงินไปได้ จำเลยที่ 5 ที่ 6 มิได้ยึดถือเงินของโจทก์ไว้ หากจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็เป็นความรับผิดในค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 วรรค 2 ซึ่งมีอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 448
คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งได้รายงานต่ออธิบดีกรมโจทก์ว่า เห็นควรให้จำเลยที่ 5 และที่ 6 ร่วมกันชดใช้นายดำรงรองอธิบดีได้รับทราบรายงานดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2506 และสั่งว่า "ปปก.พิจารณาเสนอความเห็น"ลงชื่อ "ดำรง แทน" เช่นนี้ มีความหมายว่านายดำรงสั่งแทนอธิบดีและถือว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2506 โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2507 ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 ที่ 6 จึงพ้น 1 ปี และขาดอายุความแล้ว