คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยินยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3793/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้หักเงินเดือนชดใช้หนี้ ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้อง สิทธิรับเงินเดือนข้าราชการโอนไม่ได้
บุคคลภายนอกทำหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือนส่งใช้หนี้แก่จำเลย มีผลเท่ากับมอบอำนาจให้จำเลยรับเงินเดือนแทน ไม่ใช่การโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลย เพราะสิทธิรับเงินเดือนของข้าราชการโอนกันไม่ได้ โจทก์จึงขออายัดเงินตามหนังสือยินยอมดังกล่าวไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งสัญญาเช่าตลอดชีพไม่ผูกพันผู้รับโอนที่ดินที่ไม่ยินยอม
จำเลยฟ้องแย้งว่า จำเลยทำสัญญาเช่าที่พิพาทจาก ด.เจ้าของที่พิพาทเดิมโดยมีข้อตกลงว่า ด. จะให้จำเลยเช่าที่พิพาททำการค้าตลอดชีวิตของจำเลยโดยจำเลยต้องจัดหาดินมาถมที่พิพาท และให้จำเลยปลูกบ้านในที่พิพาท 1 หลัง โดยให้บ้านดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ด. เมื่อจำเลยถึงแก่กรรม ซึ่งจำเลยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นแล้ว ข้อตกลงระหว่างจำเลยกับ ด. เป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ทั้งสองในฐานะผู้รับโอนที่พิพาทจาก ด. ต้องยินยอมให้จำเลยเช่าที่พิพาทต่อไปจนตลอดชีวิตของจำเลยตามสัญญาต่างตอบแทนนั้น การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องให้จำเลยออกไปจากที่ดินโดยไม่ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าว ทำให้จำเลยเสียหายที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการถมดินและปลูกบ้านในที่พิพาทไปเป็นเงินเกินกว่า 3,000,000 บาท ขอให้โจทก์ทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้จำเลยเป็นเงิน 2,000,000 บาท เป็นฟ้องแย้งในทำนองว่าหากจำเลยต้องออกจากที่พิพาทแล้ว โจทก์ทั้งสองจะต้องชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยได้เสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามที่กล่าวอ้างไป ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องที่ขอให้บังคับโจทก์ทั้งสองต่อเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าไม่มีสัญญาต่างตอบแทนซึ่งผูกพันโจทก์ทั้งสองและจำเลยและศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทแล้ว เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข กล่าวคือจะให้ถือเป็นฟ้องแย้งต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไป จึงเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา179 วรรคสุดท้าย ไม่เป็นฟ้องแย้งที่จะรับไว้พิจารณา สัญญาเช่าที่พิพาทระหว่างจำเลยและ ด. เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่าธรรมดา ที่ก่อให้เกิดเพียงบุคคลสิทธิมีผลผูกพันเฉพาะคู่สัญญาคือจำเลยและ ด.เท่านั้น หามีผลผูกพันผู้รับโอนซึ่งมิได้รู้เห็นและยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อสัญญานั้นด้วยไม่เมื่อโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้รับโอนที่พิพาทจาก ด.มิได้ยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่เป็นสัญญาต่างตอบแทนระหว่างจำเลยกับด. ย่อมไม่มีผลผูกพันโจทก์ทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2577/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีจำนอง, การบอกกล่าวหนี้, ดอกเบี้ยเกินอัตรา, และหนังสือยินยอม
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้จำนอง ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 728 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ก่อนฟ้องโจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง จำเลยได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว โจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดแล้ว ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
หนังสือของสามีโจทก์ที่ยินยอมให้โจทก์ฟ้องจำเลย มิใช่ใบมอบอำนาจที่จะต้องปิดอากรแสตมป์
โจทก์คิดดอกเบี้ยเงินกู้จากจำเลยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะ แต่จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาตรา 224

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2045/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการบรรยายฟ้องชัดแจ้งในคดีกู้ยืมเงิน
สามีโจทก์เข้ารับดำเนินคดีแทนโจทก์ตามหนังสือมอบอำนาจ โดยลงลายมือชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจ และเป็นผู้ลงลายมือชื่อแต่งทนายโจทก์ให้ดำเนินคดี พฤติการณ์ดังกล่าวของสามีโจทก์แสดงให้เห็นว่าสามีโจทก์ยินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2524 จำเลยกู้เงินโจทก์ไปตามสำเนาหนังสือกู้เงินเอกสารท้ายฟ้อง แม้ในสำเนาสัญญากู้เงินจะมีข้อความว่ากู้เงินไป พ.ศ. 24 ก็เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1852/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสามีภรรยาจากธุรกิจครอบครัว: การยินยอมและเจตนาในการทำสัญญา
การที่จำเลยที่ 2 สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยผู้ร้องยินยอมและให้ผู้ร้องสามารถเบิกจ่ายจากบัญชีได้และจำนองทรัพย์พิพาทไว้แก่โจทก์ ย่อมมีเหตุผลให้เชื่อว่าจำเลยที่ 2 กับผู้ร้องร่วมกันกระทำการดังกล่าวเพื่อนำเงินมาลงทุนทำการค้าขายพืชไร่ร่วมกัน ถือว่าเป็นหนี้ร่วมอันเกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1490(3)จำเลยที่ 2 กับผู้ร้องต้องร่วมกันรับผิด ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนของผู้ร้องจากทรัพย์พิพาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโดยอ้างอิงยอดขายที่ตรวจสอบพบและคำยินยอมของผู้แทนโจทก์
ยอดขายน้ำมันของโจทก์ที่ได้จากการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมินโดยนำยอดซื้อคงเหลือต้นปีบวกด้วยยอดซื้อตลอดปี แล้วลบด้วยยอดคงเหลือปลายปี มีจำนวนสูงกว่ายอดขายตามใบเสร็จรับเงินที่โจทก์ส่งไปให้ตรวจสอบ เจ้าพนักงานประเมินย่อมนำยอดขายที่ได้จากใบเสร็จรับเงินลบออกจากยอดขายที่ได้จากการตรวจสอบแล้วถือว่าผลต่างที่ได้เป็นจำนวนน้ำมันที่โจทก์ขายไปโดยไม่มีใบเสร็จรับเงินและประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มจากผลต่างดังกล่าวได้ ในชั้นตรวจสอบไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมิน ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงานตรวจสอบภาษีว่ายินยอมให้เพิ่มยอดขายน้ำมันต่อลิตรในอัตราลิตรละ 0.02 บาท จากราคาขายที่แสดงไว้เดิม เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินโดยถือเกณฑ์กำไรลิตรละ 0.02 บาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1114/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรผู้เยาว์: การเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมและอำนาจฟ้องคดีโดยไม่ต้องมียินยอม
คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่าโจทก์ทั้งสามมีอำนาจฟ้องหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจะต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจาก พยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบมาตรา247 โจทก์ทั้งสามยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 วรรคแรก ทั้งคดีไม่ปรากฏว่าอำนาจปกครองอยู่กับบิดาหรือมารดาแต่ฝ่ายเดียว ดังเงื่อนไขที่ระบุไว้ในมาตรา 1566 วรรคสอง ต้องถือว่าโจทก์ทั้งสามอยู่ใต้อำนาจปกครองของบิดามารดาทั้งสองคน บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งจึงมีสิทธิใช้อำนาจปกครองโจทก์ทั้งสามได้ มารดาจึงเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมตามมาตรา 1569 มีสิทธิฟ้องคดีแทนโจทก์ ทั้งสามได้ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าบิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรก่อนมารดานั้น ไม่มีกฎหมายสนับสนุน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าที่ดินตามฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ทั้งสามมิใช่สินสมรสระหว่างสามีภริยา ส. ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ทั้งสามจึงมีอำนาจฟ้องคดีได้ตามลำพังโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าเมื่อสามีมีภริยาอื่นและอุปการะเลี้ยงดู แม้ภริยาจะทราบก่อนแต่งงานก็ไม่ถือว่ายินยอม
ก่อนที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลย โจทก์หาได้มีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะสามีภริยาตามกฎหมายไม่ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิใด ๆ ในฐานะภริยาจำเลยแม้โจทก์จะทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยากับ ร. และมีบุตรด้วยกันก่อนที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลย ก็ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำดังกล่าวของจำเลย โจทก์จึงอ้างเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(1)ฟ้องหย่าจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6535/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อเลิกแล้ว ทรัพย์สินยังเป็นของผู้ให้เช่า ไม่ถือเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลาย
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาท ที่ผู้ร้องยอมให้รถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองใช้สอยของจำเลยเกิดจากสัญญาเช่าซื้อ เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อจนมีผลให้สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน จำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนแก่ผู้ร้องโดยพลัน ถ้าไม่ส่งมอบถือว่าครอบครองไว้โดยมิชอบตามสัญญาเช่าซื้อ การที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายและก่อนที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยึดรถยนต์พิพาท อีกทั้งผู้ร้องก็ได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยชำระหนี้ มิฉะนั้น ผู้ร้องจะดำเนินคดีกับจำเลย แสดงว่า ผู้ร้องมิได้ยินยอมให้จำเลยครอบครองรถยนต์พิพาทนับแต่วันที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกัน ทั้งผู้ร้องก็เตรียมจะฟ้องจำเลยแล้วจะถือว่ารถยนต์พิพาทอยู่ในครอบครองของจำเลยด้วยความยินยอม อนุญาตของผู้ร้องหาได้ไม่ จึงยังถือไม่ได้ว่ารถยนต์พิพาท เป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 109(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6056/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษี: การยินยอมปฏิบัติตามและอายุความ 10 ปี กรณีแสดงรายรับขาดเกิน 25%
หมายเรียกเพื่อตรวจสอบไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมินให้เวลาโจทก์ฟ้องน้อยกว่า 7 วัน โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน กลับยินยอมปฏิบัติตามหมายเรียกตลอดจนร่วมมือในการตรวจสอบไต่สวนตลอดมาจนกระทั่งเสร็จสิ้นและเจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินแล้วโจทก์มากล่าวอ้างว่าหมายเรียกดังกล่าวไม่ชอบภายหลังหาได้ไม่ โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการการค้า แสดงรายรับขาดไปเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้าของยอดรายรับ เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจทำการประเมินภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันสุดท้ายแห่งกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการการค้า ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 88 ทวิ(2).
of 68