พบผลลัพธ์ทั้งหมด 919 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษและไม่ริบของกลางในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ แม้เคยต้องโทษพักการลงโทษ และการพิจารณาโทษปรับที่สูงพอสมควร
ความผิดของจำเลยที่เกี่ยวกับวีดีโอเทป 30 ม้วน ที่ไม่ ปิดฉลากอยู่ที่การเสนอขายโดยได้งดเว้นไม่ปิดฉลากที่วีดีโอ เทปดังกล่าว วีดีโอเทปของกลาง 30 ม้วนนี้ไม่ใช่ทรัพย์ที่ มีไว้เป็นความผิดและไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยใช้หรือมีไว้ เพื่อ ใช้ ในการกระทำความผิดที่จะริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 หรือมาตรา 33
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องลดโทษตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ โดยพิจารณาจากสถานที่ควบคุมตัวนักโทษ
ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539 บัญญัติว่า ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตาม พ.ร.ฎ. ฉบับนี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่ พ.ร.ฎ. นี้ใช้บังคับติดต่อกันไปจนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ฎ. นี้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นนักโทษเด็ดขาดในคดีของศาลจังหวัดลพบุรี ซึ่งถูกควบคุมหรือขังอยู่ในเรือนจำกลางบางขวางซึ่งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนนทบุรีในวันที่ พ.ร.ฎ. นี้ใช้บังคับ และมาตรา 11 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.ฎ. นี้บัญญัติว่า ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่ ผู้พิพากษาศาลแห่งท้องที่หรือตุลาการศาลทหารแห่งท้องที่หนึ่งคนและอัยการแห่งท้องที่หรืออัยการทหารแห่งท้องที่หนึ่งคน รวมสามคนเป็นคณะกรรมการมีหน้าที่ตรวจสอบผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ และส่งรายชื่อต่อศาลแห่งท้องที่ให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ พ.ร.ฎ. นี้ใช้บังคับ เพื่อความสะดวกแก่ศาลแห่งท้องที่นั้นพิจารณาออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษแล้วแต่กรณี ฉะนั้นจึงชอบที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นศาลแห่งท้องที่นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานน่าเชื่อถือ, พฤติการณ์, และการลดโทษ
การที่พยานโจทก์ทั้งสองตรวจท้องที่มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ เห็นจำเลยถือถุงกระดาษเดินสวนทางมาท่าทางมีพิรุธจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและขอตรวจค้นถุงกระดาษที่จำเลยถือพบเฮโรอีนของกลาง โดยที่พยานทั้งสองปากไม่เคยรู้จักและไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนและขณะนั้นจำเลยเป็นหญิงมีครรภ์แก่ถึง 8 เดือน หากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง พยานทั้งสองก็คงจะไม่มีจิตใจโหดร้ายพอที่จะปรักปรำและใส่ร้ายถึงขนาดนั้น โดยเฉพาะ ก.เป็นนายตำรวจสัญญาบัตรชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้มีวัยวุฒิ สูงแล้วคงจะมีความรู้สึกสำนึกในมโนธรรมอยู่บ้าง อีกทั้งที่เกิดเหตุก็เป็นบริเวณถนนซอยสาธารณะเป็นที่เปิดเผยย่อมเป็นที่รู้เห็นแก่ประชาชนผู้สัญจรไปมาทั่ว ๆ ไป รูปการณ์จึงไม่มีเหตุและความจำเป็นที่พยานทั้งสองจะเสี่ยงกระทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรมและโดยปราศจากข้อความจริงเช่นนั้น พยานหลักฐานโจทก์จึงกอปรด้วยเหตุผลมีน้ำหนักน่ารับฟังส่วนพยานจำเลยมีนางส.ซึ่งนอกจากจะเป็นมารดาของจำเลยแล้วก็ยังมิได้อยู่รู้เห็นในที่เกิดเหตุ และถึงอย่างไรวิสัยมารดาย่อมต้องรักห่วงบุตรยิ่งกว่าชีวิต สำหรับพยานปากอื่นของจำเลยก็เบิกความขัดกันจึงมีพิรุธน่าสงสัย ทั้งพยานจำเลยที่อยู่ในที่เกิดเหตุระหว่างนั้นก็น่าจะพอรู้เห็นได้ว่าถุงกระดาษของกลางเป็นของบุคคลใดเนื่องจากราคาเฮโรอีนที่อยู่ในถุงกระดาษมีราคาถึง 32,000 บาท จึงมิใช่เรื่องเล็กน้อยที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะนำมาวางทิ้งไว้เสมือนหนึ่งไม่สนใจใยดีอย่างนั้นพฤติการณ์พยานจำเลยจึงมีข้อสงสัยขึ้นอีกไม่มีน้ำหนักรับฟังพอแก่การหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8503/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษจำเลยที่ 3 โดยอาศัยเหตุที่ศาลลดโทษจำเลยอื่นร่วมกระทำผิดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เหตุผลประการหนึ่งที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และคุมความประพฤติไว้เพราะเห็นว่าทรัพย์ที่ถูกลักไปคือไก่ชนราคาไม่สูงนัก หลังเกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้รับทรัพย์ที่ถูกลักไปกลับคืนมา จึงยังไม่สมควรลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจเกี่ยวกับสภาพการกระทำความผิดว่าไม่ร้ายแรงนัก อันเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี เมื่อจำเลยทั้งสามร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ แต่จำเลยที่ 3 มิได้อุทธรณ์ ก็เป็นเหตุที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีอำนาจพิพากษาไปถึงจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลยที่ 3 ดุจจำเลยที่ 1 ที่ 2 ผู้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำกัดสิทธิการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์ลดโทษจำคุก และพิพากษาแก้ไขเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์ภาค3เพียงแต่ลดโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามลงเหลือจำคุกตลอดชีวิตเนื่องจากจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ภาค3พิพากษาแก้ไขเพียงเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยเกิน5ปีจึงต้องห้ามมิให้โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงการที่โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาขอไม่ให้ลดโทษเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค3ถือเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6980/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเผาโรงเรือนจากความขัดแย้งในครอบครัว ศาลลดโทษเนื่องจากบันดาลโทสะ
ปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ แม้จำเลยไม่ได้ยกเหตุนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ แต่เมื่อกรณีมีเหตุอันควรลดหย่อนผ่อนโทษ ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ จำเลยรักใคร่ให้การอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่ผู้เสียหายในฐานะที่จำเลยเป็นมารดาอย่างดีจนสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี ระหว่างศึกษาผู้เสียหายมีท้องไม่มีพ่อเมื่อคลอดบุตรแล้วก็นำมาให้จำเลยเลี้ยงเมื่อผู้เสียหายสำเร็จการศึกษาและเข้ารับราชการครูได้สมรสกับ ถ.แต่อยู่กินกันได้เพียง1เดือนก็ถูกถ.ฟ้องหย่า ต่อมาผู้เสียหายลักลอบได้เสียกับโจทก์ร่วมและจะนำโจทก์ร่วมเข้ามาอยู่ในบ้าน จำเลยไม่ยอม ผู้เสียหายได้ขโมยไม้บางส่วนซึ่งเก็บไว้ที่บ้านจำเลยไปสร้างบ้านด้วยจำเลยบอกให้รื้อถอนออกไป ผู้เสียหายกลับโต้แย้งสิทธิว่า ยกให้โดยไม่เป็นความจริง เห็นได้ว่าผู้เสียหายได้สร้าง ความชอกช้ำระกำใจอับอายขายหน้าให้จำเลยผู้เป็นมารดามาโดยตลอดประกอบกับผู้เสียหายบุกรุกเข้ามาสร้างบ้านในที่ดินของจำเลยแล้วโต้เถียงสิทธิไม่ยอมออกไป ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยวางเพลิงเผาโรงเรือนดังกล่าวของผู้เสียหายและโจทก์ร่วมจึงเป็นการกระทำผิดโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวน: ศาลปรับบทลงโทษและลดโทษจำเลย
จำเลยทั้งสามร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติและทำให้เสื่อมสภาพป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทคือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา11,73วรรคสองโทษจำคุกตั้งแต่1ปีถึง20ปีและปรับตั้งแต่5,000บาทถึง200,000บาทและเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯมาตรา14,31วรรคสองโทษจำคุกตั้งแต่2ปีถึง15ปีและปรับตั้งแต่20,000บาทถึง150,000บาทจึงต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา11,73วรรคสองอันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฎจำเลยจำเลยทั้งสามทำไม้หวงห้ามในลักษณะเป็นนายทุนมีอิทธิพลเพื่อทำลายป่าแต่จำเลยได้ร่วมกันตัดฟันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติมีปริมาตรถึง32.38ลูกบาศก์เมตรนับว่าทำไม้จำนวนมากจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5598/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมบัตรเครดิตและใช้เอกสารปลอมเพื่อฉ้อโกง ศาลพิจารณาลดโทษจากความผิดฐานฉ้อโกงและการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยปลอมบัตรเครดิตธนาคารแล้วใช้บัตรเครดิตดังกล่าวรูดกับเครื่องรูด บัตรเครดิตซึ่งธนาคารให้ไว้แก่จำเลยและปลอมเซลสลิปของบุคคลหลายคนเพื่อแสดงว่าผู้เป็นเจ้าของบัตรเครดิตได้ซื้อหรือใช้บริการด้วยบัตรเครดิตดังกล่าว จำเลยกระทำอยู่หลายครั้งอย่างมีระบบเป็นลักษณะมืออาชีพพฤติการณ์เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศจึงไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลยแต่ภายหลังกระทำผิดจำเลยรู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้าย โดยชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจนผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง จึงสมควรวางโทษให้เบาลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5449/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและทำพยานหลักฐานเท็จเพื่อปกปิดการยักยอกเงิน ศาลลดโทษหลังมีการชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยเป็นพนักงานเก็บเงินของบริษัทผู้เสียหายเก็บเงินจากลูกค้าแล้วยักยอกไปโดยจำเลยได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนและมีดจี้บังคับปล้นเอาเงินจำนวน 74,320 บาท ซึ่งเป็นของผู้เสียหายและบางส่วนเป็นของจำเลยไป โดยไม่มีการปล้นทรัพย์เกิดขึ้น แต่จำเลยทำพยานหลักฐานเท็จด้วยการใช้ท่อนไม้ทุบรถจักรยานยนต์ของจำเลยและแจ้งข้อความเท็จแก่พนักงานสอบสวนว่าได้มีการปล้นทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา แจ้งความเท็จว่าได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยในคดีอาญา: พฤติการณ์หลังเกิดเหตุและหลักการสันนิษฐานในคำบอกเล่า
ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งห้าแม้เรียงกระทงลงโทษแล้วก็คงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งห้าและหากจะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา289(5)ก็ตามศาลฎีกาก็ไม่อาจจะวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลล่างเป็นอย่างอื่นให้ลงโทษหนักไปกว่านี้ได้ดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรกประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่จำเลยทั้งห้ากระทำผิดพฤติการณ์ที่จ.และต. เบิกความถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าจะเกิดเหตุว่าจำเลยที่1ถึงที่5มาร่วมดื่มสุราด้วยกันที่บ้านของพยานส่วนบ. เบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา15นาฬิกาจำเลยที่1ถึงที่4ไปหาพยานที่บ้านแล้วบอกให้พยานล้างรถให้เพราะในรถเปื้อนเลือดและอ. กับส. เบิกความว่าเย็นวันเกิดเหตุจำเลยที่2ขับรถกระบะที่ได้จากการปล้นพาจำเลยที่1ไปที่บ้านบอกว่าได้ฆ่าคนมา5คนขอให้อ. ช่วยขายรถคันดังกล่าวให้ล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์หลังเกิดเหตุแล้วเป็นคำบอกเล่าของจำเลยที่อาจให้ยันจำเลยได้อยู่แล้วเพราะตามธรรมดาบุคคลทั่วๆไปย่อมจะไม่กล่าวความใดอันทำให้ตนเสียหายเมื่อมีการบอกเล่าเช่นนั้นก็ย่อมสันนิษฐานได้ว่าคำบอกเล่านั้นเป็นจริงแต่มิใช่เรื่องที่จำนนต่อหลักฐานดังที่โจทก์ฎีกาฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองลดโทษให้แก่จำเลยทั้งห้ามานั้นชอบแล้ว