คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลพิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 254 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62-63/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดจังหวัดไม่ทำให้ฟ้องเสีย และการนับโทษต่อเมื่อศาลพิพากษาภายหลัง
ในการกระทำผิดเรื่องปล้นทรัพย์รายเดียวกัน โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คน เป็นสำนวนหนึ่งโดยกล่าวว่า เหตุเกิดที่ตำบลคลองชักพระ อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดพระนคร (ซึ่งที่ถูกเป็นจังหวัดธนบุรี) แล้วฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยเป็นอีกสำนวนหนึ่ง สำนวนนี้บรรยายฟ้องถูกต้องว่าเหตุเกิดที่จังหวัดธนบุรี ปรากฏว่าจำเลย 2 คนแรกนั้นมีบ้านเรือนอยู่ในอำเภอตลิ่งชันที่เกิดเหตุ ย่อมจะทราบได้ดีกว่าที่เกิดเหตุอยู่จังหวัดธนบุรี ทั้งสถานที่อยู่ที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นต่อสู้และนำสืบก็ว่า อยู่ที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี นั่นเอง การที่โจทก์บรรยาย ฟ้องผิดจังหวัดไปไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดี การผิดพลาดเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เสียไป
การที่จำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้ไม่เป็นข้อสำคัญ เมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่พิพากษาคดีอื่นไปแล้ ก็ย่อมนับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนสินค้าของกลางหลังศาลพิพากษา หากมีข้อโต้แย้งเรื่องตัวบุคคลและระยะเวลาอ้างสิทธิ ย่อมชอบที่จะฟ้องเป็นคดีแพ่ง
ในคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากรเมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนสินค้าของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้งก็จะต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊หรือจือเฮ้าตัวจริง เพราะตัวจริงตายไปนานแล้วตามมรณบัตร และโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่กรมศุลกากรจับยึดสินค้ารายนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดมาขอคืนในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขฉบับที่ 12 พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ผู้ร้องจึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรค 2
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการยอมความและการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมายของทางเดินสาธารณะหลังศาลพิพากษา
โจทก์จำเลยทำยอมความกันว่า ให้ถือตรอกทางเดินที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และจำเลยยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปศาลพิพากษาตามยอมและจำเลยปฏิบัติตามยอมแล้วต่อมาโจทก์กลับปลูกสร้างขึ้นบนทางเดินนั้นดังนี้ จำเลยจะมาร้องขอในคดีเดิมให้บังคับโจทก์รื้อไม่ได้เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่กรณีตามยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเริ่มนับโทษปรับรายวันตามกฎหมายห้างหุ้นส่วน ต้องเริ่มนับจากวันที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด
เมื่อกฎหมายไม่ระบุไว้ชัดเจน จะแปลให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
จำเลยจะกระทำผิดหรือไม่ นั้น ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
คำว่า "จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง" ในพระราชบัญญัตินี้ หมายความว่า ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดจะนับตั้งแต่วันสอบสวนไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้ง 23/2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเริ่มนับโทษปรับรายวันตามกฎหมายเฉพาะ: ต้องนับจากวันที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด
เมื่อกฎหมายไม่ระบุไว้ชัดเจน จะแปลให้เป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
จำเลยจะกระทำผิดหรือไม่นั้น ศาลเป็นผู้ชี้ขาด
คำว่า "จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง" ในพระราชบัญญัตินี้ หมายความว่าให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิด จะนับตั้งแต่วันสอบสวนไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันของสัญญาประนีประนอมตามยอม และข้อจำกัดในการโต้แย้งภายหลัง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับไว้โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และศาลได้พิพากษาไปตามนั้นแล้ว เมื่อจำเลยกล่าวอ้างว่าสัญญายอมขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ต้อง อุทธรณ์คำพิพากษาเช่นว่า นี้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 จำเลยจะมาร้องขอให้งดการบังคับคดี โดยอ้างเหตุดังกล่าว และขอให้ศาลไต่สวนหาความจริงตามคำร้องของจำเลยนั้น หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะการสมรสและการรับบำนาญ: การสมรสที่จดทะเบียนแล้วย่อมสมบูรณ์จนกว่าศาลพิพากษาเป็นอื่น
ป.พ.พ. มาตรา 1488 หมายความว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่า การสมรสเป็นโมฆะหรือโมฆียะ การสมรสที่จดทะเบียนแล้วย่อมสมบูรณ์อยู่เสมอ ส่วนมาตรา 1445 (3) (4) เป็นแต่เพียงเหตุที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าการสมรสที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นโมฆะ หาใช่เหตุที่แสดงในตัวเองว่า การสมรสเป็นโมฆะไม่
โจทก์เป็นภริยาของนายถนอมอยู่ตั้งแต่ พ.ศ. 2480 โดยจดทะเบียนสมรสกัน แม้ต่อมานายถนอมจะได้ตายไป แล้วโจทก์มาได้เสียกับนายธรรมอีก ภายหลังใช้ ป.พ.พ. บรรพ 5 แล้วการได้เสียกันดังนี้ ไม่ทำให้โจทก์เป็นภริยานายธรรม โจทก์จึงไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายธรรมในเวลาที่นายธรรมถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสที่จดทะเบียนแล้วมีผลสมบูรณ์จนกว่าศาลพิพากษาเป็นอื่น แม้มีการได้เสียกับผู้อื่นภายหลัง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1488 หมายความว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่า การสมรสเป็นโมฆะหรือโมฆียะ การสมรสที่จดทะเบียนแล้วย่อมสมบูรณ์อยู่เสมอ ส่วนมาตรา 1445(3)(4) เป็นแต่เพียงเหตุที่จะฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าการสมรสที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นโมฆะหาใช่เหตุที่แสดงในตัวเองว่า การสมรสเป็นโมฆะไม่
โจทก์เป็นภริยาของนายถนอมอยู่ตั้งแต่พ.ศ.2480 โดยจดทะเบียนสมรสกันแม้ต่อมานายถนอมจะได้ตายไป แล้วโจทก์มาได้เสียกับนายธรรมอีก ภายหลังใช้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ5 แล้ว การได้เสียกันดังนี้ ไม่ทำให้โจทก์เป็นภริยานายธรรม โจทก์จึงไม่ใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายธรรมในเวลาที่นายธรรมถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 885/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์แทงหน้าอกด้วยเจตนาฆ่า แม้ผู้เสียหายไม่ถึงตาย ศาลพิพากษาความผิดฐานพยายามฆ่า
พวกของจำเลยได้เอาขวานตีศีรษะน้องชายผู้เสียหาย ผู้เสียหายและน้องชายไล่ตามพวกของจำเลย จำเลยเอาปืนยิงถูกขาน้องชายผู้เสียหาย พอผู้เสียหายจะเข้าแย่งปืนจากพวกของจำเลย จำเลยใช้มีดปลายแหลมยาว 1 คืบ แทงถูกหน้าอกผู้เสียหาย มีบาดแผลที่หน้าอกขวาใต้กระดูกไหปลาร้า 5 เซนติเมตร กว้าง 11/2 เซนติเมตร ยาว 31/2 เซนติเมตร ลึกชอนผิวหนังไปทางรักแร้ขวา 13 เซนติเมตร แสดงว่าแทงโดยแรงจนสุดหรือเกือบสุดมีด การที่ผู้เสียหายไม่ถึงตาย อาจเป็นเพราะคมมีดไม่ได้ปักลงไปในส่วนลึกของร่างกายก็เป็นได้การกระทำของจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเรียกคืนที่ดินหลังศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรม การฟ้องภายใน 1 ปี นับจากวันที่ทราบคำพิพากษา ไม่ขาดอายุความ
โจทก์จำเลยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินต่อกันโดยต่างทำนิติกรรมยกให้ที่ดินซึ่งกันและกัน ภายหลังศาลฎีกาได้พิพากษาว่า นิติกรรมที่จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตกเป็นโมฆะ โจทก์ต้องคืนที่ดินให้จำเลย ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยภายใน 1 ปี นับแต่วันทราบคำพิพากษาศาลฎีกา ขอให้จำเลยคืนที่ดินซึ่งจำเลยรับโอนจากโจทก์ ไม่ว่าศาลจะวินิจฉัยเรื่องอายุความในลักษณะขอให้เพิกถอนนิติกรรมหรือเรียกคืนลาภอันมิควรได้หรือในลักษณะใด คดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ
of 26