พบผลลัพธ์ทั้งหมด 195 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบปล้นทรัพย์และการมีส่วนร่วมในการฆ่า: การจำแนกความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่น
ปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์เพื่อปกปิดการกระทำผิด วิธีพิจารณาอาญา ผู้ร้ายสมคบกันไปล้นทรัพย์ คนหนึ่งฆ่าเจ้าทรัพย์ตายในขณะนั้นคนที่มิได้ร่วมคิดในการฆ่าเจ้าทรัพย์มีผิดตาม ม.301 ตอน 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิสูจน์เจตนาวิวาทและการสมคบ
คนหนึ่งร้องว่าเลี๊ยะคนอื่น ๆ ก็รวมกันเข้าทำร้ายเขาเรียกว่าสมคบกันคำว่าวิวาท จะต้องปรากฎว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างเจตนาที่จะเข้าต่อสู้กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย พยานสนับสนุนคดี
ต่างกรรมต่างวาระวิธีพิจารณาอาญาลักษณะพยาน พยานที่โจทก์กันเอาไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่ากำนันโดยจ้างวาน: ความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานและสมคบกันทำร้าย
ฆ่าคนโดยพยาบาดมาดหมายหลอกกำนันให้ไปจับผู้ร้ายแล้วฆ่าเสียเรียกว่าฆ่าเจ้าพนักงานจ้างให้เขาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสมคบกันลักทรัพย์และการหลบหนีจากการควบคุมของเจ้าพนักงาน ศาลลงโทษตามบทที่มีโทษหนัก
จำเลยทำผิดกฎหมาย 2 บท ศาลต้องลงบทที่หนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7346/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราโดยสมคบกันและมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ผู้เสียหายให้การสอดคล้องกับพฤติการณ์
การที่ ต. กระชากมือดึงผู้เสียหายเข้าไปในห้องทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เมื่อ ต. ออกจากห้อง จำเลยก็เข้าไปในห้องทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่อ และเมื่อจำเลยออกจากห้อง ต. กับ ป. พวกของจำเลยก็พากันเข้าไปในห้องร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีก พฤติการณ์การข่มขืนกระทำชำเราเช่นนี้ แม้ว่าผู้กระทำมิได้อยู่ในห้องในขณะที่คนหนึ่งข่มขืนกระทำชำเราอยู่ แต่จำเลยกับพวกได้กระทำในลักษณะติดต่อกัน จึงเป็นการสมคบกันกระทำความผิด อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2556
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบซื้อขายยาเสพติด, ครอบครองเพื่อจำหน่าย, เจตนาเดียว, โทษหนักสุด, ยกฟ้องจำเลยที่ 2
การที่ ล. และ น. สามีภริยากันติดต่อซื้อขายยาเสพติดให้โทษกับจำเลยที่ 1 โดยใช้โทรศัพท์และ ล. กับ น. ตกลงว่าจ้างให้ ก. กับ จ. ลำเลียงยาเสพติดให้โทษไปจากจังหวัดเชียงรายเพื่อส่งมอบให้ อ. ผู้มารับช่วงลำเลียงต่อที่กรุงเทพมหานคร โดย อ. ไม่เคยรู้จัก ก. กับ จ. มาก่อน แต่จะติดต่อกันทางโทรศัพท์ หลังจาก อ. ได้รับยาเสพติดให้โทษจาก ก. กับ จ. แล้ว ก็จะลำเลียงต่อไปยังอำเภอหาดใหญ่เพื่อส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ซื้ออีกทอดหนึ่ง ลักษณะการตกลงกันเพื่อให้มีการขายและส่งมอบยาเสพติดให้โทษเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการคบคิดร่วมกัน อันเป็นความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานเป็นผู้สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 และข้อเท็จจริงได้ความว่าในที่สุดได้มีการส่งมอบยาเสพติดให้โทษของกลางให้แก่จำเลยที่ 1 รับไว้ในครอบครองแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและความผิดฐานเป็นผู้สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม มาตรา 8 วรรคสอง อีกด้วย แต่การกระทำความผิดทั้งสองข้อหามีเจตนาเดียวกันคือ เจตนาเพียงเพื่อต้องการมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2908/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องเป็นการสมคบกันในความผิดนั้น พยานหลักฐานต้องเชื่อมโยงถึงการกระทำความผิด
ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า "ถ้าได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันตามวรรคหนึ่ง ผู้สมคบกันนั้นต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น" ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ที่สมคบกันเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและต้องถูกลงโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ต้องเป็นการสมคบกันกระทำความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดในครั้งนั้นด้วย เมื่อจำเลยขับรถมารับยาเสพติดให้โทษไปส่งให้แก่ผู้ค้าคือ อ. 2 ครั้ง แต่ไม่ใช่ครั้งที่ ว. และ ส. กระทำความผิดในครั้งนี้ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6396/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจตนาสมคบร่วมกันในคดีค้ายาเสพติด: ฎีกาไม่ชอบเมื่อขาดหลักฐานชัดเจนเชื่อมโยงจำเลยกับขบวนการ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองเป็นตัวแทนของ หจก. ค. ในการติดต่อขอเช่าตู้คอนเทนเนอร์ ว่าจ้างรถบรรทุกขนย้าย ดำเนินการพิธีการศุลกากร ไม่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับการบรรจุสินค้า ดำเนินการทางพิธีการทางศุลกากรตามปกติ ไม่ทราบว่าเอกสารที่ยื่นปลอม จำเลยทั้งสองอาจไม่ทราบเรื่องกัญชาของกลาง โจทก์ฎีกาว่า การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการสมคบกันกระทำความผิดโดยมีเจตนาร่วมกันมาตั้งแต่ต้นที่จะกระทำความผิด เป็นการกระทำความผิดที่เป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำตามความเหมาะสม ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ การรู้พื้นที่ที่จะกระทำความผิด แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก็ต้องถือว่าการกระทำความผิดดังกล่าวทั้งหมดเป็นการกระทำของผู้ร่วมขบวนการในการกระทำความผิดทุกคน รวมทั้งจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดในฐานะตัวการ ฎีกาดังกล่าวของโจทก์มิได้โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ทั้งเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีขั้นตอนอย่างไร จำเลยทั้งสองเข้าไปยุ่งเกี่ยวอย่างไร พยานหลักฐานของโจทก์ส่วนใดที่ชี้ชัดว่าจำเลยทั้งสองร่วมขบวนการค้ายาเสพติด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการสมคบร่วมปลอมเอกสารและเบียดบังทรัพย์ ธนาคาร
จำเลยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขาของธนาคารผู้เสียหายกรอกข้อความลงในหนังสือสัญญากู้เงินโดยใช้เงินฝากเป็นประกันและหนังสือยินยอมมอบเงินฝากเพื่อเป็นหลักประกันการชำระเงินกู้และหรือเป็นหลักประกันการออกหนังสือค้ำประกันที่มีลายมือชื่อปลอมของ ห. และ ต. แล้วจำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้ตรวจเอกสารดังกล่าวโดย ส. ผู้จัดการสาขาเป็นผู้อนุมัติเงินกู้ นำไปให้พนักงานการเงินผู้จ่ายเงินตรวจจ่ายเงินให้จำเลยรับเงินไปด้วยตนเอง และนำเงินไปมอบให้ ส. แล้วมีการเก็บเอกสารต่างๆ ไว้ในตู้นิรภัยของธนาคาร โดยไม่มีสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของ ห. และ ต. อยู่ด้วยตามขั้นตอนและข้อบังคับของธนาคาร แสดงว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นกับ ส. เป็นการวางแผนกันมาก่อนและมีการแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยจึงเป็นตัวการสมคบร่วมกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4, 11 และ ป.อ. มาตรา 268, 352, 354 กับ ส. มาตั้งแต่ต้น มิใช่ผู้สนับสนุน