พบผลลัพธ์ทั้งหมด 386 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับค่าชดเชย: การสละสิทธิเรียกร้องค่าชดเชยโดยการรับเงินช่วยเหลือ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีผลเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อโจทก์ทำ สัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมรับเงินช่วยเหลือจากจำเลย ไปจำนวนหนึ่งแล้วโดยไม่ติดใจเรียกร้องอะไรจากจำเลยอีกจึงมีผลเป็นว่า โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องค่าชดเชยหรือโจทก์ยอมสละข้อหานี้ โดยโจทก์ ไม่ประสงค์จะขอให้ศาลบังคับเอากับจำเลยอีกต่อไป สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงหาขัดต่อ ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานอันตกเป็นโมฆะแต่อย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิคัดค้านคำพิพากษาชั้นต้นด้วยการอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ ย่อมไม่สามารถฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิดได้อีก
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้กระทำผิด แต่กลับอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลดโทษแก่จำเลยให้น้อยลง ปัญหาที่ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำเลยจะกลับมาฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดอีกหาได้ไม่ ตามใบแต่งทนายความ จำเลยมอบอำนาจให้ทนายความของจำเลยยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ ทนายความของจำเลยย่อมมีสิทธิทำอุทธรณ์ยื่นแทนจำเลยได้ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่เห็นด้วยกับอุทธรณ์นั้น ก็ชอบที่จะยื่นเองได้ตามความประสงค์ภายในอายุอุทธรณ์ เมื่อจำเลยละเลยสิทธิของตนดังกล่าว จะมาปฏิเสธไม่ยอมรับรู้การกระทำของทนายความหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนการยึดทรัพย์ไม่ถือเป็นการสละสิทธิในการบังคับคดี ตราบใดที่หนี้ยังไม่ถูกชำระ
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์แล้วขอถอนการยึดไปโดยอ้างในคำร้องว่า โจทก์ยังไม่คิดจะยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดต่อไป ขอถอนการยึดโดยยอมเสียค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดี ตราบเท่าที่จำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีได้ต่อไปอีกภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้นโจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยที่เคยขอถอนการยึดไปแล้วนั้นได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนการยึดทรัพย์ไม่ถือเป็นการสละสิทธิในการบังคับคดี ตราบเท่าที่หนี้ยังไม่ถูกชำระ
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์แล้วขอถอนการยึดไปโดยอ้างในคำร้องว่า โจทก์ยังไม่คิดจะยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดต่อไป ขอถอนการยึดโดยยอมเสียค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดี ตราบเท่าที่จำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีได้ต่อไปอีกภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้นโจทก์จึงขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยที่เคยขอถอนการยึดไปแล้วนั้นได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3617/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกห้างหุ้นส่วนและการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี ศาลมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลอื่นได้หากหุ้นส่วนผู้จัดการสละสิทธิ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 มิได้มุ่งหมายที่จะให้หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างเป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนเสมอไปเพราะความที่บัญญัติยกเว้นไว้ในวรรคสองนั้นเองมีความหมายว่า ถ้าหากหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างไม่อาจเข้าเป็นผู้ชำระบัญชีได้ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ และไม่ปรากฏข้อสัญญาของห้างที่กำหนดเรื่องผู้ชำระบัญชีไว้ เมื่อผู้มีส่วนได้เสียร้องขอ ศาลย่อมตั้งผู้ชำระบัญชีได้
เมื่อปรากฏว่าคู่ความตกลงยอมให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดและจำเลยให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามที่เห็นสมควร ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการสละสิทธิในการเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว การที่ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าหน้าที่ในกรมบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251
เมื่อปรากฏว่าคู่ความตกลงยอมให้เลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดและจำเลยให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีตามที่เห็นสมควร ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการสละสิทธิในการเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว การที่ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าหน้าที่ในกรมบังคับคดีเป็นผู้ชำระบัญชีจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่า: การยินยอมให้ใช้เช็คแทนหนังสือค้ำประกัน ถือเป็นการสละสิทธิ
ในสัญญาเช่ามีข้อสัญญาว่าผู้เช่าต้องให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันความเสียหายในทรัพย์สินที่เช่าให้ไว้แก่ผู้ให้เช่า แต่ผู้ให้เช่ามิได้ถือว่าหน้าที่จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อผู้เช่าสั่งจ่ายเช็คให้ผู้ให้เช่ายึดถือไว้แทนหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ผู้ให้เช่าก็ยินยอม กรณีจึงถือได้ว่าผู้ให้เช่าได้สละผลบังคับตามสัญญาเช่าข้อดังกล่าวเสียแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ตกเป็นผู้ผิดสัญญาเช่าเพราะมิได้จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกัน ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าและฟ้องขับไล่ผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2295/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิในสัญญาเช่า: การยินยอมให้ใช้เช็คแทนหนังสือค้ำประกัน ถือเป็นการสละผลบังคับตามสัญญา
ในสัญญาเช่ามีข้อสัญญาว่าผู้เช่าต้องให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันความเสียหายในทรัพย์สินที่เช่าให้ไว้แก่ผู้ให้เช่า แต่ผู้ให้เช่ามิได้ถือว่าหน้าที่จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกันเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อผู้เช่าสั่งจ่ายเช็คให้ผู้ให้เช่ายึดถือไว้แทนหนังสือค้ำประกันของธนาคารผู้ให้เช่าก็ยินยอม กรณีจึงถือได้ว่าผู้ให้เช่าได้สละ ผลบังคับตามสัญญาเช่าข้อดังกล่าวเสียแล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ตกเป็นผู้ผิดสัญญาเช่าเพราะมิได้จัดให้ธนาคารทำหนังสือค้ำประกัน ผู้ให้เช่าไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่า และฟ้องขับไล่ผู้เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีแรงงานไม่ตัดสิทธิการฟ้องใหม่ หากไม่มีเจตนาสละสิทธิเรียกร้อง
แม้ในคดีเดิมโจทก์จะแถลงว่า สาเหตุที่ถอนฟ้องเพราะโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปเนื่องจากตกลงกันได้แล้ว ก็ไม่มีข้อความชัดแจ้งหรืออาจแปลได้ว่าโจทก์สละสิทธิที่จะเรียกร้องในมูลกรณีเดียวกันนั้นกับจำเลยอีกในภายหลัง ฉะนั้น การถอนฟ้องในคดีก่อนจึงไม่ทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์หมดไป โจทก์จึงฟ้องคดีได้ใหม่ภายในอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการสะสมวันหยุดพักผ่อน: ข้อบังคับบริษัทที่กำหนดการสละสิทธิหากไม่ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนไม่ขัดกฎหมาย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ10 วรรค 2 ซึ่งบัญญัติใจความว่า นายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันล่วงหน้าสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีไว้และนำไปรวมหยุดในปีอื่นก็ได้ มิใช่เป็นบทบังคับ แต่เป็นการให้สิทธินายจ้างและลูกจ้างที่จะทำความตกลงกัน เมื่อนายจ้างและลูกจ้างไม่ได้ทำความตกลงกันในข้อนี้ ข้อบังคับของจำเลยซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า ถ้าไม่ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี ให้ถือว่าสละสิทธิและหมดสิทธิที่จะนำไปสะสมไว้ในปีต่อไป จึงใช้บังคับได้ และการสละสิทธิดังกล่าวก็หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1610/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิสะสมวันหยุดพักผ่อน – ข้อบังคับบริษัทสละสิทธิ – ไม่ขัด กม.
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ10 วรรค 2ซึ่งบัญญัติใจความว่า นายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันล่วงหน้าสะสมวันหยุดพักผ่อนประจำปีไว้และนำไปรวมหยุดในปีอื่นก็ได้ มิใช่เป็นบทบังคับ แต่เป็นการให้สิทธินายจ้างและลูกจ้างที่จะทำความตกลงกัน เมื่อนายจ้างและลูกจ้างไม่ได้ทำความตกลงกันในข้อนี้ข้อบังคับของจำเลยซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกำหนดว่า ถ้าไม่ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี ให้ถือว่าสละสิทธิและหมดสิทธิที่จะนำไปสะสมไว้ในปีต่อไป จึงใช้บังคับได้ และการสละสิทธิดังกล่าวก็หาจำต้องทำเป็นหนังสือไม่