พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271-272/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินบริคณห์: โฉนดชื่อผู้เดียวไม่ตัดสิทธิสามีในทรัพย์สิน หากพิสูจน์ไม่ได้เป็นสินส่วนตัว
ภริยามีชื่อในโฉนดแต่ผู้เดียวแสดงว่าเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เท่านั้น จะถือว่าที่ดินนั้นเป็นสินส่วนตัวไม่ได้ เพราะอาจเป็นสินเดิมหรือสินสมรส จึงต้องถือเป็นสินบริคณห์.กรณีถือว่าโจทก์ให้การรับว่าผู้ร้องเป็นสามีจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีฉ้อโกงในกรณีทรัพย์สินร่วม สามีมีสิทธิฟ้องแทนภริยา
สามีมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษผู้มาหลอกลวงทรัพย์ระหว่างผัวเมียไปจากภริยาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมภริยาจำนองทรัพย์สินสามีโดยมิได้คัดค้าน ทำให้สิทธิบอกล้างนิติกรรมจำนองรายหลังหมดไป
สามีปล่อยให้ภริยาจำนองที่ดินที่มีชื่อภริยาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และเอาไปจำนองครั้ง 1 แล้วโดยมิได้ทักท้วงคัดค้านประการใด ภายหลังเอาจำนองแก่ผู้อื่นดังนี้ สามีจะบอกล้างจำนองรายหลังนี้มิได้ เพราะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
(อ้างฎีกาที่ 1104/2477)
(อ้างฎีกาที่ 1104/2477)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2483
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันโดยภริยาต้องได้รับความยินยอมจากสามี การให้สัตยาบันไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ
การให้สัตยาบันโมฆียะกรรมนั้นไม่จำต้องทำเป็นหนังสือ+ หมายเหตุ ไม่มี ฎีกาเรื่องขอให้แยกทรัพย์เป็นส่วนของภริยาเพื่อชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้สัตยาบันสัญญาซื้อขายที่ดินสินบริคณห์โดยสามีที่ไม่ยินยอม และการสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์การสัตยาบัน
+มีให้สัตยาบันแก่สัญญาขายที่ดินสินบริคณห์ ซึ่งภรรยาทำไปโดยมิได้รับความยินยอมของสามีนั้นไม่จำต้องทำเป็นหนังสือประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.94(ข)
ภรรยาเอาที่ดินสินบริคณห์ไปขายให้แก่บุคคลภายนอกปรากฏตามหนังสือสัญญาซื้อขายตกลงราคากัน 500 บาท เมื่อสามีมาฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายรายนี้ ผู้ซื้อจึงนำพะยานบุคคลมาสืบว่าสามีเป็นผู้รับเงินค่าซื้อขายรายนี้ไป 570 บาทเพื่อแสดงว่าสามีได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะ-สัญญาซื้อขายนี้การสืบเช่นนี้ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาซื้อขายนั้น
ภรรยาเอาที่ดินสินบริคณห์ไปขายให้แก่บุคคลภายนอกปรากฏตามหนังสือสัญญาซื้อขายตกลงราคากัน 500 บาท เมื่อสามีมาฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายรายนี้ ผู้ซื้อจึงนำพะยานบุคคลมาสืบว่าสามีเป็นผู้รับเงินค่าซื้อขายรายนี้ไป 570 บาทเพื่อแสดงว่าสามีได้ให้สัตยาบันแก่โมฆียะ-สัญญาซื้อขายนี้การสืบเช่นนี้ไม่เป็นการสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาซื้อขายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินสินสมรส: สามีมีสิทธิร่วมในที่ดินที่ภรรยาเป็นเจ้าของ แม้ภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าของที่ดินร่วมกันจะห้ามมิให้เจ้าของร่วมอีกฝ่ายหนึ่งเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินมิได้ที่ดินสินสมรสที่มีชื่อภรรยาเป็นเจ้าของถือกรรมสิทธินั้นสามีย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของด้วยตามกฎหมาย การที่ภรรยาหายไปเกินปีแล้วนั้น ไม่ทำให้สามีขาดสิทธิเรียกร้องส่วนอันตนมีกรรมสิทธิอยู่แล้วนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในความผิดฉุดคร่า: ศาลต้องพิจารณาความเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นสามี แม้ไม่ได้จดทะเบียน
ชายลักพาหญิงอายุ 18 ปีซึ่งมีผู้ปกครองไปอยู่กินด้วยกันอย่างสามีภรรยา มิได้มีการไป+มาและมิได้จดทะเบียนสมรสดังนี้ ไม่เป็นสามีภรรยากันได้ตามกฎหมายแพ่ง จำเลยต้องหาเป็นความอาญาว่าฉุดคร่าอนาจารหญิง จำเลยต่อสู้ว่าหญิงเป็นภรรยาตน การวินิจฉัยว่าเป็นภรรยาจำเลยหรือไม่นี้ต้องถือหลักตามกฎหมายแพ่งฯเพราะในทางอาญาไม่มีบัญญัติไว้
ในความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตามกฎหมายอาญามาตรา 276 นั้น แม้หญิงผู้เสียหายจะมิได้เป็นภรรยาจำเลยตามกำหมาย แต่ถ้าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นสามีหญิงและได้ฉุดคร่าไปเพื่ออยู่กินด้วยกันตามเดิม ดังนี้ เรียกว่าจำเลยไม่มีเจตนาในทางอาญา หรืออีกนัยหนึ่งคือการบังอาจตามมาตรา 276 จำเลยยังไม่มีผิดตามมาตรานี้ ความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตามกฎหมายอาญามาตรา 276 ปัญหาว่าจำเลยมีเจตนาในทางอาญาหรือได้บังอาจหรือไม่นั้น ตกหน้าที่โจทก์นำสืบ
ฎีกาว่าศาลล่างไม่ตีความตามข้อเท็จจริง ปรับรูปกฎหมายโดยเคร่งครัดและว่าศาลล่างไม่เพ่งเล็งการกระทำของจำเลยว่ามีเจตนาหรือไม่นั้นเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
ในความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตามกฎหมายอาญามาตรา 276 นั้น แม้หญิงผู้เสียหายจะมิได้เป็นภรรยาจำเลยตามกำหมาย แต่ถ้าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นสามีหญิงและได้ฉุดคร่าไปเพื่ออยู่กินด้วยกันตามเดิม ดังนี้ เรียกว่าจำเลยไม่มีเจตนาในทางอาญา หรืออีกนัยหนึ่งคือการบังอาจตามมาตรา 276 จำเลยยังไม่มีผิดตามมาตรานี้ ความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตามกฎหมายอาญามาตรา 276 ปัญหาว่าจำเลยมีเจตนาในทางอาญาหรือได้บังอาจหรือไม่นั้น ตกหน้าที่โจทก์นำสืบ
ฎีกาว่าศาลล่างไม่ตีความตามข้อเท็จจริง ปรับรูปกฎหมายโดยเคร่งครัดและว่าศาลล่างไม่เพ่งเล็งการกระทำของจำเลยว่ามีเจตนาหรือไม่นั้นเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84-85/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองสินบริคณห์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี และผลของการไม่บอกล้างภายในกำหนด
ภรรยาเอาที่ดินสินบริคณห์ไปจำนองไว้แก่บุคคลภายนอกโดยมิได้รับอนุญาตจากสามี ครั้นสามีรู้ความแล้วมิได้บอกล้างภายในเวลา 1 ปี สัญญาจำนองย่อมสมบูรณ์ผูกมัดสินบริคณห์นั้นทั้งหมดสามีจะบอกล้างภายหลังมิได้
ภรรยาทำนิติกรรมเกี่ยวกับสินบริคณห์โดยมิได้รับอนุญาตจากสมี ครั้งถูกศาลสั่งให้ยึดสินบริคณห์ สามีจึงร้องขัดทรัพย์และบอกล้างโมฆียะกรรม ในระหว่างคดีสามีตายดังนี้ ทายาทของสามีมีสิทธิรับมฤดกความดำเนินคดีชั้นร้องขัดทรัพย์นี้ต่อไปจนถึงที่สุดได้
ภรรยาทำนิติกรรมเกี่ยวกับสินบริคณห์โดยมิได้รับอนุญาตจากสมี ครั้งถูกศาลสั่งให้ยึดสินบริคณห์ สามีจึงร้องขัดทรัพย์และบอกล้างโมฆียะกรรม ในระหว่างคดีสามีตายดังนี้ ทายาทของสามีมีสิทธิรับมฤดกความดำเนินคดีชั้นร้องขัดทรัพย์นี้ต่อไปจนถึงที่สุดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองในความสัมพันธ์: สามีต่อยภรรยาหลังถูกทำร้าย
ผัวเมียทะเลาะกันในมุ้ง เมียบีบลูกอัณฑะผัว ๆ จึงต่อยหน้าเมียมีบาดเจ็บ เรียกว่าผัวทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุหาโทษมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีชู้ผู้ชาย ยกฟ้อง
ผัวเมีย ชายชู้ ยกฟ้อง