คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิ้นสุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 200 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งตรัสต์ก่อนใช้ประมวลแพ่งฯ และระยะเวลาสิ้นสุดของตรัสต์ตามหลักกฎหมาย
ในคดีที่เจ้ามฤดกมรณะก่อนวันใช้ประมวลแพ่งฯ พรรพ 2 จะนำบทบัญญัติในประมวลบรรพนั้นมาใช้บังคับมิได้
ตรัสติที่ตั้งขึ้นก่อนวันใช้ประมวลแพ่งฯ บรรพ 6 ย่อมมีผลสมบูรณ์ใช้ได้ โดยกฎหมายสยามรับเอาหลักกฎหมายอังกฤษเรื่องวิธีการตั้งตรัสต์มาใช้เท่าที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนและถือว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งกฎหมายสยาม
การตั้งตรัสต์โดยไม่มีกำหนดเวลานั้นไม่เป็นโมฆะเสียเปล่าไป แต่กำหนดระยะเวลามีผลแห่งตรัสต์จะสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นชีวิตผู้รับประโยชน์ตามพินัยกรรมคนท้ายที่สุดที่มีชีวิตอยู่ในขณะผู้ทำพินัยกรรมตายและอีก 20 ปี ต่อแต่นั้นไป
โมฆะกรรมนั้นจะให้สัตยาบันมิได้, นิติกรรมที่มีกำหนดเวลาเกินกำหนดในกฎหมายนั้นไม่เป็นโมฆะเสียทีเดียว แต่ถือว่านิติกรรมฉะบับนั้นมีผลเพียงเท่าที่ระยะเวลาในกฎหมายกำหนดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โทษกักกันหลังหลบหนี: โทษเดิมสิ้นสุด-เพิ่มโทษใหม่
เมื่อผู้ที่ถูกส่งตัวไปอยู่ตัวเมืองตามพ.ร.บ.+ดัดสันดานคนจรจัด ฯ กระทำผิดขึ้นในระหว่างนั้นและจะต้องได้รับโทษกักกันเพิ่มขึ้นอีกดังนี้ โทษที่จำเลยต้องไปอยู่ต่างจังหวัดที่เหลืออยู่ตาม พ.ร.บ.ดั่งกล่าวนั้นเป็นอันยกเลิก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 104/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิ้นสุดอำนาจสอบสวนหลังส่งสำนวนให้อัยยการ จำเลยไม่ต้องให้การ
เมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเสร็จและลงสำนวนให้พนักงานอัยยการแล้วย่อมหมดอำนาจที่จะทำการสอบสวนต่อไป ผู้ใดที่พนักงานสอบสวนมีหมายเรียกเพื่อมาให้การในภายหลังไม่ยอมให้การก็ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยกฟ้อง: คดีความสิ้นสุดลงโดยไม่ตัดสินว่าผิดหรือถูก
ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 823/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความกับลูกหนี้หลักแล้ว สิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันเป็นอันสิ้นสุด
คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยหลายคน และโจทก์กับจำเลยบางคนได้ทำสัญญายอมความกันต่อศาลและศาลได้พิพากษาให้เสร็จไปตามยอมนั้นแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยผู้ยกข้อต่อสู้ที่อาจทำให้หลุดพ้นความรับผิดและทั้งมิได้ลงชื่อในสัญญายอมความนั้นด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทน-หุ้นส่วนสิ้นสุดเมื่อตัวการ/ผู้เป็นหุ้นส่วนถึงแก่กรรม ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ผูกพันกองมรดก
สัญญาตัวแทนย่อมระงับสิ้นไปด้วยตัวการตาย เมื่อตัวแทนทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่บุคคลที่ 3 ๆ ก็ทราบ ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่มัดกองมฤดกห้างหุ้นส่วนสามัญย่อมเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนส่วนคนใดคนหนึ่งตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2623/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมทางเข้าออก – การได้มาตามข้อตกลง – สิ้นสุดลงจากการไม่ได้ใช้ประโยชน์เกิน 10 ปี – การพิพากษาเกินคำขอ
สิทธิที่จะใช้ที่ดินของ ล. เป็นทางเข้าออกอันเป็นการได้มาซึ่งภาระจำยอมตามข้อตกลงแม้จะไม่ได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์แต่ก็เป็นบุคคลสิทธิใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญา และไม่ใช่สิทธิตามกฎหมายหรือสิทธิเฉพาะตัวโดยแท้ เมื่อจำเลยได้รับโอนที่ดินจาก ล. ก็มิได้ขัดขวางการใช้ทางพิพาทของ ป. และโจทก์ ถือว่าจำเลยตกลงยอมรับที่จะผูกพันปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่าง ล. กับ ป. โดยปริยาย โจทก์ซึ่งรับโอนที่ดินและสิทธิจาก ป. ย่อมอาศัยข้อตกลงฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นทายาทผู้สืบสิทธิและรับโอนที่ดินจาก ล. ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงได้ ทางพิพาทจึงตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินโจทก์
ล. สร้างบ้าน ทำคันปูนและปลูกต้นไม้รุกล้ำทางภาระจำยอม ต่อมาจำเลยรื้อต้นไม้และคันปูนออกแล้วต่อเติมเป็นห้องพักให้ ล. โจทก์จึงไม่สามารถใช้ที่ดินส่วนดังกล่าวเป็นทางเข้าออกได้ โจทก์ไม่ได้ใช้ที่ดินส่วนดังกล่าวถึงวันฟ้องเกิน 10 ปี ภาระจำยอมในที่ดินส่วนนั้นจึงสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1399
โจทก์ฟ้องโดยมีคำขอท้ายฟ้องให้พิพากษาว่า ที่ดินของจำเลยกว้าง 1.50 เมตร ยาวตลอดแนวด้านทิศตะวันออกเป็นทางภาระจำยอมสำหรับที่ดินโจทก์ แผนที่พิพาท ไม่ระบุตำแหน่ง ไม่ระบุความกว้างยาวและเนื้อที่ของทางภาระจำยอมไว้ ถือว่าโจทก์ประสงค์ได้ทางภาระจำยอมมีความกว้างตามคำขอท้ายฟ้องเท่านั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินด้านทิศตะวันออกของจำเลย กว้าง 1.74 เมตร เป็นการพิพากษาเกินคำขอ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ที่ดินของจำเลยบางส่วนที่เป็นภาระจำยอมสิ้นไปแล้วตกเป็นภาระจำยอมด้วย คำพิพากษาศาลชั้นต้นส่วนนี้จึงไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247 (เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม – ละเมิดอำนาจศาล – รัฐธรรมนูญสิ้นสุด – ไม่เป็นสาระวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงโทษจำเลยฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1), 33 วรรคท้าย ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จำเลยอุทธรณ์เพียงขอให้ลดโทษจำคุกเหลือ 15 วัน หรือรอการลงอาญาโทษจำคุกส่วนที่เหลือเท่านั้น ดังนี้การกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจึงยุติไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยไม่อาจฎีกาว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้อีก ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ.มาตรา 15
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินคดีแก่จำเลยโดยไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 40 (2) บัญญัติไว้ นั้น เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สิ้นสุดลงแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระอันควรวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6613/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดจากภัยธรรมชาติ ผู้เช่าซื้อไม่ต้องชดใช้ราคารถ แต่ต้องรับผิดค่าเสียหายตามจริง
สัญญาเช่าซื้อและสัญญาต่อท้ายสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อกำหนดว่าในกรณีที่มีการนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปทำประกันภัยแล้วรถยนต์ที่เช่าซื้อได้รับความเสียหายผู้ให้เช่าซื้อต้องไปเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยก่อนจึงจะมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาเช่าซื้อเอากับผู้เช่าซื้อ โจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อจึงมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญาเช่าซื้อเอากับจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อได้โดยไม่จำต้องไปเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13492/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระจำยอมในที่ดินจัดสรรสิ้นสุดลงได้หากสิ่งปลูกสร้างถูกทิ้งร้างและไม่ได้ใช้ประโยชน์เกิน 10 ปี
แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 เป็นบทกฎหมายเฉพาะกำหนดให้สาธารณูปโภคซึ่งผู้จัดสรรที่ดินได้จัดให้มีขึ้นเพื่อการจัดสรรที่ดินตกอยู่ในภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร และเป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินหรือผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินต่อไปที่จะบำรุงรักษากิจการดังกล่าวให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นโดยตลอดไปก็ตาม แต่ก็หามีข้อกำหนดระบุเหตุของการสิ้นไปแห่งภาระจำยอมในกรณีการจัดสรรที่ดินไว้โดยเฉพาะไม่ จึงชอบที่จะต้องบังคับตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. บรรพ 4 ลักษณะ 4 ภาระจำยอม ซึ่งใช้กรณีมีข้อพิพาทโต้แย้งสิทธิต่อกันในทางแพ่งโดยทั่วไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดต่อสภาพแห่งภารยทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินจัดสรร เมื่อก่อนที่โจทก์และจำเลยซื้อที่ดินในโครงการจอมเทียน แกรนด์วิว ตามฟ้อง สิ่งปลูกสร้างและสภาพแวดล้อมภายในโครงการมีลักษณะถูกปล่อยร้างมิได้ใช้ประโยชน์มาเป็นเวลาเกินกว่าสิบปี จนเห็นได้ว่า การจัดสรรที่ดินล้มเลิกไปแล้วตามสภาพโดยปริยาย การซื้อที่ดินดังกล่าวของโจทก์จำเลยจึงมิใช่การซื้อในลักษณะธุรกรรมจัดสรรที่ดินซึ่งต้องอยู่ในบังคับแห่งกฎหมาย อีกทั้งที่ดินของจำเลยได้สิ้นสภาพจากการเป็นสาธารณูปโภคอันพึงต้องตกอยู่ในภาระจำยอมตามที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 กำหนดไว้ไปก่อนแล้ว อันเป็นกรณีสิ้นไปแห่งภาระจำยอมเพราะมิได้ใช้สิบปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1399
of 20