คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สืบพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีจากการไม่นำสืบพยานสนับสนุนข้อต่อสู้ แม้มีสิทธิขอส่งประเด็นไปสืบ
จำเลยให้การว่าไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวเป็นลายมือปลอมแต่ปรากฎว่าจำเลยกลับไม่สนใจมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลเพื่อสนับสนุนข้อต่อสู้ของตนที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องและแถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งประเด็นไปสืบ ส.และ ศ.ที่ศาลอื่นก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยจะสืบในข้อใดและเกี่ยวแก่ประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยเพียงใดคงกล่าวลอยๆว่าขอให้ส่งประเด็นไปสืบเท่านั้นในฎีกาของจำเลยก็มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าจำเลยจะสืบพยานทั้งสองปากในข้อใดเกี่ยวแก่ประเด็นข้อพิพาทแค่ไหนเพียงใดพฤติการณ์ของจำเลยจึงเป็นการประวิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้สืบพยาน ทำให้ฎีกาไม่ชอบตามกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเมื่อวันที่ 2 กันยายน2534 ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของผู้ร้อง กับให้งดสืบพยานผู้ร้องและพยานโจทก์และได้มีคำพิพากษาวันที่ 19 กันยายน 2534 คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 เมื่อผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น
คดีนี้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบ ถือได้ว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบตามคำร้อง และฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ดังนั้น การที่ผู้ร้องฎีกาว่า บ้านพิพาทเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของ ธ.ไม่ใช่ของจำเลย ผู้ร้องได้ซื้อบ้านพิพาทมาจาก ธ. เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2531ในราคา 20,000 บาท และผู้ร้องได้เป็นเจ้าของบ้านพิพาทในทะเบียนบ้านแล้วเมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้อง จำเลยได้ออกไปจากบ้านพิพาทแล้ว โจทก์ทั้งสองหามีสิทธิที่จะบังคับคดีให้รื้อถอนบ้านพิพาทได้อีกต่อไป การที่โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับคดี จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าฎีกาของผู้ร้องดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์/ฎีกาเป็นอันสิ้นสุด ฎีกาต้องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเมื่อวันที่2กันยายน2534ผู้ร้องยื่นบัญชีระบุพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของผู้ร้องกับให้งดสืบพยานผู้ร้องและพยานโจทก์และได้มีคำพิพากษาวันที่19กันยายน2534คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา226เมื่อผู้ร้องมิได้โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องนำพยานเข้าสืบถือได้ว่าผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบตามคำร้องและฟังไม่ได้ว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องดังนั้นการที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเดิมเป็นกรรมสิทธิ์ของ ธ. ไม่ใช่ของจำเลยผู้ร้องได้ซื้อบ้านพิพาทมาจาก ธ. เมื่อวันที่20มิถุนายน2531ในราคา20,000บาทและผู้ร้องได้เป็นเจ้าของบ้านพิพาทในทะเบียนบ้านแล้วเมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยได้ออกไปจากบ้านพิพาทแล้วโจทก์ทั้งสองหามีสิทธิที่จะบังคับคดีให้รื้อถอนบ้านพิพาทได้อีกต่อไปการที่โจทก์ทั้งสองขอให้บังคับคดีจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าฎีกาของผู้ร้องดังกล่าวมิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานหลักฐานแล้ว และข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อราคาทรัพย์สินไม่สูง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมว่า จำเลยมิได้ระบุเหตุที่ไม่สามารถทราบว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสี่ทั้ง ๆ ที่จำเลยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทและจำเลยก็มีทนายความดำเนินคดีแล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ทราบว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบประโยชน์ของตนและพยานหลักฐานบางอย่างก็มิเคยทราบว่ามีอยู่ ทั้งนี้เพราะทนายความคนเดิมมิได้ระบุอ้างว่าไว้ เมื่อทนายความคนใหม่เข้ารับหน้าที่จำเลยเพิ่งทราบว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญที่เป็นความจำเป็นนั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7103/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานและการวินิจฉัยประเด็นไม่ครบถ้วนในคดีแรงงาน
ศาลแรงงานกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ 5 ข้อ และให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานในประเด็นอื่น ๆนอกจากประเด็นข้อที่ 1 เพียงประเด็นเดียวว่า ค่าอาหารต้องนำมารวมคิดเป็นค่าจ้างด้วยหรือไม่ เมื่อประเด็นข้อนี้โจทก์มิได้แถลงรับข้อเท็จจริงใด ๆ ในคดี ทั้ง-ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะฟังเป็นยุติที่ศาลแรงงานจะนำมาวินิจฉัยคดีของโจทก์ได้ แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1 เอกสารหมาย ล.2 และ ล.3 ที่ศาล-แรงงานนำมาวินิจฉัยก็เป็นพยานหลักฐานของจำเลยซึ่งโจทก์มิได้รับว่าถูกต้อง การที่ศาลแรงงานสั่งงดสืบพยานโจทก์จึงเป็นการมิชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 85 ประกอบพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31และการที่โจทก์มิได้แถลงสละประเด็นข้อใด ประเด็นแห่งคดีที่ศาลแรงงานกำหนดไว้ 5 ข้อ จึงยังคงมีอยู่และศาลแรงงานต้องวินิจฉัย ที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 เพียงข้อเดียวก็ไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง เมื่อคดียังมีประเด็นอื่นที่จะต้องวินิจฉัยอยู่เช่นนี้ การที่ศาลแรงงานวินิจฉัยประเด็นข้อที่ 1 ข้อเดียวแล้วพิพากษา-ยกฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6994/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการสืบพยานคดีคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา: ศาลมีอำนาจไต่สวนทั้งสองฝ่าย
การขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) แม้ว่ากฎหมายจะบัญญัติให้ทำเป็นคำขอฝ่ายเดียวก็ตาม แต่ศาลก็มีอำนาจที่จะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งหรือคู่ความอื่น ๆ ก่อนออกคำสั่งในเรื่องนั้น ๆ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6945/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งนัดพยานที่ถูกต้องตามกฎหมาย การงดสืบพยานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทนายจำเลยยื่นคำให้การโดยลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดตามตรายางที่เจ้าหน้าที่ศาลประทับไว้ว่าเป็นวันนัดชี้หรือสืบพยานโจทก์เท่านั้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดสืบพยานจำเลยโดยมิได้ระบุวันเวลานัดไว้ และจำเลยมิได้ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งศาลดังกล่าวทั้งศาลชั้นต้นมิได้หมายนัดให้จำเลยทราบ จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทราบวันนัดสืบพยานจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่: ศาลฎีกาชี้ว่าฟ้องระบุรายละเอียดเพียงพอแล้ว ส่วนรายละเอียดการส่งเงินและดอกเบี้ยเป็นเรื่องของการสืบพยาน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยเป็นหัวหน้าวงแชร์ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อลูกวงแชร์รวมทั้งโจทก์ซึ่งร่วมเล่นด้วย 1 หุ้น โดยเริ่มเล่นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2528 และลูกวงแชร์ประมูลแชร์ไปได้แล้วหลายรายในอัตราดอกเบี้ยต่างกันจนถึงเดือนกันยายน 2529 จำเลยเลิกวงแชร์โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินที่ส่งไปแล้ว 8,100 บาท พร้อมดอกเบี้ยจากผู้ที่ประมูลแชร์ได้ก่อนหน้านี้จำนวน 2,500 บาท แก่โจทก์แต่จำเลยไม่ชำระให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินและดอกเบี้ยจำนวนดังกล่าว ดังนี้ ฟ้องโจทก์จึงแจ้งชัดแล้วทั้งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ไม่เคลือบคลุมส่วนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่โจทก์ส่งแชร์ไปกี่งวด ใครเป็นผู้ประมูลได้ในแต่ละงวด และด้วยอัตราดอกเบี้ยเท่าใดนั้นเป็นเพียงรายละเอียดซึ่งโจทก์อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา หาจำเป็นต้องกล่าวในฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6159/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่ดินร่วม: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงจากการสืบพยานก่อนตัดสิน
ฟ้องโจทก์อ้างว่า ที่ดินพิพาท ส.บิดาโจทก์ จำเลย และบุคคลอื่นมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน จำเลยครอบครองโฉนดที่ดินไว้ โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ส. ต้องการโฉนดที่ดินเพื่อแบ่งแยกที่ดินให้แก่ทายาท จำเลยให้การต่อสู้ว่า ส.ได้ยกที่ดินส่วนของตนให้จำเลย จำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบปีจึงได้กรรมสิทธิ์ และคดีโจทก์ขาดอายุความมรดกแล้ว ประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยก่อนจึงมีว่าที่ดินส่วนของ ส.ตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์แล้วหรือไม่ หากตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยดังจำเลยให้การต่อสู้โจทก์ก็ไม่มีสิทธิเรียกโฉนดที่ดินดังกล่าวคืนจากจำเลย ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและคำให้การจำเลยจึงยังไม่พอวินิจฉัยคดีได้ สมควรที่ศาลจะต้องฟังข้อเท็จจริงจากการนำสืบของคู่ความให้สิ้นกระแสความเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5853/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังสืบพยานไปแล้ว ศาลมีอำนาจได้หากเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
เหตุที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาเอกสารใบรับเงินให้แก่จำเลยก่อนวันสืบพยาน ก็เนื่องจากโจทก์เพิ่งค้นพบเอกสารดังกล่าว และได้ยื่นบัญชีระบุพยานเข้ามาในระหว่างที่ยังสืบพยานโจทก์ไม่เสร็จ จำเลยย่อมมีโอกาสตรวจดูเอกสารดังกล่าวและนำพยานมาสืบหักล้างได้ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้นั้น ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในการที่จะให้การวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อสำคัญในคดีเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญเช่นว่านั้น จึงมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2)
of 98