พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหลบหนีเป็นสำคัญ: แม้ไม่มีผู้คุม แต่หากไม่มีเจตนาหลบหนีก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190
ความผิดฐานหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 นั้น จะต้องมีเจตนาหลบหนีด้วยฉะนั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นนักโทษต้องคุมขังตามอำนาจของศาลป่วยเป็นโรคประสาทได้รับอนุญาตจากพัสดีให้ไปรักษาตัว ณ โรงพยาบาลนอกเรือนจำ โดยมีผู้คุมไปด้วยแม้ขณะกลับเรือนจำจะไม่มีผู้คุมควบคุมตัวจำเลยก็ตามจำเลยก็ยังหามีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลบหนีที่คุมขัง: การหนีเป็นสำคัญ ไม่ใช่การควบคุมตัว
จำเลยซึ่งเป็นนักโทษออกไปซื้อของในตลาดตามคำสั่งของพัศดีโดยไม่มีผู้ควบคุมตัวไป และไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยเจตนาจะหลบหนี จำเลยไม่มีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขับ
องค์สำคัญของความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 อยู่ที่การหนีไป ไม่ใช่อยู่ที่การควบคุมตัวอย่างเดียว
องค์สำคัญของความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 อยู่ที่การหนีไป ไม่ใช่อยู่ที่การควบคุมตัวอย่างเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล่อยตัวนักโทษซื้อของโดยไม่มีผู้ควบคุม ไม่ถือเป็นหลบหนี
นักโทษออกไปซื้อของในตลาดตามคำสั่งของพัสดีโดยไม่มีผู้ควบคุมไม่มีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือจำเลยหลบหนีคดีข่มขืน และทำลายหลักฐานเพื่อ妨礙การสอบสวน
นายชุ่มบุกรุกเข้าไปในโรงนาและพยายามข่มขืนนางส้มเจียน ๆ ใช้ปืนขู่ ปืนเกิดลั่นถูกนายชุ่ม มีรอยเลือดหยดที่ในโรงนาและที่ปากประตู จำเลยมีเจตนาช่วยเหลือนายชุ่มไม่ให้ต้องได้รับโทษ ได้เอาฟางที่เปื้อนเลือดไปเผาไฟเสีย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 184
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกคดีหลบหนีการควบคุม: ห้ามหักวันต้องขังซ้อนกัน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิมและถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกคดีใหม่หลังหลบหนีคดีเดิม ห้ามหักวันต้องขังซ้ำซ้อน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิม และถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ: เหตุอันควรสงสัยว่ากระทำผิดและจะหลบหนี
จำเลยต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจนได้มีคำสั่งจับของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ครั้นเจ้าพนักงานพบจำเลยขี่รถจักรยานจึงได้จับจำเลย เช่นนี้แม้จะไม่มีหมายจับ ก็ย่อมจับจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(3) คือ จับโดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์: การขอทดลองขี่ม้าแล้วหลบหนี ถือเป็นการแสดงเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ ซึ่งความจริงแล้ววันขึ้น13ค่ำเดือนยี่ ตรงกับวันที่ 2 มกราคม2501 ตามที่จำเลยให้การและลำดับเหตุการณ์ในวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2501 เป็นการเจือสมกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นแต่นำสืบปฏิเสธต่อสู้ปัดความรับผิดเท่านั้น จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังเพื่อป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขัง: การกระทำของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้ช่วยพัศดีเรือนจำใช้วิธีจับผู้ตายซึ่งเป็นผู้ต้องขังปีนกำแพงเรือนจำหลบหนี โดยชั้นแรก จำเลยร้องบอกให้ผู้ตายหยุดวิ่ง ผู้ตายไม่ยอมหยุด จำเลยใช้ปืนยิงขู่ไป 1 นัด ผู้ตายคงวิ่งหนีต่อไป จำเลยจึงยิงอีก 1 นัด ถูกเขนโดยมิได้เจตนาจะฆ่าผู้ตาย แต่ยิงเพื่อจับกุม ถ้าไม่ยิงผู้ตายก็น่าจะหลบหนีไปได้ จำเลยมีพวกไปด้วยอีก 2 คน แต่ผู้ตายมีสิ่วปลายแหลมในมือ ผู้ตายไม่ได้ตายเพราะแผลที่ถูกยิง แต่ตายเพราะแผลถูกตีที่ศรีษะ เช่นนี้ ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นวิธีป้องกันมิให้ผู้ตายหลบหนีเท่าที่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งการจับกุมผู้ตาย ซึ่งหลบหนีจากที่คุมขังแล้ว จำเลยยังไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังเพื่อป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขัง: การกระทำของเจ้าพนักงานเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
จำเลยเป็นผู้ช่วยพัศดีเรือนจำใช้วิธีจับผู้ตายซึ่งเป็นผู้ต้องขังปีนกำแพงเรือนจำหลบหนี โดยชั้นแรกจำเลยร้องบอกให้ผู้ตายหยุดวิ่ง ผู้ตายไม่ยอมหยุดจำเลยใช้ปืนยิงขู่ไป 1 นัด ผู้ตายคงวิ่งหนีต่อไป จำเลยจึงยิงอีก 1 นัด ถูกแขนโดยมิได้เจตนาจะฆ่าผู้ตาย แต่ยิงเพื่อจับกุม ถ้าไม่ยิงผู้ตายก็น่าจะหลบหนีไปได้ จำเลยมีพวกไปด้วยอีก 2 คน แต่ผู้ตายมีสิ่วปลายแหลมในมือ ผู้ตายไม่ได้ตายเพราะแผลที่ถูกยิง แต่ตายเพราะแผลถูกตีที่ศีรษะ เช่นนี้ ย่อมถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นวิธีป้องกันมิให้ผู้ตายหลบหนีเท่าที่เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งการจับกุมผู้ตาย ซึ่งหลบหนีจากที่คุมขังแล้ว จำเลยยังไม่มีความผิด