คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อนาจาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารต่อผู้เยาว์โดยอาศัยความหลงเชื่อและภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ผู้เสียหาย4คนมีอายุกว่า13ปีแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก3คนมีอายุไม่เกิน13ปีผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดีจะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บจำเลยบอกให้อดทนที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่ากรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำยอมให้จำเลยกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า13ปีจึงไม่เป็นความผิดคงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน13ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา279วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3685/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: โทษเบาลงเมื่อผู้เยาว์เต็มใจ และผู้เสียหายมีส่วนผิด
ปัญหาที่ว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ซึ่งเมื่อไม่เป็นความผิดตามมาตรา 318 นี้แล้วจะลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตามมาตรา 319 วรรคแรกได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อนี้แล้วก็ตาม ศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ซึ่งมีโทษเบากว่าก็ย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้
การที่ผู้เสียหายกับจำเลยไปดูภาพยนตร์ด้วยกันสองต่อสอง และพากันมาบ้านจำเลย นอนอยู่ในห้องเดียวกันตลอดคืน จำเลยย่อมจะต้องกระทำอนาจารต่อผู้เสียหาย และจำเลยมิได้ตั้งใจจะอยู่กินกับผู้เสียหายฉันสามีภรรยา จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
เหตุที่เกิดในคดีนี้ผู้เสียหายก็มีส่วนผิดด้วย เพราะมูลเหตุเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายติดต่อกับจำเลยก่อนในฐานะเป็นแฟนเพลงและตามเนื้อความในจดหมายที่มีไปถึงจำเลยบางฉบับก็มีเนื้อความว่าจะไปบ้านจำเลยอยากเห็นขาอ่อนจำเลยเป็นการจูงใจจำเลยดังนี้จึงสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3685/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: โทษเบากว่าเมื่อผู้เยาว์เต็มใจ และการพิจารณาเหตุผลของผู้เสียหาย
ปัญหาที่ว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ซึ่งเมื่อไม่เป็นความผิดตามมาตรา 318 นี้แล้วจะลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตามมาตรา319 วรรคแรกได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อนี้แล้วก็ตามศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ซึ่งมีโทษเบากว่าก็ย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้
การที่ผู้เสียหายกับจำเลยไปดูภาพยนตร์ด้วยกันสองต่อสองและพากันมาบ้านจำเลย นอนอยู่ในห้องเดียวกันตลอดคืน จำเลยย่อมจะต้องกระทำอนาจารต่อผู้เสียหาย และจำเลยมิได้ตั้งใจจะอยู่กินกับผู้เสียหายฉันสามีภรรยา จำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
เหตุที่เกิดในคดีนี้ผู้เสียหายก็มีส่วนผิดด้วย เพราะมูลเหตุเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายติดต่อกับจำเลยก่อนในฐานะเป็นแฟนเพลงและตามเนื้อความในจดหมายที่มีไปถึงจำเลยบางฉบับก็มีเนื้อความว่าจะไปบ้านจำเลยอยากเห็นขาอ่อนจำเลยเป็นการจูงใจจำเลยดังนี้จึงสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3685/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: ความยินยอมของผู้เยาว์มีผลต่อการลงโทษ
ปัญหาที่ว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา318ซึ่งเมื่อไม่เป็นความผิดตามมาตรา318นี้แล้วจะลงโทษจำเลยฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยตามมาตรา319วรรคแรกได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยดังนี้แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อนี้แล้วก็ตามศาลฎีกาก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ได้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยแต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยซึ่งมีโทษเบากว่าก็ย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้ การที่ผู้เสียหายกับจำเลยไปดูภาพยนตร์ด้วยกันสองต่อสองและพากันมาบ้านจำเลยนอนอยู่ในห้องเดียวกันตลอดคืนจำเลยย่อมจะต้องกระทำอนาจารต่อผู้เสียหายและจำเลยมิได้ตั้งใจจะอยู่กินกับผู้เสียหายฉันสามีภรรยาจำเลยจึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย เหตุที่เกิดในคดีนี้ผู้เสียหายก็มีส่วนผิดด้วยเพราะมูลเหตุเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายติดต่อกับจำเลยก่อนในฐานะเป็นแฟนเพลงและตามเนื้อความในจดหมายที่มีไปถึงจำเลยบางฉบับก็มีเนื้อความว่าจะไปบ้านจำเลยอยากเห็นขาอ่อนจำเลยเป็นการจูงใจจำเลยดังนี้จึงสมควรรอการลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ได้รับอนุญาตพาออกไปพบคนอื่น แต่การพาเข้าโรงแรมม่านรูดถือเป็นเจตนาผิด
แม้ในตอนแรกนาง ส. มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 12 ปีออกไปจากบ้าน แต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนาง ส. ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้น ทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนาน การที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพัง จะถือว่านาง ส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้ โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราว เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข 11 ทันที และกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไป แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่น การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 13 ปี ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: การกระทำเกินขอบเขตความยินยอมของมารดา
นางส. อนุญาตให้จำเลยพาเด็กหญิงศ. อายุ12ปีซึ่งเป็นบุตรออกไปจากบ้านเพื่อให้เด็กหญิงศ. นำจำเลยไปพบกับบิดาณที่ทำงานการที่จำเลยพาเด็กหญิงศ. เข้าไปในโรงแรมจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องทันทีและกวักมือเรียกให้เด็กหญิงศ. ตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่เด็กหญิงศ. ไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับเด็กหญิงศ. เพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามป.อ.มาตรา317.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ได้รับอนุญาตจำกัด ย่อมไม่ถือว่าเป็นการยินยอม
แม้ในตอนแรกนางส.มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ12ปีออกไปจากบ้านแต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนางส.ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้นทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนานการที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส.รู้เห็นยินยอมไม่ได้โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราวเมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข11ทันทีและกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน13ปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน ศาลฎีกายืนความผิดฐานพยายามฆ่าและอนาจาร แม้การกระทำต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไปหลังจากนั้นจำเลยที่1ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงในพร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัวและขณะที่จำเลยที่1กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมาจำเลยที่1จึงหลบหนีไปดังนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราแม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้นส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่าโจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้างมีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ2นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วด้านซ้ายยาวประมาณ1นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วเจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตกหากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอจำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าแต่การกระทำไม่บรรลุผลจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอนจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารและการพิจารณาโทษสถานเบาจากความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา
จำเลยชวนผู้เสียหายอายุ 17 ปี ไปรับประทานอาหารแล้วพาไปร่วมประเวณี โดยบิดามารดาของผู้เสียหายไม่ทราบว่าผู้เสียหายไปไหน ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 แต่จำเลยกับ ผู้เสียหายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาจนผู้เสียหายตั้งครรภ์แล้ว ศาลฎีการอการลงโทษจำคุกให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท-ระงับคดี: การกระทำอนาจารถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องคดีบุกรุกซ้ำซ้อน
จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทดังนี้เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในข้อหากระทำอนาจารซึ่งจำเลยถูกฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4) ในคดีก่อนพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์บรรยายฟ้องไว้และจำเลยให้การรับสารภาพศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีนี้จำเลยกระทำอนาจารนางสาวสำอางค์โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์และใช้กรรไกรจี้บังคับและแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของนางสาวสำอางค์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเราศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงนางสาวสำอางค์เป็นคดีนี้จึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกันซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีเดียวดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4).
of 36