คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อสังหาริมทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 440 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3241/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุริมสิทธิซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สิ้นผลหากไม่จดทะเบียนราคาค้างชำระ เจ้าหนี้สามัญมีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์
โจทก์นำยึดที่ดินที่ขายให้จำเลย เพื่อนำมาขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์เป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยจำเลยค้างชำระราคาที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดโจทก์จึงเป็นผู้มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกลงทะเบียนเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน บุริมสิทธินั้นย่อมสิ้นผลตาม ป.พ.พ. มาตรา 288 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งย่อมขอเฉลี่ยเงินที่ขายที่ดินนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3241/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุริมสิทธิซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สิ้นผลหากไม่จดทะเบียนราคาและดอกเบี้ยค้างชำระ
โจทก์เป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยจำเลยค้างชำระราคาที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึด โจทก์จึงเป็นผู้มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกลงทะเบียนเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน บุริมสิทธินั้นย่อมสิ้นผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 288 ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในที่ดินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายที่ดินนั้นได้ บทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจบุริมสิทธิตามกฎหมายเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องไม่ได้คัดค้านไว้ในชั้นอุทธรณ์ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ไม่เกินคำขอฟ้อง
ฟ้องโจทก์ที่มีข้อความว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้ความว่าจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในแม่น้ำโดยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทแต่จำเลยนำไม้ระแนงพาดจากพื้นดินไปยังเรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตามฟ้องโจทก์แล้ว ดังนั้นการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์: ศาลพิพากษาลงโทษได้แม้การปลูกสร้างหลักฐานไม่ครบถ้วน หากมีพฤติกรรมรบกวนต่อเนื่อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินราชพัสดุ เพื่อถือการครอบครองที่ดินบางส่วนอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานที่ปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองและปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อฟังได้ว่า เรือนพิพาทปลูกอยู่ในแม่น้ำ มีไม้ระแนงขึ้นจากพื้นดินยาว 1 วา แม้การปลูกตัวเรือนพิพาทไม่เป็นความผิดฐานเข้าไปถือการครอบครองที่พิพาท แต่การที่จำเลยมีไม้ระแนงขึ้นเรือนซึ่งพาดจากพื้นดินไปสู่เรือนพิพาทและเกี่ยวข้องในที่ดินและผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งให้จำเลยหยุดการกระทำแล้ว จำเลยยังคงฝ่าฝืน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุขของผู้อื่น ศาลย่อมพิพากษาลงโทษได้มิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษฐานรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เกินคำขอ
ฟ้องโจทก์ที่มีข้อความว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารในที่ดินพิพาทเพื่อถือการครอบครองที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวบางส่วน อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครอง และปลูกสร้างอาคารอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ด้วย มิใช่ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้ความว่าจำเลยปลูกเรือนพิพาทลงในแม่น้ำโดยมิได้ปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทแต่จำเลยนำไม้ระแนง พาด จากพื้นดินไปยังเรือนพิพาทเพื่อใช้เป็นทางเข้าออกผ่านที่พิพาท อันเป็นการปลูกสร้างอาคารรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขตามฟ้องโจทก์แล้ว ดังนั้นการที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในคำฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2244/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกต้องเป็นการเข้าไปภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองก่อนไม่ผิด
ความผิดฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 นั้นต้อง เป็นการเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือ การครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดย ปกติสุข จำเลยเข้าไปปลูกสร้างบ้านในที่พิพาทโดย ความยินยอมของเจ้าของเดิม ก่อนโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทมา หาใช่จำเลยเพิ่งเข้าไปครอบครองที่พิพาทเมื่อโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแล้วไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 362.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไรเข้าข่ายต้องเสียภาษีการค้า แม้จะอ้างว่ามีหนี้สิน
เมื่อปี พ.ศ. 2492 โจทก์ซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ ราคา 22,320 บาท ต่อมาปี พ.ศ. 2520 โจทก์แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็น 102 แปลง และให้ห้าง ส. ลงทุนทำถนนสร้างตึกแถวติดตั้งไฟฟ้าและน้ำประปาลงบนที่ดินที่แบ่งแยก จากนั้นโจทก์และห้าง ส. ก็ขายที่ดินและตึกแถวโดยโจทก์จดทะเบียนขายเฉพาะที่ดินห้าง ส. ทำสัญญาขายเฉพาะตึกแถว โจทก์ขายที่ดินในราคาตารางวาละ 5,000 บาท ได้เงินมาแล้ว 9 ล้านบาทเศษ ได้กำไรถึงประมาณ 1,000 เท่า เห็นได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ต้องเสียภาษีการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินเพื่อหากำไรถือเป็นธุรกิจการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้า แม้จะมีหนี้สิน
เมื่อปี พ.ศ. 2492 โจทก์ซื้อที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 11 ไร่ราคา 22,320 บาท ต่อมาปี พ.ศ. 2520 โจทก์แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็น 102 แปลงและให้ห้าง ส. ลงทุนทำถนน สร้างตึกแถว ติดตั้งไฟฟ้าและน้ำประปาลงบนที่ดินที่แบ่งแยก จากนั้นโจทก์และห้าง ส.ก็ขายที่ดินและตึกแถวโดยโจทก์จดทะเบียนขายเฉพาะที่ดิน ห้าง ส.ทำสัญญาขายเฉพาะตึกแถว โจทก์ขายที่ดินในราคาตารางวาละ 5,000 บาทได้เงินมาแล้ว 9 ล้านบาทเศษ ได้กำไรถึงประมาณ 1,000 บาท เห็นได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อหากำไรและหน้าที่เสียภาษี
เมื่อปี พ.ศ. 2492 โจทก์ซื้อ ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ราคา 22,320 บาท ต่อ มาปี พ.ศ. 2520 โจทก์แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวออกเป็น 102 แปลงและให้ห้าง ส. ลงทุนทำถนน สร้างตึกแถวติดตั้ง ไฟฟ้าและน้ำประปาลงบนที่ดินที่แบ่งแยก จากนั้นโจทก์และห้าง ส. ก็ขายที่ดินและตึกแถวโดย โจทก์จดทะเบียนขายเฉพาะ ที่ดินห้าง ส. ทำสัญญาขายเฉพาะ ตึกแถว โจทก์ขายที่ดินในราคาตารางวาละ5,000 บาท ได้ เงินมาแล้ว 9 ล้านบาทเศษ ได้ กำไรถึง ประมาณ1,000 เท่า เห็นได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจการค้าหากำไร จึงเป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้อง เสียภาษีการค้า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและทำให้เสียหายซึ่งอสังหาริมทรัพย์: การปรับบทมาตรา 362 เพื่อใช้กับมาตรา 365
จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2)(3) ประกอบด้วยมาตรา 362 เช่นนี้ ศาลจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 โดยมิได้ปรับบทมาตรา 362 มาด้วยย่อมไม่ถูกต้องเพราะมาตรา 365 มิได้บัญญัติความผิดไว้ชัดแจ้งในตัว.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 44