คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เบิกความเท็จ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 461 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1778/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องมีผลต่อการวินิจฉัยของศาล จึงเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
จำเลยเบิกความต่อศาลในคดีอาญาซึ่งโจทก์ถูกฟ้องว่าจำเลยไม่เคยทำหนังสือเอกสารหมาย จ.1 ถึงโจทก์ แต่ศาลมิได้หยิบยกเอาคำเบิกความของจำเลยและข้อความในเอกสารหมาย จ.1 ขึ้นวินิจฉัย หากแต่ได้วินิจฉัยถึงพยานหลักฐานอื่นๆ แล้วพิพากษาลงโทษโจทก์ ส่วนคำเบิกความของจำเลยและเอกสารหมาย จ.1 ไม่มีน้ำหนักในการวินิจฉัยของศาล หรือจะมีผลให้แพ้ชนะคดีกัน ดังนี้ คำเบิกความของจำเลยที่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเอกสารหมาย จ.1 ส่งให้แก่โจทก์จึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957-958/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดี หากประเด็นหลักเป็นเรื่องละเมิดหรือบุกรุก การเบิกความเกี่ยวกับสัญญาเช่าจึงไม่ถือเป็นความเท็จ
ในคดีแพ่งและคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างเป็นคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความเท็จ มีประเด็นข้อพิพาทแต่เพียงว่า การที่โจทก์นำตู้และสิ่งของไปวางไว้บนทางเดินพิพาทเป็นการกระทำละเมิดต่อจำเลยหรือไม่ และมีความผิดฐานบุกรุกหรือไม่ไม่มีประเด็นว่าโจทก์เช่าห้องเลขที่ 111 ของจำเลยหรือไม่แต่อย่างใด ทั้งในคดีดังกล่าวโจทก์ก็ให้การและนำสืบรับว่าโจทก์เช่าห้องเลขที่ 111 ของจำเลยจริง เพียงแต่อ้างว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาเท่านั้นสัญญาเช่าจะได้ลงลายมือชื่อโจทก์ไว้หรือไม่ ไม่เป็นเหตุให้การวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทในคดีดังกล่าวมีผลแตกต่างออกไปแต่ประการใด ดังนั้น การที่โจทก์เบิกความในคดีดังกล่าวว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากจำเลยแต่โจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าฉบับที่จำเลยยึดถือไว้จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีทั้งสองนั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีฉ้อโกง: ความเท็จที่ไม่เป็นสาระสำคัญของคดี
จำเลยเคยฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงว่า โจทก์หลอกลวงให้จำเลยเช่าซื้อที่ดินที่โจทก์ไม่อาจจัดการโอนกรรมสิทธิ์ได้เพราะติดจำนองจำเลยได้เบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยชำระค่าเช่าซื้อครบแล้วแต่โจทก์ยังไม่จัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าซื้อให้จำเลย ดังนี้ ข้อสำคัญในคดีดังกล่าวมีว่า โจทก์ได้หลอกลวงให้จำเลยหลงเชื่อจึงเช่าซื้อที่ดินโจทก์หรือไม่คำเบิกความของจำเลยที่ว่าชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว ถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดข้อสำคัญในคดีที่จำเลยเบิกความ เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ชัดเจน
คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า คดีที่จำเลยเบิกความมีข้อพิพาท ประเด็น และข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) แม้โจทก์จะได้บรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง และต่อมาได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของจำเลยกับคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานและขอให้ศาลเรียกมาจนศาลชั้นต้นได้เรียกสำนวนนั้นมาผูกติดสำนวนคดีนี้ไว้แล้วก็ตาม ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็หาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2076/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าข้อความเท็จนั้นมีผลต่อคดีอย่างไร
คำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่า คดีที่จำเลยเบิกความมีข้อพิพาท ประเด็น และข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไรจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)แม้โจทก์จะได้บรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง และต่อมาได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของจำเลยกับคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานและขอให้ศาลเรียกมาจนศาลชั้นต้นได้เรียกสำนวนนั้นมาผูกติดสำนวนคดีนี้ไว้แล้วก็ตาม ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็หาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องระบุความจริงให้ชัดเจน เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่าอย่างไร และเบิกความในชั้นศาลว่าอย่างไร แล้วสรุปว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จ โดยอ้างว่าหากข้อความที่จำเลยให้การในชั้นศาลเป็นความจริง ที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนก็ย่อมเป็นเท็จ และหากข้อความที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นความจริงการเบิกความต่อศาลก็ย่อมเป็นเท็จ แสดงว่าโจทก์เองก็ไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร เป็นฟ้องที่ขัดกันเองอยู่ในตัวไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้องเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่สมบูรณ์-อำนาจฟ้อง-ความผิดเบิกความเท็จ: ศาลแก้ไขกระบวนพิจารณาได้-โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ทนายจำเลยซึ่งถอนตัวไปแล้วได้ลงชื่อในอุทธรณ์โดยมิได้แต่งทนายเข้ามาใหม่ และจำเลยมิได้ลงชื่อในอุทธรณ์ ศาลจึงสั่งในอุทธรณ์ให้จำเลยแต่งทนายให้ถูกต้องก่อนแล้วจะสั่งอุทธรณ์ใหม่ แม้จำเลยจะแต่งตั้งทนายความภายหลังวันสิ้นอายุอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลก็สั่งรับอุทธรณ์ ดังนี้ เป็นเรื่องศาลชั้นต้นใช้อำนาจอนุญาตให้จำเลยจัดการแก้ไขการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยปฏิบัติถูกต้องแล้ว ก็ต้องถือว่าอุทธรณ์ของจำเลยสมบูรณ์มาแต่ต้นตั้งแต่วันยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
การที่จำเลยเบิกความและนำสืบพยานหลักฐานต่อศาลก็เพื่อให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และเพื่อให้จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้เท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดอันเป็นความเสียหายแก่โจทก์ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จ-เบิกความเท็จ: การยืนยันข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นความจริงต่อพนักงานสอบสวนและศาล
จำเลยเป็นพนักงานปกครองได้รับมอบหมายจากหัวหน้าเขตให้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานหมวดนิติกรรมและที่ดินเมื่อโจทก์มิได้มาพบและขอให้จำเลยรับรองใบมอบอำนาจให้ขายที่ดิน แต่จำเลยได้ให้การยืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์เป็นผู้มาขอให้รับรองหนังสือมอบอำนาจด้วยตนเอง ทั้งที่ได้รู้จักตัวโจทก์แล้วก่อนให้การ ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลแพ่งแล้วกล่าวถึงข้อความอันเป็นเท็จ สุดท้ายกล่าวว่าข้อความเท็จนี้เป็นข้อสำคัญในคดีด้วย มิได้บรรยายว่าคดีที่เบิกความมีข้อพิพาท ประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และปัญหาว่าฟ้องชอบด้วยกฎหมายอันจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีแพ่งต้องเป็นข้อสำคัญในคดี จึงจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
โจทก์ประกันภัยทรัพย์สินไว้แก่บริษัท อ. โดยกำหนดความรับผิดในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไว้ตามกรมธรรม์ประกันภัยเพราะเหตุทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้สูญหาย เช่นนี้เมื่อโจทก์ฟ้องบริษัท อ.ให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว แม้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท อ. จะเบิกความถึงข้อที่ได้แจ้งเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยให้โจทก์ทราบก่อนทำสัญญาหรือไม่ก็ตาม คำเบิกความของจำเลยก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ข้อความที่จำเลยเบิกความในคดีแพ่งดังกล่าวจึงมิใช่ข้อสำคัญในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีแพ่งต้องเป็นข้อสำคัญในคดีจึงจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
โจทก์ประกันภัยทรัพย์สินไว้แก่บริษัท อ. โดยกำหนดความรับผิดในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไว้ตามกรมธรรม์ประกันภัยเพราะเหตุทรัพย์สินที่เอาประกันภัยไว้สูญหาย เช่นนี้เมื่อโจทก์ฟ้องบริษัท อ. ให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวแม้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท อ. จะเบิกความถึงข้อที่ได้แจ้งเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยให้โจทก์ทราบก่อนทำสัญญาหรือไม่ก็ตาม คำเบิกความของจำเลยก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยข้อความที่จำเลยเบิกความในคดีแพ่งดังกล่าวจึงมิใช่ข้อสำคัญในคดี
of 47