พบผลลัพธ์ทั้งหมด 546 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2294/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะเจ้าพนักงานของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และการแจ้งความเท็จ
คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ได้รับการแต่งตั้งโดยอำนาจของกฎหมายให้ปฏิบัติราชการของกรมแรงงานตามที่กฎหมายกำหนดอำนาจและหน้าที่ไว้ทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างจะต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานของคณะกรรมการดังกล่าวมิฉะนั้นมีความผิดและมีโทษทางอาญาคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1046-1047/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไม่เป็นความจริง ไม่ถึงขั้นปลอมแปลง และการระงับสิทธิฟ้องร้องคดีแจ้งความเท็จ
เอกสารทั้งสองฉบับที่จำเลยทั้งสี่ร่วมกันทำขึ้นเป็นเอกสารของจำเลยซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 4 ได้ลงลายมือชื่อของตนเอง มิได้ปลอมลายมือชื่อของผู้ใด และมิใช่เป็นการปลอมหรือเลียนแบบเอกสารอันแท้จริงของผู้ใด แม้ข้อความในเอกสารจะไม่ตรงต่อความจริงหรือเป็นเท็จ การกระทำของจำเลยทั้งสี่ก็ไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารหรือปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 และ 265 ดังนั้นความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จึงไม่เกิดขึ้น
คดีทั้งสองสำนวนโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ เป็นคดีซึ่งเกิดขึ้นในคราวเดียวกัน เมื่อคดีของโจทก์ที่ 3 ตามคดีสำนวนหลัง ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องข้อหาอื่น ส่วนข้อหาฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 สั่งว่าคดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง โจทก์ที่ 3 มิได้อุทธรณ์ กรณีเช่นนี้ถือได้ว่า ความผิดฐานแจ้งความเท็จสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีสำนวนแรกนั้น ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธิของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในอันที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 จึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
(วรรคสองวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2526)
คดีทั้งสองสำนวนโจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในความผิดฐานแจ้งความเท็จ เป็นคดีซึ่งเกิดขึ้นในคราวเดียวกัน เมื่อคดีของโจทก์ที่ 3 ตามคดีสำนวนหลัง ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้องข้อหาอื่น ส่วนข้อหาฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 สั่งว่าคดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง โจทก์ที่ 3 มิได้อุทธรณ์ กรณีเช่นนี้ถือได้ว่า ความผิดฐานแจ้งความเท็จสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในคดีสำนวนแรกนั้น ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว สิทธิของโจทก์ที่ 1 และที่ 2 ในอันที่จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 จึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
(วรรคสองวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสเดิมของจำเลย อำนาจจำหน่าย และการแจ้งความเท็จเกี่ยวกับสถานภาพ
ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวโดยเป็นสินเดิมของจำเลยที่ 1 หาใช่สินสมรสไม่เมื่อใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่แล้วย่อมเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 มีอำนาจจำหน่ายได้เองโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ และมิใช่ทรัพย์สินที่โจทก์จะมีส่วนแบ่งเมื่อหย่ากัน ฉะนั้นแม้ในการที่จำเลยที่ 1ทำสัญญาขายที่ดินและบ้านพิพาทดังกล่าวจำเลยที่ 1 แจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยที่ 1 เป็นหม้ายโดยการตายของสามี ยังไม่ได้ทำการสมรสใหม่ และจำเลยที่ 2 รับรองการเป็นหม้ายของจำเลยที่ 1 ให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกไว้ก็ตาม หากข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จโจทก์ก็มิใช่ผู้เสียหายอันจะฟ้องจำเลยฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3724/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสินเดิมก่อนสมรส ไม่ถือเป็นสินสมรส โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องฐานแจ้งความเท็จ
ที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียว โดยเป็นสินเดิมของจำเลยที่ 1 หาใช่สินสมรสไม่เมื่อใช้บังคับบทบัญญัติบรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่แล้วย่อมเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 มีอำนาจจำหน่ายได้เองโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ และมิใช่ทรัพย์สินที่โจทก์จะมีส่วนแบ่งเมื่อหย่ากัน ฉะนั้นแม้ในการที่จำเลยที่ 1ทำสัญญาขายที่ดินและบ้านพิพาทดังกล่าวจำเลยที่ 1 แจ้งแก่เจ้าพนักงานที่ดินว่า จำเลยที่ 1 เป็นหม้ายโดยการตายของสามี ยังไม่ได้ทำการสมรสใหม่ และจำเลยที่ 2 รับรองการเป็นหม้ายของจำเลยที่ 1 ให้เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกไว้ก็ตาม หากข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จโจทก์ก็มิใช่ผู้เสียหายอันจะฟ้องจำเลยฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา267 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์ให้แล้วขอคืนภายหลัง & การแจ้งความเท็จ หมิ่นประมาท - ศาลฎีกาห้ามประเด็นใหม่
โจทก์ยกที่ดิน 30 ไร่ให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์มาประมาณ 20 ปี โจทก์ออกจากบ้านจำเลยทั้งสองไปโดยมิใช่ความผิดของจำเลยทั้งสองและขอแบ่งที่ดิน 6 ไร่ เช่นนี้ การที่จำเลยทั้งสองไม่ยอมแบ่งที่ดินดังกล่าวให้โจทก์จึงมิใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้
ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสองแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้จับโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ลักผ้าซิ่นไหม ซึ่งตามประเพณีอีสานถือว่าหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวถึงความข้อนี้ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยทั้งสองแจ้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้จับโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ลักผ้าซิ่นไหม ซึ่งตามประเพณีอีสานถือว่าหมิ่นประมาทโจทก์นั้น ฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวถึงความข้อนี้ จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ฎีกาข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3395/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีใช้เอกสารปลอมและแจ้งความเท็จ ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ถูกกระทำโดยตรง
จำเลยกับ ด. ได้ร่วมกันนำพินัยกรรมซึ่งมีข้อความว่า ต. เจ้ามรดกยกที่ดินมีโฉนดให้แก่ ด. ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินเชื่อและได้แก้ทะเบียนที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของจำเลย แต่ในขณะนั้น ร. ซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรของ ต. เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่และต่อมาก่อนตาย ร. ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวที่อ้างว่าจะได้รับมรดกให้แก่โจทก์ ดังนี้แม้จะฟังว่า ร. เป็นบุตรของ ต. เจ้ามรดก และพินัยกรรมนั้นปลอมแต่ขณะเกิดเหตุการกระทำผิด ร. ยังมีชีวิตอยู่ ร. จึงเป็นผู้เสียหายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 4, 5 และ 6 ไม่ได้ให้อำนาจโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมฟ้องคดีแทน ร. ผู้เสียหายได้ดังนั้นเมื่อ ร. ถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จต้องระบุความจริงชัดเจน หากไม่ระบุจำเลยไม่เข้าใจความเท็จ แม้รับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จ โดยบรรยายถึงข้อความที่จำเลยแจ้งความและกล่าวว่า ซึ่งความจริงมิใช่เช่นนั้น แต่มิได้บรรยายว่าความจริงเป็นอย่างไร จำเลยย่อมไม่อาจเข้าใจได้ดีว่าข้อความที่แจ้งเป็นความเท็จ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องระบุความจริงให้ชัดเจน เพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่าอย่างไร และเบิกความในชั้นศาลว่าอย่างไร แล้วสรุปว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จ โดยอ้างว่าหากข้อความที่จำเลยให้การในชั้นศาลเป็นความจริง ที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนก็ย่อมเป็นเท็จ และหากข้อความที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนเป็นความจริงการเบิกความต่อศาลก็ย่อมเป็นเท็จ แสดงว่าโจทก์เองก็ไม่ทราบว่าความจริงเป็นอย่างไร เป็นฟ้องที่ขัดกันเองอยู่ในตัวไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้องเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-เบิกความเท็จ: การยืนยันข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นความจริงต่อพนักงานสอบสวนและศาล
จำเลยเป็นพนักงานปกครองได้รับมอบหมายจากหัวหน้าเขตให้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานหมวดนิติกรรมและที่ดินเมื่อโจทก์มิได้มาพบและขอให้จำเลยรับรองใบมอบอำนาจให้ขายที่ดิน แต่จำเลยได้ให้การยืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์เป็นผู้มาขอให้รับรองหนังสือมอบอำนาจด้วยตนเอง ทั้งที่ได้รู้จักตัวโจทก์แล้วก่อนให้การ ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลแพ่งแล้วกล่าวถึงข้อความอันเป็นเท็จ สุดท้ายกล่าวว่าข้อความเท็จนี้เป็นข้อสำคัญในคดีด้วย มิได้บรรยายว่าคดีที่เบิกความมีข้อพิพาท ประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และปัญหาว่าฟ้องชอบด้วยกฎหมายอันจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลแพ่งแล้วกล่าวถึงข้อความอันเป็นเท็จ สุดท้ายกล่าวว่าข้อความเท็จนี้เป็นข้อสำคัญในคดีด้วย มิได้บรรยายว่าคดีที่เบิกความมีข้อพิพาท ประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และปัญหาว่าฟ้องชอบด้วยกฎหมายอันจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ – พยานให้การไม่ตรงกับข้อเท็จจริงยุติในคดีก่อน โจทก์ไม่มีพยานยืนยันความเท็จ
ในคดีก่อนพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องสิบตำรวจตรี ส.ในความผิดฐานฆ่านาย บ. ตายโดยเจตนา ศาลพิพากษาลงโทษสิบตำรวจตรี ส. คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โดยในคดีก่อนศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ขณะที่ผู้ตายถูกยิงล้มลงไป ไม่มีมีดอยู่ในมือผู้ตายการที่สิบตำรวจตรี ส. ยิงผู้ตายมิใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็เป็นข้อเท็จจริงที่ยุติระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีก่อนเท่านั้น จะนำมาฟังในคดีนี้ว่า การที่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จหาได้ไม่เมื่อโจทก์ไม่มีพยานนำสืบว่าความจริงเป็นดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง