พบผลลัพธ์ทั้งหมด 236 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องของโจทก์ร่วมทำให้สิทธิฟ้องของอัยการระงับ
คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ คดีถึงชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยฎีกาแล้ว ต่อมาผู้เสียหายได้ขอถอนฟ้องเสีย ศาลฎีกาย่อมทำคำพิพากษาให้ยกฟ้องของอัยการเสียด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้ปกครองบุตรนอกสมรสในคดีอาญา
คำว่า " ผู้สืบสันดาน " นั้นประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.5 (2) มิได้จำกัดความไว้อย่างใด ดังนั้นย่อมหมายถึงผู้สืบสันดานตามความเป็นจริง
ในคดีที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มารดาในฐานะผู้ปกครองบุตรนอกสมรสของผู้ตายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและศาลมีอำนาจสั่งให้ใต่สวนได้
ในคดีที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มารดาในฐานะผู้ปกครองบุตรนอกสมรสของผู้ตายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและศาลมีอำนาจสั่งให้ใต่สวนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมของผู้ปกครองบุตรนอกสมรสในคดีฆ่าคนตาย
คำว่า 'ผู้สืบสันดาน'นั้นประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)มิได้จำกัดความไว้อย่างใดดังนั้นย่อมหมายถึงผู้สืบสันดานตามความเป็นจริง
ในคดีที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนามารดาในฐานะผู้ปกครองบุตรนอกสมรสของผู้ตายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและศาลมีอำนาจสั่งให้ไต่สวนได้
ในคดีที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนามารดาในฐานะผู้ปกครองบุตรนอกสมรสของผู้ตายมีสิทธิร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและศาลมีอำนาจสั่งให้ไต่สวนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำสั่งอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมและการไม่อนุญาตสืบพยานเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นการประวิงคดี
ภริยาไม่ชอบด้วยกฎหมายเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่อัยการฟ้องว่าจำเลยฆ่าสามีโจทก์ร่วม สืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ความปรากฏขึ้นศาลจึงถอนคำสั่งที่อนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วม แต่ในชั้นพิจารณาทนายของโจทก์ร่วมมิได้ซักถามพยานแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่จะให้พิจารณาใหม่
ทนายจำเลยแถลงขอสืบพยานอีกคนเดียวนอกนั้นไม่ติดใจสืบเพราะไม่ใช่ข้อสำคัญ ถึงวันนัดพยานไม่มาศาล จำเลยว่าป่วย แต่ไม่มีหลักฐานแสดงว่าป่วย จำเลยกลับขอถอนทนาย และขอสืบพยานที่ทนายจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบ ดังนี้เป็นการประวิงความศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานจำเลยตามที่ขอ
ทนายจำเลยแถลงขอสืบพยานอีกคนเดียวนอกนั้นไม่ติดใจสืบเพราะไม่ใช่ข้อสำคัญ ถึงวันนัดพยานไม่มาศาล จำเลยว่าป่วย แต่ไม่มีหลักฐานแสดงว่าป่วย จำเลยกลับขอถอนทนาย และขอสืบพยานที่ทนายจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบ ดังนี้เป็นการประวิงความศาลไม่อนุญาตให้สืบพยานจำเลยตามที่ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา, การขาดนัดโจทก์ร่วม, และอำนาจศาลเลื่อนคดี
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.118,223,227 โดยบรรยายฟ้องว่าได้กระทำความเสียหายแก่นางสงวน นายบรรจัดและกรมที่ดินมิได้บรรยายว่าได้กระทำความเสียหายแก่สาธารณชนหรือผู้หนึ่งผู้ใดนั้นเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ผู้หนึ่งผู้ใดในที่นี้ก็คือนางสงวน นายบรรจัดและกรมที่ดินซึ่งได้บรรยายมาในฟ้องแล้ว,
ในคดีซึ่งมีโจทก์ร่วมกันสองคนโจทก์คนหนึ่งมาอีกคนหนึ่งขาดนัดดังนี้ จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุขาดนัดไม่ได้
ในคดีซึ่งมีโจทก์ร่วมกันสองคนโจทก์คนหนึ่งมาอีกคนหนึ่งขาดนัดดังนี้ จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุขาดนัดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาและการขาดนัดโจทก์ร่วม
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118, 223,227 โดยบรรยายฟ้องว่าได้กระทำความเสียหายแก่นางสงวนนายบรรจัดและกรมที่ดิน มิได้บรรยายว่าได้กระทำความเสียหายแก่สาธารณชนหรือผู้หนึ่งผู้ใดนั้นเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ผู้หนึ่งผู้ใดในที่นี้ก็คือนางสงวน นายบรรจัดและกรมที่ดินซึ่งได้บรรยายมาในฟ้องแล้ว
ในคดีซึ่งมีโจทก์ร่วมกันสองคนโจทก์คนหนึ่งมาอีกคนหนึ่งขาดนัด ดังนี้ จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุขาดนัดไม่ได้
ในคดีซึ่งมีโจทก์ร่วมกันสองคนโจทก์คนหนึ่งมาอีกคนหนึ่งขาดนัด ดังนี้ จะยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุขาดนัดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ในคดีที่มีโจทก์ร่วม: สิทธิของลูกหนี้และเจ้าหนี้ร่วม
โจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ร่วม หากปรากฎว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี ก็เป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมได้ และตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 290 บัญญัติว่า ถ้าการชำระหนี้อันอาจแบ่งชำระได้ เมื่อเป็นที่สงสัยให้สันนิษฐานว่าลูกหนี้ เจ้าหนี้จะต้องรับผิดหรือชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วน ๆ เท่า ๆ กัน ฉะนั้นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะขอเงินซึ่งอาจแบ่งแยกให้แก่โจทก์ ซึ่งมีอยู่หลายคนแต่เพียงคนเดียวโดยสิ้นเชิง โดยอ้าง ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา 298 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1383/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ในคดีที่มีโจทก์ร่วม: จำเลยต้องพิสูจน์สถานะเจ้าหนี้ร่วมที่แท้จริง
โจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ร่วม หากปรากฏว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี ก็เป็นโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมได้ และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 290 บัญญัติว่า ถ้าการชำระหนี้อันอาจแบ่งชำระได้ เมื่อเป็นที่สงสัยให้สันนิษฐานว่าลูกหนี้เจ้าหนี้จะต้องรับผิดหรือชอบที่จะได้รับชำระหนี้เป็นส่วนๆ เท่าๆ กัน ฉะนั้นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะขอชำระหนี้เงินซึ่งอาจแบ่งแยกได้แก่โจทก์ ซึ่งมีอยู่หลายคนแต่เพียงคนเดียวโดยสิ้นเชิง โดยอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 298 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103-1104/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการยกข้อต่อสู้ที่ไม่ทันต่อศาล รวมถึงค่าธรรมเนียมโจทก์ร่วม
การที่จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง ฉะนั้นถ้าจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือให้การปฏิเสธว่าพนักงานสอบสวนนั้นไม่มีอำนาจเช่นนั้นแล้ว จนเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยจึงกล่าวอ้างขึ้นมา และจำเลย ก็มิได้นำสืบว่า พนักงานสอบสวนมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่อย่างไรนั้น ก็ย่อมเป็นคำกล่าวอ้างอันหาสาระมิได้ เพราะการกระทำทั้งหลายย่อมสันนิษฐานว่าเป็นการชอบ เว้นแต่จะได้ความว่าไม่ชอบ
คดีอาญาที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้น แม้ผู้เสียหายจะขอเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ ผู้เสียหายก็มิต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับทุนทรัพย์ที่ขอให้จำเลยคืน
คดีอาญาที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้น แม้ผู้เสียหายจะขอเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ ผู้เสียหายก็มิต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับทุนทรัพย์ที่ขอให้จำเลยคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วม: ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตก่อนจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ได้
การฟ้องคดีอาญานั้น ตามกฎหมายให้อำนาจผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้แต่ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของผู้ร้องที่ร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมเสียก่อน จึงจะถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ ฉะนั้นเพียงแต่ผู้เสียหายร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลสั่งเพียงว่า "สำเนาให้ทุกฝ่าย ไว้พูดกันวันนัด" พอถึงวันนัด จำเลยสารภาพ ศาลก็ตัดสินคดีไปทีเดียวถือว่าผู้เสียหายยังมิได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีนั้น