พบผลลัพธ์ทั้งหมด 221 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่พิพาทในคดีล้มละลาย: การโต้แย้งสิทธิระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง และค่าธรรมเนียมศาล
คำร้องขอของผู้ร้องซึ่งยื่นต่อศาลคัดค้านการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำเลยในคดีล้มละลาย. อ้างเหตุว่าที่พิพาทที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องซึ่งได้ซื้อมาจากจำเลยและได้ครอบครองตลอดมานั้น. มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้สิทธิครอบครองที่พิพาท เพราะจำเลยสละการครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว.
การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนการยึด. ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องต่อศาลนั้น ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง ซึ่งศาลต้องดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งชี้ขาดเหมือนอย่างคดีธรรมดา. ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 158. ดังนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นคู่ความจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 149.
การที่ผู้ร้องร้องคัดค้านการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ให้ถอนการยึด. ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องต่อศาลนั้น ถือได้ว่ามีการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กับผู้ร้อง ซึ่งศาลต้องดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งชี้ขาดเหมือนอย่างคดีธรรมดา. ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 158. ดังนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นคู่ความจึงต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 149.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสิทธิในที่ดิน การร้องเรียนต่อเจ้าพนักงาน และการแสดงสิทธิโดยผู้รับมรดก ถือเป็นเหตุให้เสนอคดีต่อศาลได้
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า สามีจำเลยเคยไปร้องเรียนต่อนายอำเภอว่าโจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินตามตราจองของสามีจำเลย เพื่อจะคลุมเอาที่ดินของโจทก์เป็นของสามีจำเลยเสีย ดังนี้ ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิเพื่อจะแย่งเอาที่ดินของโจทก์โดยชัดแจ้งอยู่แล้ว เมื่อสามีจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกของสามี ยังมาแสดงสิทธิโดยขอให้โจทก์ออกไปจากที่ดินดังกล่าว แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินของจำเลยสืบต่อจากสามีอีก การกระทำของจำเลยดังนี้ถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของที่ดินเกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้ว การโต้แย้งสิทธินั้นไม่จำต้องถึงกับลงมือใช้กำลังกายเข้ายื้อแย่งหรือบุกรุกเข้าไปในที่ดิน เพียงการกระทำของสามีจำเลยที่ไปร้องเรียนต่อนายอำเภออันต่อเนื่องมาถึงการกระทำของจำเลยเท่าที่กล่าวในฟ้อง โจทก์ก็ชอบที่จะเสนอคดีต่อศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพื่อขจัดข้อโต้แย้งและแสดงสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสิทธิในที่ดิน การแสดงสิทธิโดยผู้รับมรดก ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิที่ชอบฟ้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า สามีจำเลยเคยไปร้องเรียนต่อนายอำเภอว่าโจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินตามตราจองของสามีจำเลยเพื่อจะคลุมเอาที่ดินของโจทก์เป็นของสามีจำเลยเสียดังนี้ ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิเพื่อจะแย่งเอาที่ดินของโจทก์โดยชัดแจ้งอยู่แล้วเมื่อสามีจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกของสามี ยังมาแสดงสิทธิโดยขอให้โจทก์ออกไปจากที่ดินดังกล่าว แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินของจำเลยสืบต่อจากสามีอีก การกระทำของจำเลยดังนี้ถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของที่ดินเกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้ว การโต้แย้งสิทธินั้นไม่จำต้องถึงกับลงมือใช้กำลังกายเข้ายื้อแย่งหรือบุกรุกเข้าไปในที่ดินเพียงการกระทำของสามีจำเลยที่ไปร้องเรียนต่อนายอำเภออันต่อเนื่องมาถึงการกระทำของจำเลยเท่าที่กล่าวในฟ้องโจทก์ก็ชอบที่จะเสนอคดีต่อศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 เพื่อขจัดข้อโต้แย้งและแสดงสิทธิของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งสิทธิในที่ดิน การแสดงสิทธิโดยผู้รับมรดกถือเป็นการโต้แย้งสิทธิเดิม
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า สามีจำเลยเคยไปร้องเรียนต่อนายอำเภอว่าโจทก์บุกรุกเข้าครอบครองที่ดินตามตราจองของสามีจำเลย.เพื่อจะคลุมเอาที่ดินของโจทก์เป็นของสามีจำเลยเสีย.ดังนี้ ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิเพื่อจะแย่งเอาที่ดินของโจทก์โดยชัดแจ้งอยู่แล้ว. เมื่อสามีจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดกของสามี ยังมาแสดงสิทธิโดยขอให้โจทก์ออกไปจากที่ดินดังกล่าว. แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินของจำเลยสืบต่อจากสามีอีก. การกระทำของจำเลยดังนี้ถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของที่ดินเกิดขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยแล้ว. การโต้แย้งสิทธินั้นไม่จำต้องถึงกับลงมือใช้กำลังกายเข้ายื้อแย่งหรือบุกรุกเข้าไปในที่ดิน.เพียงการกระทำของสามีจำเลยที่ไปร้องเรียนต่อนายอำเภออันต่อเนื่องมาถึงการกระทำของจำเลยเท่าที่กล่าวในฟ้อง.โจทก์ก็ชอบที่จะเสนอคดีต่อศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55. เพื่อขจัดข้อโต้แย้งและแสดงสิทธิของโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์พิพาท: การโต้แย้งสิทธิและการใช้สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องไม่เกินขอบเขต
จำเลยโต้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทอันเป็นของโจทก์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในทรัพย์พิพาทนั้นได้
จำเลยให้การลอย ๆ ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่เคลือบคลุมตรงไหน อย่างไรไม่ปรากฏ ไม่แสดงเหตุผลคำให้การจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2
จำเลยให้การลอย ๆ ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่เคลือบคลุมตรงไหน อย่างไรไม่ปรากฏ ไม่แสดงเหตุผลคำให้การจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์พิพาท: การโต้แย้งสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา และการฟ้องห้ามเกี่ยวข้องกับทรัพย์
จำเลยโต้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทอันเป็นของโจทก์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในทรัพย์พิพาทนั้นได้
จำเลยให้การลอยๆ ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่เคลือบคลุมตรงไหน อย่างไรไม่ปรากฏ ไม่แสดงเหตุผลคำให้การจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
จำเลยให้การลอยๆ ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่เคลือบคลุมตรงไหน อย่างไรไม่ปรากฏ ไม่แสดงเหตุผลคำให้การจำเลยจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเริ่มต้นนับอายุความในคดีรบกวนการครอบครอง: การโต้แย้งสิทธิถือเป็นการรบกวน
การเริ่มนับเวลการฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1374, 1375 เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนและเอาเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการรบกวนหรือแย่งการครอบครองในอันที่จะให้เริ่มต้นนับเวลาการฟ้องร้อง
การที่เจ้าหนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลย ไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
การที่เจ้าหนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลย ไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง: การเริ่มนับเมื่อมีการโต้แย้งสิทธิ ไม่ใช่แค่การออกหนังสือรับรอง
การเริ่มนับเวลาการฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1374,1375,162,169 เพื่อปลดเปลื้องการรบกวนและเอาคืนซึ่งการครอบครองนั้น ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการรบกวนหรือแย่งการครอบครองในอันที่จะให้เริ่มต้นนับเวลาการฟ้องร้อง
การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้จำเลยไม่ถือเป็นการรบกวนหรือแย่งการครอบครองของโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องยังไม่เริ่มนับ
จำเลยยื่นคำคัดค้านการขอรับรองทำประโยชน์ในที่พิพาทของโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์กำหนดเวลาฟ้องร้องเริ่มนับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 181/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความแย่งการครอบครองที่ดิน: ที่ดินแปลงนี้มีสภาพเป็นที่สวนตั้งแต่แรก การครอบครองจึงต้องใช้อายุความ 9 ปี 10 ปี
เดิมผู้มีชื่อได้ขอจับจองที่ดินและได้รับใบเหยียบย่ำเมื่อปี 2469ต่อมาได้โอนที่ดินให้โจทก์เมื่อปี 2472 เจ้าพนักงานอำเภอได้บันทึกไว้ในใบเหยียบย่ำ เมื่อโจทก์ได้รับโอนมาแล้วก็แผ้วถางปลูกผลอาสินลงทั่วพื้นที่ทั้งหมดดังนี้ ที่พิพาทจึงเป็นที่สวนการแย่งการครอบครองจึงต้องถืออายุความ 9 ปี 10 ปี ตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 จำเลยเพิ่งโต้แย้งสิทธิโจทก์เพียง 1 ปี สิทธิของโจทก์จึงยังไม่เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่เจ้าหน้าที่แจ้งให้กลับออกนอกประเทศ ไม่ถือเป็นการโต้แย้งสิทธิในสัญชาติ โจทก์ต้องพิสูจน์สัญชาติก่อนฟ้อง
เจ้าหน้าที่กรมตรวจคนเข้าเมืองมีหนังสือท้าวความถึงการที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศ และบอกให้ทราบว่าโจทก์จะต้องเดินทางกลับออกไปภายในกำหนดที่ได้รับอนุญาต เป็นการเตือนให้โจทก์ซึ่งถือหนังสือเดินทางคนต่างด้าวรู้ไว้เท่านั้น ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์
การที่เจ้าหน้าที่กรมตรวจคนเข้าเมืองบอกว่าถ้าจะอยู่เกินกว่ากำหนด ก็ต้องฟ้องคดีต่อศาลแล้วนำหลักฐานว่าได้ฟ้องคดีแล้วนั้นมาแสดงจึงจะอยู่ได้ต่อไปจนกว่าศาลจะตัดสินนั้น เป็นแต่เพียงคำแนะนำไม่ใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ว่าไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย และก็ไม่เป็นการกระทำอันจะพึงถือว่าเจ้าหน้าที่ได้โต้แย้งสิทธิโจทก์อย่างแท้จริงอันควรฟ้องร้องได้
เมื่อโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิพิสูจน์สัญชาติต่อเจ้าหน้าที่แล้ว สิทธิเรื่องสัญชาติของโจทก์ก็ยังไม่ได้ถูกโต้แย้งโดยเจ้าหน้าที่ โจทก์จะฟ้องเจ้าหน้าที่ต่อศาลไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1023/2505)
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง ศาลก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
การที่เจ้าหน้าที่กรมตรวจคนเข้าเมืองบอกว่าถ้าจะอยู่เกินกว่ากำหนด ก็ต้องฟ้องคดีต่อศาลแล้วนำหลักฐานว่าได้ฟ้องคดีแล้วนั้นมาแสดงจึงจะอยู่ได้ต่อไปจนกว่าศาลจะตัดสินนั้น เป็นแต่เพียงคำแนะนำไม่ใช่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ว่าไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย และก็ไม่เป็นการกระทำอันจะพึงถือว่าเจ้าหน้าที่ได้โต้แย้งสิทธิโจทก์อย่างแท้จริงอันควรฟ้องร้องได้
เมื่อโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิพิสูจน์สัญชาติต่อเจ้าหน้าที่แล้ว สิทธิเรื่องสัญชาติของโจทก์ก็ยังไม่ได้ถูกโต้แย้งโดยเจ้าหน้าที่ โจทก์จะฟ้องเจ้าหน้าที่ต่อศาลไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1023/2505)
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวอ้าง ศาลก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้