คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่สมบูรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วินัย, การลงโทษ, และข้อเรียกร้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
วินัยและโทษทางวินัยเป็นรายการที่นายจ้างต้องให้มีกำหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 68 ส่วนการอุทธรณ์คำสั่งลงโทษทางวินัย แม้ไม่มีระบุไว้ในรายการของข้อ 68 แต่นายจ้างจะกำหนดไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานด้วยก็ได้ เพราะรายการในข้อ 68 เป็นเพียงรายการที่กำหนดว่าอย่างน้อยต้องมีเท่านั้น และการที่นายจ้างกำหนดวินัยและโทษทางวินัยขึ้นใช้บังคับก็หาเป็นการทำให้นายจ้างลงโทษลูกจ้างโดยปลดออกจากงานแล้วไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่เพราะการที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อปลดออกจากงานนั้น ต้องพิจารณาว่าเป็นการปลดออกในกรณีใดกรณีหนึ่งตามที่ระบุไว้ในประกาศดังกล่าวข้อ 47 (1) ถึง (6) หรือไม่
"ข้อเรียกร้อง" ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 31 หมายถึงข้อเรียกร้องที่สมบูรณ์ตามบทบัญญัติมาตราอื่น ๆ ด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้วก็จะเป็นช่องทางให้ลูกจ้างผู้ไม่สุจริตหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษทางวินัยได้โดยง่าย ดังนั้น เมื่อได้ความว่าสหภาพแรงงานมีสมาชิกไม่ถึงหนึ่งในห้า ข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานที่ขอให้เปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างจึงไม่สมบูรณ์เป็นข้อเรียกร้องตามมาตรา 15 แม้ข้อเรียกร้องนั้นจะผ่านการไกล่เกลี่ยของพนักงานประนอมข้อพิพาทจนอยู่ในระหว่างการพิจารณาชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ก็ถือไม่ได้ว่ามีข้อเรียกร้องอยู่ในระหว่างการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงาน และการที่โจทก์เป็นกรรมการสหภาพแรงงานและเป็นผู้แทนสหภาพแรงงานในการเจรจาต่อรองเกี่ยวกับข้อเรียกร้องดังกล่าว ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง การที่นายจ้างปลดโจทก์ ออกจากงานระหว่างนั้นจึงไม่เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนหย่าที่ไม่สมบูรณ์และมีเจตนาหลอกลวง ทำให้การหย่าไม่มีผลผูกพัน โจทก์จำเลยยังคงเป็นสามีภรรยา
โจทก์จำเลยจดทะเบียนหย่า แต่ยังคงอยู่ร่วมเรือนเดียวกันและร่วมกันสร้างเรือนพิพาทอยู่ด้วยกันอีก 1 หลัง ปรับปรุงที่พิพาททำเป็นนาขุดบ่อเลี้ยงปลา ปลูกต้นผลอาสินเยี่ยงสามีภรรยา ต่างฝ่ายไม่มีคู่ครองใหม่พฤติการณ์ดังนี้แสดงว่าการจดทะเบียนหย่าก็โดยเจตนาไม่ประสงค์จะให้มีผลผูกพันกัน จึงใช้บังคับกันไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 ทั้งคู่ยังคงเป็นสามีภรรยากันตลอดมา โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรือนพิพาทไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2139/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงประนีประนอมยอมความยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไม่ถือเป็นสัญญาจะซื้อขาย แม้มีการวางมัดจำ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกได้
ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาไว้ว่า จำเลยจะซื้อที่ดินพิพาทตามที่นำชี้เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน ราคาตารางวาละ 7,000 บาท รายละเอียดอื่นจะตกลงกันต่อไป เนื้อที่ดินที่จะซื้อขายให้ถือตามที่เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดใหม่ จำเลยได้ชำระมัดจำให้โจทก์ไว้เป็นเงินจำนวนหนึ่ง และยังบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นในการที่จะยอมความกันไว้อีกสี่ข้อ ต่อมาตกลงกันเรื่องเนื้อที่ดินและการชำระราคาไม่ได้ เพราะในการแบ่งแยกโฉนดใหม่เจ้าพนักงานที่ดินจะต้องกันที่ดินริมคลองไว้ตามระเบียบเพื่อประโยชน์แก่ราชการกรมชลประทาน ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่โจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาท และการประนีประนอมยอมความยังหาได้ยุติลงไม่ โจทก์หรือจำเลยย่อมมีสิทธิยกเลิกข้อตกลงเบื้องต้นที่ได้กระทำกันมาแล้วเสียได้ และจะถือเอาข้อตกลงนั้นว่ามีผลเป็นสัญญาจะซื้อขายหาได้ไม่ เมื่อโจทก์บอกเลิกข้อตกลงเสียแล้วเช่นนี้ ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามประเด็นข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 366: สัญญาต้องทำเป็นหนังสือจึงมีผลผูกพัน
โจทก์ยื่นข้อเสนอต่อจำเลยให้ใช้ที่ดินที่โจทก์มีสิทธิเช่าเป็นที่ก่อสร้างสถานีจอดรถยนต์โดยสารประจำจังหวัด จำเลยนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการควบคุมการขนส่งประจำจังหวัดคณะอนุกรรมการเห็นชอบ จำเลยจึงเสนอเรื่องต่อไปยังกรมการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย จึงมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยให้ดำเนินการแจ้งให้โจทก์ไปทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบก ดังนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 ตราบใดที่โจทก์ยังมิได้ทำสัญญากับกรมการขนส่งทางบกตามที่กรมการขนส่งทางบกประสงค์จะให้ทำสัญญาเป็นหนังสือตามที่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยก็ยังไม่เกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาเอาจากจำเลยได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2682/2519 และ 1957/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 142/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาที่ไม่สมบูรณ์: การนำสืบข้อต่อสู้ว่าไม่มีการกู้เงินจริง แม้มีเอกสารสัญญากู้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ตามสัญญา จำเลยให้การต่อสู้คดีว่ามิได้รับเงินกู้ โดยอ้างเหตุว่าโจทก์ซึ่ง เป็นบิดาของภริยาจำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะจัดหาเงินมาทำการฌาปนกิจศพภริยาจำเลยแล้วจะนำเงินที่มีผู้มาช่วยงานศพใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปในการจัดงาน โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้ เพื่อป้องกันมิให้จำเลยอ้างสิทธิในเงินที่มีผู้มาช่วย และโจทก์ได้รับเงินที่มีผู้นำมาช่วยงานศพไปแล้ว ดังนี้ ถ้าเป็นจริงดังกล่าวมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลยก็ยังไม่เกิดขึ้น สัญญากู้ที่ทำกันย่อมไม่สมบูรณ์ไม่มีผลบังคับ เท่ากับเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาหรือหนี้ที่ระบุไว้ในเอกสารไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคสอง จำเลยจึงมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายลดเช็คไม่สมบูรณ์เนื่องจากโจทก์ไม่จ่ายเงินตามสัญญา ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิเป็นผู้ทรงเช็ค
จำเลยนำเช็คไปขายลดให้แก่โจทก์ แต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์จ่ายเงินให้แก่ผู้อื่นไป โดยบกพร่องต่อหน้าที่อันส่อไปในทางไม่สุจริต โจทก์จำต้องรับผิดในการที่จำเลยไม่ได้รับเงินค่าขายลดเช็ค การขายลดเช็คยังไม่สมบูรณ์เพราะถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้จำเลยตามสัญญาขายลดเช็ค. โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินตามเช็คดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1024/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายลดเช็คไม่สมบูรณ์ ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องในฐานะผู้ทรงเช็ค
จำเลยนำเช็คไปขายลดให้แก่โจทก์ แต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์จ่ายเงินให้แก่ผู้อื่นไปโดยบกพร่องต่อหน้าที่อันส่อไปในทางไม่สุจริต โจทก์จำต้องรับผิดในการที่จำเลยไม่ได้รับเงินค่าขายลดเช็ค การขายลดเช็คยังไม่สมบูรณ์เพราะถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้จำเลยตามสัญญาขายลดเช็ค. โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรับผิดชดใช้เงินตามเช็คดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดชัดเจนในแต่ละกระทง หากคำฟ้องไม่สมบูรณ์ ศาลไม่สามารถลงโทษได้
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 และพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2466 มาตรา 31 นั้นการมี เครื่องชั่งที่ผิดอัตราหรือไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายไว้ในความครอบครองจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการมีไว้เพื่อใช้เอาเปรียบในการค้าหรือในกิจการดังที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น แต่คำฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานนี้โจทก์หาได้บรรยายถึงข้อความดังกล่าวนี้ไม่ ถึงแม้คำฟ้องตอนหลังจะมีข้อความว่า "จำเลยได้ใช้เครื่องชั่งดังกล่าวนี้ทำการชั่งสินค้าเบ็ดเตล็ดต่างๆ ขายในกิจการค้าอันต่อเนื่องกับผู้อื่นและในพาณิชกิจของจำเลย ฯลฯ" ก็ตามแต่คำบรรยายฟ้องตอนหลังนี้ก็เป็นการบรรยายถึงความผิดฐานใช้อีกข้อหาหนึ่ง การที่จะพิจารณาว่าคำฟ้องในความผิดฐานใดครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นรายกระทงไม่ใช่พิจารณารวมกัน เมื่อคำบรรยายฟ้องในความผิดฐานมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดกฎหมายขาดองค์ประกอบความผิดดังกล่าวแล้ว คำฟ้องสำหรับความผิดฐานนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญานายหน้าไม่สมบูรณ์และไม่มีผลผูกพัน แม้ผู้ฟ้องเป็นผู้ชี้ช่อง แต่จำเลยไม่ได้ตกลงให้เป็นนายหน้า
สัญญานายหน้าทำขึ้น 2 ฉบับ ฉบับที่โจทก์อ้างว่าตนยึดถือไว้มีการเพิ่มเติมและขีดฆ่าชื่อนายหน้าเป็นพิรุธ ส่วนฉบับที่อยู่กับจำเลยไม่มีรอยขีดฆ่าตกเติมแต่อย่างใด ทั้งไม่มีชื่อโจทก์เป็นคู่สัญญา จึงฟังว่าจำเลยไม่ได้ตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดิน แม้จะได้ความตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นผู้ชี้ช่องจนได้มีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินกัน แต่เมื่อ จำเลยมิได้ตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้า โจทก์ก็ฟ้องจำเลยให้จ่าย ค่านายหน้าหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ใบมอบอำนาจไม่สมบูรณ์เนื่องจากปิดอากรแสตมป์ไม่เพียงพอ ทำให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
ใบมอบอำนาจของโจทก์เป็นตราสารที่มีบุคคล 31 คน รวมทั้งโจทก์ 27 คนมอบอำนาจให้ ป. กระทำการแทนหลายอย่างคือ ร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีอาญา ฟ้องหรือต่อสู้คดีอาญาฟ้องหรือต่อสู้คดีแพ่ง และกิจการอื่นอีกหลายประการโดยไม่จำกัดว่าเป็นกรณีเกี่ยวกับเรื่องใดโดยเฉพาะ ปิดอากรแสตมป์ 165 บาท ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารมอบอำนาจทั่วไปต้องปิดอากรแสตมป์ 10 บาท และผู้มอบอำนาจทั้งหมดมิใช่ผู้มีอำนาจร่วมกันในกิจการที่มอบอำนาจ แม้มอบอำนาจในตราสารฉบับเดียวกันก็ต้องคิดตามรายบุคคลตราสารฉบับนี้จึงต้องปิดอากรแสตมป์ 310 บาท เมื่อปิดมาเพียง 165 บาท จึงไม่บริบูรณ์ ต้องห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
of 40