คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311-1312/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการใช้รถร่วมเดินรถ และความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้างในการเดินรถ
จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานเดินรถประจำทางในเส้นทางสายอำเภอเมืองภูเก็ตกับท่าฉัตรไชย ยินยอมให้จำเลยที่ 4 นำรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งมีจำเลยที่ 5 เป็นคนขับเข้ามาเดินรถร่วมกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับผลประโยชน์ตอบแทน ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 มีและใช้รถคันดังกล่าวนั้นในกิจการของจำเลยที่ 3 แล้วแม้ตรงที่จำเลยที่ 5 ขับรถไปเกิดเหตุจะเป็นเส้นทางนอกสัมปทานของจำเลยที่ 3 แต่ก็ปรากฏว่าเป็นเส้นทางที่จำเลยที่ 3 ยินยอมให้รถคันดังกล่าววิ่งรับส่งคนโดยสารร่วมกับจำเลยที่ 3 ตลอดมาจำเลยที่ 3 จะอ้างว่ารถนั้นมิได้ร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 หาได้ไม่
จำเลยที่ 5 เป็นบุตรของจำเลยที่ 4 ได้ขับรถของจำเลยที่ 4 เข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 รับขนส่งคนโดยสารเก็บเงินค่าโดยสารตลอดมา อันเป็นการกระทำกิจการในทางหาประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 3 และที่ 4 โดยจำเลยที่ 4 ใช้ให้กระทำ ลักษณะการกระทำของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว ไม่มีเหตุจะคาดหมายได้ว่าจำเลยที่ 5 ขับรถของจำเลยที่ 4 ออกรับจ้างด้วยกระทำให้เปล่า ย่อมถือเอาโดยปริยายว่ามีคำมั่นจะให้สินจ้าง พฤติการณ์ฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4การที่จำเลยที่ 4 นำรถเข้าร่วมกิจการเดินรถกับจำเลยที่ 3 โดยจำเลยที่ 3 ได้รับประโยชน์ในการนี้จากจำเลยที่ 4 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 5 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1653/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1265/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนไม่มีหน้าที่รับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างตัวการกระทำ เว้นแต่ทำสัญญาแทนตัวการ
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าของเรือเดินสมุทรชื่อไตชุนชาน ซึ่งอยู่ต่างประเทศ ให้รับผิดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดแก่โจทก์ เนื่องจากความประมาทเลินเล่อของกัปตันผู้ควบคุมเรือดังกล่าว ซึ่งเป็นลูกจ้างของเจ้าของเรือ ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้างระหว่างเข้ามาในประเทศไทย เป็นเหตุให้เรือดังกล่าวนั้นกระแทกเรือของโจทก์แตกและจมเสียหาย ตัวแทนของตัวการซึ่งอยู่ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาในต่างประเทศจะต้องรับผิดตามลำพังตนเองก็แต่เฉพาะกรณีตัวแทนทำสัญญาแทนตัวการเท่านั้น ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 824 ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ตัวแทนต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้กระทำไปในหน้าที่การงานของตัวการด้วยเลย ไม่ว่าตัวการจะอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศ ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดโดยลำพังตนเองตามที่โจทก์ฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 987/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดของนายจ้างต่ออันตรายที่ลูกจ้างประสบระหว่างเดินทางไปทำงาน
โจทก์ประกอบกิจการสร้างถนน ผู้ตายเป็นลูกจ้างของโจทก์มีหน้าที่เก็บรากไม้เก็บหิน ดูหลักระดับผิวถนนวันเกิดเหตุเวลา 6 นาฬิกา ผู้ตายกับลูกจ้างอื่นของโจทก์ได้มารอที่สำนักงานของโจทก์เพื่อจะไปทำงานตามหน้าที่ เวลา 6.45 นาฬิกาหัวหน้าคนงานของโจทก์สั่งให้ผู้ตายและลูกจ้างอื่นเดินไปทำงานที่จุดกำหนด ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักงานประมาณ 300 เมตรโดยมีลูกจ้างของโจทก์คนหนึ่งควบคุมไป ระหว่างทางมีรถบดของโจทก์วิ่งมา ผู้ตายขอโดยสารไปด้วย พอรถบดออกวิ่ง ผู้ตายก็ตกจากรถบด ถูกรถบดทับถึงแก่ความตายแม้การตายของผู้ตายมิได้เกิดขึ้นในระหว่างทำงานผู้ตายก็ประสบอันตรายถึงแก่ความตายระหว่างเดินทางไปทำงานนับได้ว่าการเดินทางไปทำงานให้โจทก์เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานให้โจทก์ ถือว่าผู้ตายประสบอันตรายถึงตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างและมิใช่อันตรายที่ลูกจ้างจงใจก่อให้เกิดขึ้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 705/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างต่อลูกจ้างที่ประสบอันตรายระหว่างเดินทางไปทำงาน แม้ไม่ได้ทำงานโดยตรง
โจทก์ประกอบกิจการสร้างถนน ผู้ตายเป็นลูกจ้างของโจทก์มีหน้าที่เก็บรากไม้เก็บหิน ดูหลักระดับผิวถนนวันเกิดเหตุ เวลา 6 นาฬิกา ผู้ตายกับลูกจ้างอื่นของโจทก์ได้มารอที่สำนักงานของโจทก์เพื่อจะไปทำงานตามหน้าที่ เวลา 6.45 นาฬิกา หัวหน้าคนงานของโจทก์สั่งให้ผู้ตายและลูกจ้างอื่นเดินไปทำงานที่จุดกำหนด ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักงานประมาณ 300 เมตร โดยมีลูกจ้างของโจทก์คนหนึ่งควบคุมไป ระหว่างทาง มีรถบดของโจทก์วิ่งมา ผู้ตายขอโดยสารไปด้วย พอรถบดออกวิ่ง ผู้ตายก็ตกจากรถบด ถูกรถบดทับถึงแก่ความตาย แม้การตายของผู้ตายมิได้เกิดขึ้นในระหว่างทำงาน ผู้ตายก็ประสบอันตรายถึงแก่ความตายระหว่างเดินทางไปทำงาน นับได้ว่าการเดินทางไปทำงานให้โจทก์เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานให้โจทก์ ถือว่าผู้ตายประสบอันตรายถึงตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างและมิใช่อันตรายที่ลูกจ้างจงใจก่อให้เกิดขึ้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันชีวิตนายจ้างต่อลูกจ้าง: ความมีส่วนได้เสีย, สัญญาประกันชีวิต vs. ประกันวินาศภัย, การจ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวน
1. โจทก์เอาประกันชีวิตลูกจ้างซึ่งขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของโจทก์นั้นเห็นได้ว่าจะต้องรับผิดต่อการกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของลูกจ้าง และยังต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่ทายาทผู้อยู่ใต้อุปการะของลูกจ้างผู้ตายตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 ประกอบกับการขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันย่อมต้องอาศัยบุคคลที่มีความชำนาญและไว้วางใจ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนได้เสียที่จะเอาประกันชีวิตลูกจ้างดังกล่าวนี้ได้
2. สัญญาประกันอุบัติเหตุของบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตถือว่าเป็นสัญญาประกันชีวิต เพราะอาศัยความมรณะเป็นเงื่อนไขการใช้เงินตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889
3. สัญญาประกันชีวิตมิใช่สัญญาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังเช่นสัญญาประกันวินาศภัย แต่เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันภัยตกลงใจใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่งฉะนั้น เมื่อโจทก์นายจ้างเอาประกันชีวิตของลูกจ้างในกรณีอุบัติเหตุไว้กับจำเลยเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และลูกจ้างที่ระบุในกรมธรรม์ได้ประสพอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตระหว่างอายุสัญญา จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ตามเงื่อนไขแห่งสัญญา
(ข้อ 1 และ 3 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันชีวิตนายจ้างกับลูกจ้าง: สิทธิเรียกร้องเงินประกันเต็มจำนวน แม้ไม่มีมูลค่าความเสียหายที่แท้จริง
1. โจทก์เอาประกันชีวิตลูกจ้างซึ่งขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันของโจทก์นั้นเห็นได้ว่าจะต้องรับผิดต่อการกระทำละเมิดในทางการที่จ้างของลูกจ้าง และยังต้องรับผิดจ่ายเงินให้แก่ทายาทผู้อยู่ใต้อุปการะของลูกจ้างผู้ตายตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 19 ประกอบกับการขับรถยนต์บรรทุกน้ำมันย่อมต้องอาศัยบุคคลที่มีความชำนาญและไว้วางใจ เช่นนี้ ถือได้ว่าโจทก์มีส่วนได้เสียที่จะเอาประกันชีวิตลูกจ้างดังกล่าวนี้ได้
2. สัญญาประกันอุบัติเหตุของบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตถือว่าเป็นสัญญาประกันชีวิต เพราะอาศัยความมรณะเป็นเงื่อนไขการใช้เงินตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 3. สัญญาประกันชีวิตมิใช่สัญญาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังเช่นสัญญาประกันวินาศภัย แต่เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันภัยตกลงใจใช้เงินจำนวนหนึ่งให้ โดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อโจทก์นายจ้างเอาประกันชีวิตของลูกจ้างในกรณีอุบัติเหตุไว้กับจำเลยเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และลูกจ้างที่ระบุในกรมธรรม์ได้ประสพอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตระหว่างอายุสัญญา จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ตามเงื่อนไขแห่งสัญญา
(ข้อ 1 และ 3 วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 34/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้าง และการประเมินค่าเสียหายที่ครอบคลุมทั้งกายและจิตใจ
จำเลยที่ 3 ได้รับสัมปทานเดินรถ และได้รับรถคันที่จำเลยที่ 1 ขับให้วิ่งร่วมในเส้นทางที่ได้รับสัมปทานมีชื่อบริษัทจำเลยที่ 3 ที่ข้างรถ จำเลยที่ 3ควบคุมการเดินรถ กำหนดอัตราค่าโดยสาร และได้รับประโยชน์ตอบแทน คือ เรียกค่าธรรมเนียมจากรถที่เข้าร่วมเส้นทางและคิดค่าจอดรถเป็นรายวัน เช่นนี้ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้มีและใช้รถคันเกิดเหตุในกิจการเดินรถของจำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำละเมิดเสียหายต่อโจทก์จำเลยที่ 3 ผู้เป็นนายจ้างก็ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1
ค่าจ้างนางพยาบาลเฝ้าไข้ ค่ายา ค่าจ้างรถแท็กซี่ที่ภรรยาไปเฝ้าเยี่ยมปรนนิบัติที่โรงพยาบาล ค่าจ้างรถแท็กซี่นั่งไปทำงานเพราะยังเดินไม่ได้ เป็นค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเอาจากจำเลยได้
การที่โจทก์ต้องพิการ.ไม่สามารถเดินได้ อย่างคนธรรมดาเสียสมรรถภาพในการรับราชการทหาร ทั้งไม่สามารถทำงานหนักได้ ถือได้ว่าโจทก์สูญเสียความสามารถประกอบการงานในภายหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีความรับผิดจากละเมิดที่เกิดจากการขับรถประมาทของลูกจ้าง
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างให้รับผิดในการที่ลูกจ้างของจำเลยขับรถในทางการที่จ้างโดยประมาท เป็นเหตุให้รถคันที่โจทก์รับประกันวินาศภัยไว้เสียหาย จำเลยและจำเลยร่วมให้การปฏิเสธว่าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ขับรถโดยประมาทดังนี้โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบว่า ลูกจ้างจำเลยได้ขับรถโดยประมาทแต่โจทก์หามีพยานมาสืบให้พอรับฟังได้เช่นนั้นไม่ คำพิพากษาคดีอาญาซึ่งพิพากษาว่าลูกจ้างจำเลยขับรถโดยประมาทนั้นไม่มีผลผูกพันจำเลยและจำเลยร่วมผู้เป็นนายจ้าง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกฉะนั้น เมื่อโจทก์ไม่นำสืบ จำเลยและจำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3066/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงินค่าจ้างลูกจ้าง: ประกาศคุ้มครองแรงงานไม่ได้ห้ามการบังคับคดีตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16เมษายน 2515 ข้อ 30 ซึ่งออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ที่ระบุว่า 'ในการจ่ายค่าจ้างค่าล่วงเวลา และค่าทำงานในวันหยุด นายจ้างจะนำหนี้อื่นมาหักมิได้ นั้นหมายถึงห้ามมิให้นายจ้างนำหนี้อื่นที่ลูกจ้างเป็นหนี้นายจ้างหรือบุคคลอื่นมาหักกับค่าจ้างฯลฯ ที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างเท่านั้น ไม่ได้ระบุห้ามไม่ให้เงินค่าจ้างอยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี การที่ศาลออกหมายอายัดเงินค่าจ้างของจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้ร้องตามคำขอของโจทก์นั้นจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2580/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ทำละเมิดต่อลูกจ้างตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19
เจตนารมณ์ของประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 เพื่อมิให้ใช้พระราชบัญญัติแรงงาน พ.ศ. 2499 เป็นเครื่องมือยุยงส่งเสริมให้เกิดการร้าวฉานระหว่างนายจ้างและลูกจ้างทำลายความเห็นใจและการประนีประนอมระหว่างกัน จึงกำหนดหน้าที่ให้นายจ้างจ่ายเงินค่าทดแทนที่ลูกจ้างได้ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้างหรือเจ็บป่วยด้วยโรคซึ่งเกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานประกาศของคณะปฏิวัติฉบับนี้จึงเป็นกฎหมายพิเศษที่ใช้บังคับระหว่างนายจ้างและลูกจ้างโดยเฉพาะ มิได้เกี่ยวกับบุคคลภายนอก แม้มีผู้ทำละเมิดต่อลูกจ้างของโจทก์และโจทก์ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ลูกจ้างไปตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว ผู้ทำละเมิดนั้นก็มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยตรง และไม่มีกฎหมายให้สิทธิโจทก์ผู้เป็นนายจ้างฟ้องผู้ละเมิดให้ชดใช้เงินค่าทดแทนที่โจทก์จ่ายไปโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเงินประเภทนี้เอาจากผู้ทำละเมิดนั้นได้
of 223