คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีอาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,111 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232-1233/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาคดีแพ่งและอาญา การฟังข้อเท็จจริงสอดคล้องกันในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยนั้นเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญา เมื่อคดีส่วนอาญาศาลฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิจารณาคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เช่นเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดเมื่อถูกรังวัด และผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง
ในคดีส่วนอาญา ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้าน เจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน และผลของการพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่งเกี่ยวเนื่อง
ในคดีส่วนอาญา ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
จำเลยไปขอออก น.ส.3 สำหรับที่พิพาท โจทก์ร้องคัดค้านเจ้าหน้าที่เปรียบเทียบไม่ตกลง และสั่งให้โจทก์มาฟ้องภายใน 30 วัน โจทก์ไม่ฟ้อง จนเวลาล่วงเลยเกินกว่าปี เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องภายในกำหนดดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: การบุกรุกที่ดินและการชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งทางแพ่งและทางอาญารวมกันมา หาว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทของโจทก์และนำข้อความเท็จแจ้งพนักงานสอบสวนว่าโจทก์บุกรุกที่นา (แปลงเดียวกัน) ของจำเลย ขอให้ลงโทษและใช้ค่าเสียหาย คดีส่วนอาญา ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลเฉพาะข้อหาแจ้งข้อความเท็จ ส่วนเรื่องบุกรุกโต้เถียงกรรมสิทธิ์ว่าเป็นกรณีทางแพ่งก็รับไว้พิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้งว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์บุกรุก ขอให้ใช้ค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยในทางแพ่ง ดังนี้ ในส่วนแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ศาลก็ต้องถือตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์บุกรุก ซึ่งเป็นละเมิด โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาในคดีแพ่ง และหน้าที่การนำสืบของโจทก์เมื่อจำเลยปฏิเสธความประมาท
ล.กับศ.ขับรถกระแทกกันเป็นเหตุให้ ม.ตกจากรถถึงแก่ความตาย อัยการได้ฟ้อง ล.เป็นคดีอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย โดยระบุในฟ้องและนำสืบว่า ล.กับศ.ต่างขับรถสวนกันด้วยความประมาทจึงเกิดเหตุและศาลก็ได้อาศัยข้อเท็จจริงนั้นพิพากษาว่า ล.มีความผิด ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่า ศาลมิได้ชี้ขาดว่า ล.กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียวและเมื่ออัยการโจทก์เป็นผู้ดำเนินคดีอาญานั้นแทนบิดาของม.ผู้ตาย ต่อมาเมื่อบิดาของผู้ตายมาฟ้อง ล.กับนายจ้างเป็นคดีแพ่งเรียกร้องให้ใช้ค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะ ข้อเท็จจริงที่ว่า ล.มิได้กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียวนั้น ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ในคดีแพ่งนี้ด้วย ส่วนนายจ้างของ ล.นั้น ถ้าให้การปฏิเสธว่า ล.จำเลยมิได้ประมาท โจทก์จะต้องนำสืบด้วยว่า ล.ได้ขับรถโดยประมาท เพราะข้อเท็จจริงในคดีอาญาไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่เกิดเหตุในฟ้องคดีอาญาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ ศาลยังลงโทษได้หากไม่ใช่ข้อสาระสำคัญ
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดในท้องที่อำเภอหนึ่ง แม้ศาลจะฟังข้อเท็จจริงดังที่จำเลยนำสืบว่าเหตุเกิดในท้องที่อีกอำเภอหนึ่งก็ตาม แต่เขตของสองอำเภอนั้นอยู่ใกล้ชิดติดต่อกัน และจำเลยก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นอยู่ที่ใด เช่นนี้ ถือได้ว่าในข้อสถานที่เกิดเหตุนั้นทางพิจารณาไม่แตกต่างกับฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการขับรถประมาททำให้เสียชีวิต ศาลไม่ผูกพันผลคดีอาญา และสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะ
จำเลยขับรถบรรทุกเฉี่ยวรถจี๊ปเสียหายด้วยความประมาท เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ซึ่งนั่งมาในรถจี๊ปถึงแก่ความตาย อัยการได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่า เหตุที่รถเกิดชนกันนั้นอาจเกิดขึ้นเพราะความผิดความประมาทของจำเลยหรือของคนขับรถจี๊ปก็เป็นได้ทั้ง 2 ทางเท่าๆ กัน ดังนี้เมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนในการที่ทำให้บุตรโจทก์ตาย ศาลจะนำเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ให้ยกฟ้องอัยการนั้นมาวินิจฉัยคดีแพ่งอย่างใดไม่ได้ เพราะมิได้ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติอย่างไร โจทก์อาจนำสืบในคดีแพ่งได้อีกว่า จำเลยเป็นฝ่ายประมาททำให้บุตรโจทก์ตาย
เมื่อโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าปลงศพบุตรโจทก์ ซึ่งถูกจำเลยกระทำให้ถึงแก่ความตาย แม้นายจ้างของบุตรโจทก์จะได้บริจาคเงินแก่โจทก์ให้ใช้จ่ายในการทำศพเป็นเงินจำนวนเท่าๆ กันแล้ว จำเลยก็จะยกมาเป็นข้อปัดความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่
ผู้ตายเคยอุปการะโจทก์เดือนละ 300 บาท ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนการที่โจทก์ขาดไร้อุปการะเป็นเงินจำนวนเดียว 36,000 บาท ตามที่โจทก์ขอมาโดยคิดคำนวณจากระยะเวลา 10 ปีได้ แต่ค่าสินไหมทดแทนเช่นนี้เป็นการชดใช้แก่หนี้ในอนาคต โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 920-921/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เสียหาย: กรณีผู้ตายประมาทด้วยและภริยาฟ้องแทน
ภรรยาเข้าเป็นโจทก์แทนสามีซึ่งถึงแก่ความตายฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาททำให้สามีโจทก์และคนอื่นถึงแก่ความตาย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คนตายเพราะรถชนกันจากความประมาทของจำเลยและสามีโจทก์ด้วยกันแล้ว สามีโจทก์จึงเป็นผู้กระทำผิดฐานขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้คนตายอันจะต้องรับโทษทางอาญาด้วยผู้หนึ่ง จึงไม่เป็นผู้เสียหาย โจทก์ฟ้องจำเลยได้ก็โดยเข้าฟ้องแทนสามีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) เมื่อสามีไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามมาตรา2(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาหลายกระทง และขอบเขตการฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
การที่จะปรับบทว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ชอบที่จะต้องพิจารณาในฐานความผิดเป็นกระทง ๆไป เสมือนมิได้ร่วมแต่ละกระทงความผิดฟ้องมาในคดีเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้คนตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2+1 กระทงหนึ่งและผิดฐานขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติรถยนต์มาตรา 16,33 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้ลงโทษฐานขับรถโดยประมาทซึ่งเป็นกระทงหนักแต่กระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ลดโทษให้แล้ว ลงจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่ารูปคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยประมาท พิพากษาแก้ให้ปรับจำเลย 50 บาท ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ฯมาตรา 16,33 นอกนั้นให้ยกเสีย ทั้งนี้ ในกระทงความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นพิพากษากลับกันตรงข้ามนั้น ไม่ใช่เป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขตามนัยแห่งกฎหมาย จึงปรับบทให้ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหาได้ไม่ โจทก์ชอบที่จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงความผิดฐานนี้ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าแพ้ชนะคดีแพ่งอิงคำพิพากษาคดีอาญา ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ตกลงกันไว้
การที่คู่ความตกลงท้ากันต่อหน้าศาล ขอให้ถือเอาผลคำพิพากษาในคดีอาญาแต่เพียงว่าโจทก์ถูกกระสุนปืนของจำเลยหรือไม่ เป็นข้อแพ้ชนะกันนั้น หาขัดต่อกฎหมายไม่ ฉะนั้นเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิง จำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้านั้น ส่วนคำพิพากษาคดีอาญาที่ฟังต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิดนั้น เป็นการนอกเหนือคำท้า จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยถึง
of 312