พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 798-799/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเอกสารประกอบคำถามค้านพยาน: ศาลมีดุลพินิจรับฟังได้หากโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้ว
คดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิที่ดิน โจทก์อ้างว่าซื้อมาจำเลยต่อสู้ว่าให้ที่ดินทำต่างดอกเบี้ยในขณะที่โจทก์อ้างตนเองเป็นพยานและจำเลยเป็นฝ่ายถามค้านโจทก์ให้การปฏิเสธการกู้เงินจำเลยย่อมอ้างเอกสารการกู้เงินมายันโจทก์ได้โดยไม่ต้องระบุพยานและส่งเอกสารล่วงหน้าเมื่อโจทก์รับรองเอกสารนั้นแล้วจำเลยก็ย่อมส่งอ้างเป็นพยานประกอบคำโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย และผลของการไม่สร้างตามข้อตกลง ศาลต้องฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติม
โจทก์อ้างว่าที่พิพาทหนี้จำเลยที่ 1 สละสิทธิยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่จำเลยที่ 1 โต้เถียงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันว่าถ้าทางราชการได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นโดยแท้จริงแล้วจำเลยที่ 1 ยอมยกที่พิพาทให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า และจะได้ทำนิติกรรมต่อคณะกรรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ให้เป็นการถูกต้องภายหลัง แต่ก็หาได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นไม่ เช่นนี้ถือว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับตั้งมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นจะต้องฟังหลักฐานพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ ศาลจะสั่งงดสืบพยานเสียยังไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงจำเลยกับความผิด พยานคำรับสารภาพอย่างเดียวไม่พอ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต แต่ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฝิ่นของกลางอย่างไร แม้กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม คดีที่มีโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเช่นนี้คดีนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยเพียงแต่ฟังคำรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานหรือชั้นสอบสวนหรือจะหยิบยกคำรับสารภาพของจำเลยต่อศาลในชั้นแรกโดยไม่มีพยานโดยตรงหรือพฤติการณ์อื่นประกอบด้วยแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงจำเลยกับความผิด ไม่สามารถลงโทษจากคำรับสารภาพเพียงอย่างเดียว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตแต่ตามทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับฝิ่นของกลางอย่างไรแม้กรณีจะเป็นประการใดก็ตาม คดีที่มีโทษอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเช่นคดีนี้ศาลจะลงโทษจำเลยเพียงแต่ฟังคำรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานหรือชั้นสอบสวนหรือจะหยิบยกคำรับสารภาพของจำเลยต่อศาลในชั้นแรกโดยไม่มีพยานโดยตรงหรือพฤติการณ์อื่นประกอบด้วยแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานประกอบการพิสูจน์ความผิดอาญา: พยานบอกเล่า, พยานผู้เห็นเหตุการณ์, และการรับฟังคำให้การของผู้ตาย
คำให้การพยานชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่าเมื่อไม่ได้ตัวผู้ให้การมาเบิกความที่ศาล เพราะตายเสียก่อน ก็อาจใช้ได้แต่มีน้ำหนักน้อย และใช้เป็นคำประกอบคำเบิกความของพยานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างวันเวลานับตามสุริยคติและจันทรคติไม่กระทบต่อข้อเท็จจริงในฟ้อง การรับฟังพยานหลักฐานต้องมีน้ำหนักพอสมควร
เจ้าทุกข์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเกิดเหตุเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 5 พ.ค.97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่ชพยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่ง เมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.97 และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่ชพยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่ง เมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค.97 และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค.97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความถูกต้องของวันเวลากระทำผิดและการรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 6 พ.ค. 97 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงซึ่งตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 6 แต่ผู้เสียหายและพยานโจทก์ว่าเหตุเกิดเวลากลางคืนขึ้น 3 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับ วันที่ 5 พ.ค. 97
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งเมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 97และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค. 97เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง
เมื่อคดีได้ความว่าที่ต่างกันนี้เพราะในบรรยายฟ้องโจทก์นับวันเวลาตามสุริยคติคือนับต่อจาก 24.00 น. เป็นเวลากลางคืนก่อนเที่ยงไปจนถึง 6.00 น. เป็นอีกวันหนึ่ง แต่พยานโจทก์ให้การตามวิธีนับทางจันทรคติสิ้นสุดลงในเวลาย่ำรุ่งเมื่อคดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 97และเวลา 2 ยามไปแล้ว จึงตรงกับวันที่ 6 พ.ค. 97เวลากลางคืนก่อนเที่ยงข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจึงไม่ต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การสืบพยานถึงเหตุแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยเพื่อพิสูจน์กรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยอาศัยขอให้ขับไล ่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยที่พิพาทเดิมเป็นของบรรพบุรุษของสามีจำเลยได้ครอบครองโดยสงบเปิดเผยตกทอดสืบมาจนถึงจำเลย
ดังนี้ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบถึงนางเผื่อนว่า (มารดาสามีจำเลย) ได้เคยร้องคัดค้านเกี่ยวกับที่พิพาทไว้อย่างไรนั้นย่อมสืบได้ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะการสืบถึงเรื่องคัดค้านในกรณีนี้ก็คือการสืบถึงเหตุที่มาแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยนั้นเอง.
ดังนี้ชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบถึงนางเผื่อนว่า (มารดาสามีจำเลย) ได้เคยร้องคัดค้านเกี่ยวกับที่พิพาทไว้อย่างไรนั้นย่อมสืบได้ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นเพราะการสืบถึงเรื่องคัดค้านในกรณีนี้ก็คือการสืบถึงเหตุที่มาแห่งการครอบครองโดยสงบและเปิดเผยนั้นเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยไม่ระบุการร้องทุกข์ และการเพิ่มเติมฟ้องภายหลัง ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานและเจตนาของจำเลย
โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานเอาคดีขึ้นว่ากล่าว แต่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนความผิดของจำเลยคดีมีมูลไว้ชั้นหนึ่งแล้วนั้น ถือว่าเป็นฟ้องที่ชอบแล้ว
การที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องภายหลังจากโจทก์สืบพยานไปแล้ว 5 ปากเมื่อเป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดซึ่งมิได้กล่าวไว้ในฟ้องให้ชัดแจ้งขึ้นเท่านั้นตามรูปเรื่องแห่งคดีเห็นได้ว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ในข้อที่มิได้กล่าวไว้นั้นศาลอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องได้
การที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องภายหลังจากโจทก์สืบพยานไปแล้ว 5 ปากเมื่อเป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดซึ่งมิได้กล่าวไว้ในฟ้องให้ชัดแจ้งขึ้นเท่านั้นตามรูปเรื่องแห่งคดีเห็นได้ว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ในข้อที่มิได้กล่าวไว้นั้นศาลอนุญาตให้เพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า - ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา - พยานหลักฐานไม่ชัดเจน
จำเลยเป็นผู้แทงผู้ตาย แต่จับอาวุธที่จำเลยใช้แทงไม่ได้ พยานโจทก์ก็ไม่สามารถแลเห็นได้ว่าที่ปลายไม้ที่จำเลยใช้แทงผู้ตายนั้นเป็นอะไร คงเห็นแต่ไม้ยาวสามศอกเศษจำเลยแทงทีเดียวแล้ววิ่งหนี พยานโจทก์ส่งไฟมาทางจำเลย ๆ ก็แทงไปดังนี้แสงไฟที่สองมาที่จำเลยนั้นไม่ทำให้จำเลยเห็นตัวผู้ตายถนัดเพื่อเลือกแทงที่สำคัญ ๆ เพราะผู้ตายห่างจำเลยไปเกือบวา ลักษณะการแทงของจำเลยดังนี้เป็นแต่ขอให้ถูกผู้ตายเท่านั้น ไม่ได้มุ่งหมายแห่งใดแห่งหนึ่ง จึงเห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ม.251 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี
โจทก์อุทธรณ์ชอให้ลงโทษตาม ม.249
จำเลยอุทธรณ์ ชอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตาม ม.249 ให้จำคุกจำเลยไว้ 15 ปี ให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ทำผิด
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้แทงผู้ตาย ส่วนจำเลยจะแทงด้วยเจตนาหรือไม่นั้นเห็นว่าคดีนี้จับศาตราวุธที่จำเลยใช้แทงไม่ได้ พยานโจทก์ไม่สามารถแลเห็นได้ว่าที่ปลายไม้ที่จำเลยให้แทงผู้ตายนั้นเป็นอะไร คงเห็นแต่ไม้ยาวสามศอกเศษ จำเลยแทงทีเดียวแล้ววิ่งหนี พยานโจทก์ส่องไฟมาทางจำเลย ๆ ก็แทงไป แสงไฟที่ส่องมาที่จำเลยนั้นไม่ทำให้จำเลยเห็นตัวผู้ตายถนันเพื่อเลือกแทงที่สำคัญเพราะผู้ตายห่างจำเลยไปเกือบวา ลัษณะการแทงจำเลยดังนี้เป็นแต่ขอให้ถูกผู้ตายเท่านั้น ไม่มุ่งหมายแห่งใดแห่งหนึ่ง จึงเห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย จำเลยมีผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามก.ม.อาญา ม.251 ให้จำคุก 7 ปี
โจทก์อุทธรณ์ชอให้ลงโทษตาม ม.249
จำเลยอุทธรณ์ ชอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดตาม ม.249 ให้จำคุกจำเลยไว้ 15 ปี ให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ทำผิด
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้แทงผู้ตาย ส่วนจำเลยจะแทงด้วยเจตนาหรือไม่นั้นเห็นว่าคดีนี้จับศาตราวุธที่จำเลยใช้แทงไม่ได้ พยานโจทก์ไม่สามารถแลเห็นได้ว่าที่ปลายไม้ที่จำเลยให้แทงผู้ตายนั้นเป็นอะไร คงเห็นแต่ไม้ยาวสามศอกเศษ จำเลยแทงทีเดียวแล้ววิ่งหนี พยานโจทก์ส่องไฟมาทางจำเลย ๆ ก็แทงไป แสงไฟที่ส่องมาที่จำเลยนั้นไม่ทำให้จำเลยเห็นตัวผู้ตายถนันเพื่อเลือกแทงที่สำคัญเพราะผู้ตายห่างจำเลยไปเกือบวา ลัษณะการแทงจำเลยดังนี้เป็นแต่ขอให้ถูกผู้ตายเท่านั้น ไม่มุ่งหมายแห่งใดแห่งหนึ่ง จึงเห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย จำเลยมีผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามก.ม.อาญา ม.251 ให้จำคุก 7 ปี