คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1897/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา และผลของการมีข้อความท้ายฎีกาที่ระบุการรับทราบ
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลย และสั่งให้โจทก์(น่าจะเป็นจำเลย)นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 7 วัน ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดฝ่ายจำเลยเซ็นทราบคำสั่งนี้ ต่อมาอีก 1 เดือนเศษ จำเลยยังไม่นำส่งสำเนาฎีกา ดังนี้ เมื่อแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า "ฯลฯ และรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว" และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งดังกล่าวในวันที่จำเลยยื่นฎีกานั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งนั้นแล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งผิดพลาดไปควรจะสั่งว่า " ให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์" ก็ตามแต่ผู้ที่ทราบคำสั่งก็ย่อมจะทราบได้ว่าตามคำสั่งนั้นหมายถึงให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกานั่นเอง เพราะจำเลยเป็นผู้ฎีกา เมื่อจำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเช่นนี้ จำเลยจึงทิ้งฟ้องฎีกา ศาลฎีกาจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเมื่อมิได้ยกประเด็นในชั้นต้น และการที่จำเลยไม่อุทธรณ์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น
จำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อนี้
ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
จำเลยที่ 2 จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น การบอกกล่าวบังคับจำนองจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ฎีกาประเด็นข้อนี้ จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 จะฎีกาแทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 219 เมื่อศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ยกฟ้องข้อหาลักทรัพย์แล้ว โจทก์ร่วมฎีกาขอลงโทษในข้อหาเดิมไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์ เช่นนี้ โจทก์ร่วมจะฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาลักทรัพย์อีกไม่ได้เพราะความผิดฐานลักทรัพย์นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาของโจทก์ร่วม ศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในคดีค่าเช่าต่ำ และการฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยข้อเท็จจริงมา ก็ถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
โจทก์บรรยายฟ้อง เป็นใจความว่า เดิมบ้านพิพาทเป็นของนางตุงกูสะราห์ บินตำมะหงงให้จำเลยเช่าประกอบการค้า เมื่อเดือนธันวาคม 2512 โจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์บ้านดังกล่าวจากนางตุงกูสะราห์ได้แจ้งให้จำเลยทราบและให้โอกาสจำเลยอยู่ชั่วคราวจำเลยไม่ตกลง โจทก์จึงให้ทนายบอกกล่าวให้จำเลยออกไปจำเลยทราบแล้วก็ยังคงอยู่โดยละเมิดเสียหายเท่าค่าเช่าอย่างต่ำเดือนละ 350 บาท ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร กับใช้ค่าเสียหายดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะโจทก์ได้บรรยายโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไว้ครบบริบูรณ์แล้ว โจทก์หาจำเป็นต้องส่งเอกสารซื้อขายบ้านพิพาทพร้อมกับฟ้องไม่
ฟ้องแย้งของจำเลยที่ว่า หากโจทก์ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทมาจริงขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้นเสียเพื่อจำเลยจะได้ใช้สิทธิเป็นผู้ซื้อได้ก่อนเป็นคนแรกตามสิทธิที่มีอยู่ในสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับสามีนางตุงกูสะราห์ บินตำมะหงงนั้นเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอก จำเลยไม่มีส่วนได้เสียถึงกับจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมศาลฎีกา: เหตุผลพิเศษที่ไม่สามารถชำระได้ ศาลไม่อนุญาตขยายเวลา
ทนายจำเลยยื่นฎีกาในวันสุดท้ายก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลภายใน 7 วัน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลย เนื่องจากจำเลยอยู่บ้านนอก ไม่ได้มาติดต่อกับทนายจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะได้รับจดหมายที่ทนายจำเลยให้ผู้มีชื่อเขียนบอกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลยแล้วหรือไม่ ดังนี้ คำร้องของทนายจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมฎีกา: พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะพึงขยายเวลาได้
ทนายจำเลยยื่นฎีกาในวันสุดท้ายก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลภายใน 7 วัน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลย เนื่องจากจำเลยอยู่บ้านนอกไม่ได้มาติดต่อกับทนายจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะได้รับจดหมายที่ทนายจำเลยให้ผู้มีชื่อเขียนบอกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลยแล้วหรือไม่ ดังนี้ คำร้องของทนายจำเลยดังกล่าว ยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3010/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นฟ้องเคลือบคลุมต้องยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ชั้นต้น หากศาลมิได้กำหนดประเด็นไว้แล้ว จะยกขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้
แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ไว้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมแต่ในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นไว้ คงกำหนดประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้ออื่นไว้เพียง 3 ข้อ และจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นไม่ถูกต้องแต่ประการใด ดังนี้ จำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมอีกไม่ได้ เพราะไม่เป็นประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2796/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุฟ้องฎีกาไม่ชัดเจน ขาดการอ้างอิงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสนับสนุน
คำบรรยายฟ้องฎีกาของโจทก์เพียงแต่อ้างว่าเมื่อฟังพยานโจทก์พยานจำเลยโดยถ่องแท้แล้ว พยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลย มิได้หยิบยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงเลยว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยตรงไหนอย่างไรเพราะเหตุใดหรือมีเหตุผลอย่างไรที่ชี้ให้เห็นว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยอันจะทำให้น่าเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์ฎีกา แม้โจทก์จะกล่าวไว้ว่าขอถือเอาคำอุทธรณ์เป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างอิงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะอ้างอิงขึ้นกล่าวไว้โดยชัดแจ้งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 บังคับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2796/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย เหตุฟ้องฎีกาไม่ชัดเจน ไม่แสดงเหตุผลสนับสนุนพยานหลักฐาน
คำบรรยายฟ้องฎีกาของโจทก์เพียงแต่อ้างว่าเมื่อฟังพยานโจทก์พยานจำเลยโดยถ่องแท้แล้ว พยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลย มิได้หยิบยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงเลยว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยตรงไหนอย่างไรเพราะเหตุใดหรือมีเหตุผลอย่างไรที่ชี้ให้เห็นว่าพยานโจทก์ดีกว่าพยานจำเลยอันจะทำให้น่าเชื่อว่าข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์ฎีกา แม้โจทก์จะกล่าวไว้ว่าขอถือเอาคำอุทธรณ์เป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการอ้างอิงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จะอ้างอิงขึ้นกล่าวไว้โดยชัดแจ้งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 บังคับไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ฟ้องถึงแก่กรรมหลังยื่นฎีกาและไม่มีผู้สืบสิทธิเข้ามาดำเนินคดี
ทนายโจทก์ยื่นฎีกาหลังจากที่โจทก์ซึ่งเป็นตัวความได้มรณะแล้วแม้ทนายโจทก์จะมีอำนาจยื่นฎีกาแทนโจทก์ได้ก็ตาม เมื่อไม่ปรากฏว่ามีผู้ใด(บุคคลที่ระบุไว้ในมาตรา 42ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง)ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ จนล่วงเลยกำหนด 1 ปีนับแต่ทนายโจทก์ยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำหน่ายคดีคือฟ้องฎีกาของโจทก์เสียจากสารบบความได้
of 303