คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2142/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวระหว่างฎีกา: ไม่อนุญาตตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 17
มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 บัญญัติว่า"ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จะยื่นคำขอฝ่ายเดียวโดยทำเป็นคำร้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราวก็ได้ เมื่อศาลได้รับคำร้องนี้แล้วให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปโดยทันที ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูลก็ให้สั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราว" คำว่าศาลตามมาตรานี้ต้องหมายความถึงศาลชั้นต้น โดยกฎหมายบัญญัติให้ศาลทำการไต่สวนฟังว่าคดีของโจทก์มีมูลหรือไม่เสียก่อนที่จะสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ชั่วคราว เพราะถ้าได้ผ่านการพิจารณาของศาลชั้นต้นไปจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรือมีคำพิพากษาแล้วกรณีก็ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่อีก ฉะนั้น ที่กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่ประสงค์จะให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ร้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไว้ชั่วคราว ได้ก็แต่ในกรณีก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้นพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ไม่มีบทบัญญัติให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ร้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวในระหว่างฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้พยานหลักฐานจากคดีอาญาในคดีแพ่ง และข้อจำกัดในการยกอายุความในชั้นฎีกา
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันให้ถือเอาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ โดยโจทก์ไม่ขอสืบพยานอื่นอีกจนศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจะโต้แย้งว่าข้อตกลงและคำพิพากษา ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใดๆ มาสืบได้ ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลเสมอไป และการนี้โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้สืบพยานแล้ว ใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาชี้ขาดคดีได้
จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็คให้กับผู้มีชื่อเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ลงวันที่ในเช็คเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม ถือว่าโจทก์มีเช็คไว้ครอบครองโดยมิชอบ จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบ คำให้การเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการยกอายุความขึ้นต่อสู้ เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2517 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษา การไม่โต้แย้งในชั้นศาลทำให้สละสิทธิในชั้นฎีกา
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีไม่ครบองค์คณะและจำเลยมีโอกาสบริบูรณ์ที่จะคัดค้านได้ตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่นั้น แต่จำเลยละเลยเสีย มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควร ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธินั้นแล้วจะยกขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 938/2472, 535/2480)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่คัดค้านองค์คณะไม่ครบถ้วนในชั้นศาลชั้นต้น ถือเป็นการสละสิทธิ โต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีไม่ครบองค์คณะ.และจำเลยมีโอกาสบริบูรณ์ที่จะคัดค้านได้ตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่นั้น แต่จำเลยละเลยเสีย. มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควร. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธินั้นแล้ว. จะยกขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 938/2472,535/2480).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่ออุทธรณ์ข้อเท็จจริงแล้วฎีกาในข้อเท็จจริงอีก และการฎีกาข้อเท็จจริงที่ศาลล่างวินิจฉัยแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมโดยอ้างว่าคดีขาดอายุความแล้ว โจทก์ฎีกาว่า การนำสืบของโจทก์สำหรับข้อหาทั้งสอง ข้อเท็จจริงพอฟังว่าคดีมีมูล ดังนี้ ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข้อหานำสืบแสดงพยานหลักฐานเท็จ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้แล้วว่าเอกสารที่จำเลยนำสืบเป็นเอกสารปลอมและในข้อหาเบิกความเท็จ วินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเบิกความเท็จในตอนใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาทั้งสองนี้ว่า ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเอกสารนั้นปลอม จำเลยเบิกความว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงไปตามความเชื่อของตน ดังนี้เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงเมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยข้อเท็จจริง. โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 และด้วยเหตุนี้ จึงไม่ต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ที่ขอให้สืบพยานเพิ่มเติม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณา: จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำพิพากษา
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษา จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์: ต้องรอคำพิพากษาถึงฎีกาได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษา จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษเบากว่าโทษกักขัง และข้อจำกัดในการฎีกาแก้ไขโทษเดิมในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 7 วัน และปรับ 500บาท โทษจำคุกเปลี่ยนเป็นกักขัง จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า โทษจำคุก 7 วันไม่เปลี่ยนเป็นกักขัง และให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย เพราะการรอการลงโทษ จำเลยยังไม่ต้องรับโทษ จึงเบากว่าโทษกักขัง
ฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษกักขังจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าว เป็นฎีกาดุลพินิจการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้มาก ก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
คดีชั้นร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าเรือนพิพาทซึ่งผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์เข้ามาราคา 3,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังว่าเรือนพิพาทเป็นของจำเลย คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์และการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น
คดีชั้นร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าเรือนพิพาทซึ่งผู้ร้องได้ร้องขัดทรัพย์เข้ามาราคา 3,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยฟังว่าเรือนพิพาทเป็นของจำเลย คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
of 303