คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกง: การหลอกลวงเกี่ยวกับกรรมสิทธิในทรัพย์สินและการแสดงเจตนาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกทรัพย์ แต่มิได้ระบุวันเวลาที่กล่าวหา เป็นแต่ระบุเดือนปีที่กล่าวหาทั้งเดือน และไม่ได้บรรยายด้วยว่าจำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาหรือเก็บรักษาทรัพย์หรือจัดการทรัพย์อย่างใด ๆ นั้น ศาลย่อมไม่รับพิจารณาข้อหาฐานยักยอกทรัพย์
ฟ้องหาว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยเป็นเจ้าของตู้เย็น ขอขายให้โจทก์ ๆ หลงเชื่อรับซื้อไว้ ดังนี้ แม้จะมิได้กล่าวหาว่าหลงเชื่อว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยตามที่ใช้อุบายหลอกลวงนั้น คำว่าใช้อุบายหลอกลวงว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ ก็พอเข้าใจได้ว่า จำเลยเอาความเท็จมากล่าวว่าเป็นของจำเลย และเมื่อพิจารณาประกอบกับฟ้อง+++ ข้อหนึ่ง ที่ว่าโจทก์ไปที่ร้านค้าของจำเลย ปรากฎว่าสิ่งของทั้งหมดไม่ได้อยู่ในร้าน ถามจำเลยๆว่าของ++ เดิมจำเลยเช่ามาจากเจ้าของ++ เจ้าของเอาไปหมดแล้ว เป็นการแสดงว่า ของที่กล่าวไม่ใช่ของจำเลย แต่จำเลยใช้อุบายหลอกลวงว่าเป็นของจำเลย และขายให้โจทก์ จึงเป็นฟ้องที่ศาลควรรับฟ้องไว้พิจารณาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไถ่ถอนทรัพย์สินของผู้ตายตกทอดแก่ทายาททันที
เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมสิทธิในทางทรัพย์สินของผู้ตายย่อมตกทอดได้แก่ทายาททันที ฉะนั้นทายาทจึงมีสิทธิที่จะไถ่ถอนทรัพย์สินที่ผู้ตายขายฝากไว้ได้ โดยไม่ต้องรอให้รับโอนมรดกก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อตั้งทรัสต์ต้องมีเจตนาชัดเจน ยกทรัพย์ให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือสาธารณะ คำสั่งกว้างๆ ไม่ถือเป็นทรัสต์
กรณีจะเป็นทรัสต์นั้น ต้องมีข้อความให้เห็นได้ว่า ยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่า ผู้รับกรรมสิทธิ์นั้นจะต้องใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใดๆอันกำหนดตัวได้แน่นอนหรือเพื่อสาธารณะกุศลอันแน่นอน
การสั่งให้ทรัพย์สมบัติทุกอย่างเป็นกองกลาง เพื่อให้บุตรหลานมีสิทธิได้อยู่อาศัยและเก็บกิน ซึ่งผลประโยชน์ต่อไปจนตลอดชีวิต เมื่อบุตรหลานคนใดไม่มีทุนรอน ก็ให้เงินทำทุนพอสมควร โดยตั้งให้ทายาทคนหนึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์ กับมีหน้าที่เก็บเงิน ทำบุญวัดและบ้านนั้นเป็นคำสั่งที่ใช้คำกว้างๆ ไม่แน่นอนมิได้กำหนดให้ชัดว่าทำบุญอะไร วัดไหนและบ้านแห่งใด ดังนี้ จึงไม่ใช่เป็นกรณีก่อตั้งทรัสต์ และต้องถือว่าข้อกำหนดในพินัยกรรมดังกล่าวแล้วไม่มีผล ทรัพย์มรดกจึงตกทอดไปยังทายาทโดยธรรมต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเพื่อให้ได้ทรัพย์สินโดยอ้างการชำระหนี้และสัญญาจำนองที่ไม่เป็นผล
เอาความเท็จไปพูดหลอกลวงเขาว่า เจ้าหนี้ของตนเร่งรัดหนี้สินจึงขอเอาเงินจากเขาไปชำระแก่เจ้าหนี้เพื่อรับเอาโฉนดที่ดินคืนมาแล้วจะมาทำจำนองไว้แก่เขา เขาหลงเชื่อมอบเงินให้ไป ชำระหนี้สินจนได้รับโฉนดคืนมามอบไว้แก่เขาแล้ว แต่ไม่ยอมไปทำสัญญาจำนองให้เขาตามที่พูดไว้ดังนี้ เป็นเรื่องกรณีละเมิดต้องใช้สินไหมทดแทนให้แก่เขาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินโดยบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติเป็นโมฆะ ผู้ซื้อสิทธิไม่ดีกว่าผู้โอน
บุคคลที่ทางราชการได้ประกาศเป็นบุคคลที่เป็นสัตรูต่อสหประชาชาติแล้วนั้น ยังขืนโอนทรัพย์สินของตนให้ผู้อื่นไป การโอนนั้นย่อมเป็นการละเมิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่สัตรูต่อสหประชาชาติ จึงตกเป็นโมฆะฉะนั้นถ้ามีผู้ใดรับซื้อทรัพย์ทีโอนนั้นไปอีก ก็ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิดีกว่า ผู้โอน ก.ท.ส. จึงมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติเป็นโมฆะ
บุคคลที่ทางราชการได้ประกาศเป็นบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติแล้วนั้น ยังขืนโอนทรัพย์สินของตนให้ผู้อื่นไปการโอนนั้นย่อมเป็นการละเมิดต่อ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกักคุมตัวและการควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ จึงตกเป็นโมฆะฉะนั้นถ้ามีผู้ใดรับซื้อทรัพย์ที่โอนนั้นไปอีก ก็ไม่ทำให้ผู้ซื้อมีสิทธิดีกว่าผู้โอนก.ท.ส. จึงมีอำนาจฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนมาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43-44/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุเพลิงไหม้ทำลายทรัพย์สินทำให้คดีสิ้นสุด ศาลยกฎีกาไม่ต้องชี้ขาดค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่าของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยระหว่างจำเลยฎีกา ไฟไหม้ตึกเช่ารายพิพาทหมดสิ้น ดังนี้เมื่อปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเท่าจำนวนค่าเช่า ซึ่งจำเลยจำต้องใช้ให้โจทก์จนเกิดเพลิงไหม้ เมื่อตึกเช่าหมดสิ้นไปจำเลยก็ไม่จำต้องใช้ค่าเสียหายภายหลังจากเพลิงไหม้อีก ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะชี้ขาดคดีต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแพ่งกรณีทรัพย์สินถูกยักยอก - การพิพากษาเฉพาะบางส่วน
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่ายักยอกทรัพย์รายพิพาท และทรัพย์รายอื่นแต่ศาลคงพิพากษาว่า จำเลยยักยอกเฉพาะทรัพย์รายอื่น มิได้ยักยอกทรัพย์รายพิพาท ดังนี้ อายุความที่จะฟ้องในทางแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์รายพิพาทมิได้สะดุดหยุดลงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 174 จึงต้องฟ้องเสียภายใน 1 ปี นับแต่วันทำละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิร่วมกันในสัญญาเช่าหลังหย่า: สัญญาทำก่อนหย่า สิทธิยังคงเป็นของทั้งสองฝ่ายหากไม่มีข้อตกลงแยก
ภรรยาเกิดระหองระแหงกับสามี จึงแยกไปทำสัญญาเช่าตึกในนามของภรรยา และอยู่ในตึกรายนี้ แต่ต่อมาได้คืนดีกัน และสามีได้มาอยู่รวมในตึกรายนี้ด้วย ภายหลังจึงได้ตกลงทำหนังสือหย่าขาดจากกัน แต่สามีก็ยังคงอยู่ในตึกรายนี้ด้วยตลอดมา ดังนี้ แม้สัญญาจะทำในนามของภรรยา แต่ขณะนั้นยังมิได้หย่าขาดจากกัน และการทำสัญญาเช่าก็ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยา ฉะนั้นสิทธิตามสัญญาเช่านี้จึงเป็นสิทธิรวมกันระหว่างสามีภรรยาเมื่อตกลงทำสัญญาหย่ากัน มิได้ตกลงในเรื่องสิทธิการเช่ารายนี้ประการใดแล้ว และทั้งสองฝ่ายยังครอบครองอยู่ด้วยตลอดมา จึงยังเป็นสิทธิร่วมกันอยู่ ภรรยาจะมาฟ้องขับไล่สามีให้ออกไปจากตึกเช่ายังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจากประกาศกฎอัยการศึก และความรับผิดทางละเมิด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเข้ายึดทรัพย์สินและกิจการของบริษัทฯหนึ่ง โดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึกพ.ศ.2457 มาตรา 12 แล้วให้กองทัพบกจัดการเกณฑ์ทรัพย์สินของบริษัทนี้ให้มาเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการทหารตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 10 ข้อ 2 ประกอบ ด้วยพระราชบัญญัติเกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร พ.ศ.2464 แต่กระทรวงกลาโหมหาได้ดำเนินการเกณฑ์ตาม พระราชบัญญัติเกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหารพ.ศ.2464 ไม่คงยึดแต่ทรัพย์สินของบริษัทไว้เป็นเวลาถึงเกือบ 3 ปี โดยไม่ปรากฏความจำเป็นแล้วจึงคืนให้บริษัท ดังนี้ ย่อมเป็นการยึดโดยมิได้มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายเพราะพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 12 ให้อำนาจที่จะทำการยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้นฉะนั้นเมื่อทางกระทรวงกลาโหมไม่ดำเนินการให้ถูกต้องดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของบริษัทที่ถูกยึด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,421 กระทรวงกลาโหมจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท
of 262