คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ล้มละลาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,913 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6523/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลล้มละลายอนุญาตถอนฟ้องโดยไม่สอบถามจำเลย ไม่เป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ไม่อุทธรณ์ได้
คำสั่งของศาลล้มละลายกลางที่ยกคำร้องของจำเลยทั้งสามที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ มิใช่คำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 24 วรรคสอง ที่จะอุทธรณ์ได้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ และไม่มีกรณีที่ศาลฎีกาจำต้องแก้ไขข้อผิดพลาดตามมาตรา 26 วรรคสี่ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามมาจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6519/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการจัดการทรัพย์สินหลักประกันในคดีล้มละลาย: การพิจารณาของที่ประชุมเจ้าหนี้และการไม่บังคับยึดขายเสมอไป
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 95 กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจดูทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเท่านั้น มิได้บังคับให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันให้แก่เจ้าหนี้มีประกันเสมอไป และการตรวจดูทรัพย์สินตามมาตรา 95 นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะกระทำด้วยการสอบสวนหรือขอมติที่ประชุมเจ้าหนี้ก็ได้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านนำเรื่องของผู้ร้องเข้าที่ประชุมเจ้าหนี้จึงมีอำนาจกระทำได้ เมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่ประสงค์จะดำเนินการกับทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน ทั้งไม่ปรากฏว่าทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันเฉพาะส่วนของลูกหนี้มีราคามากกว่าจำนวนหนี้ การที่ผู้คัดค้านไม่ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินซึ่งผู้ร้องรับจำนองไว้จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6515/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำสั่งศาลล้มละลายจากข้อผิดพลาดในการคำนวณหนี้ แม้จะเกินทุนทรัพย์ที่อุทธรณ์ได้
เจ้าหนี้อุทธรณ์ว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คำนวณจำนวนเงินที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ขาดไป 27,750.89 บาท ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท อุทธรณ์ของเจ้าหนี้จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต่อศาลฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 24 วรรคหนึ่ง แต่กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายพิเศษมีวัตถุประสงค์ที่จะคุ้มครองบรรดาเจ้าหนี้ให้ได้รับชำระหนี้หรือได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรม เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงยอมรับว่าคำนวณจำนวนเงินที่เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ขาดไป จึงมีกรณีจำเป็นต้องแก้ไขข้อผิดพลาด สมควรรับอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ไว้พิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 26 วรรคสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6514/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเพิกถอนการโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย และการคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อโดยสุจริต
เจ้าหนี้ทราบถึงเหตุแห่งการเพิกถอนการโอนเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2544 และการร้องขอให้เพิกถอนการโอนต้องนับถึงวันที่ยื่นคำร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 240 เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการโอนต่อศาลชั้นต้นวันที่ 3 ตุลาคม 2545 ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เจ้าหนี้ทราบถึงเหตุแห่งการเพิกถอนแล้วจึงไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2545 ว่า เนื่องจากผู้ร้องไม่ได้ใช้แบบพิมพ์ตามที่กำหนดจึงให้คืนเพื่อทำมาใหม่ภายใน 30 วัน นับแต่วันนี้ถือว่าได้มีการยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว เพียงแต่ศาลชั้นต้นใช้อำนาจในการตรวจคำคู่ความและมีคำสั่งไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 18 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 14 เท่านั้น โดยคำร้องดังกล่าวยังอยู่ที่ศาลและผู้ร้องได้ทำคำร้องมายื่นใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2545 ภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ร้องแล้ว ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องที่ยื่นมาแต่แรกนั้นเอง มิใช่เป็นการยื่นคำร้องเป็นคดีใหม่ที่ต้องนับอายุความถึงวันดังกล่าว คำร้องของผู้ร้องจึงยังไม่ขาดอายุความ
นิติกรรมการโอนขายรถยนต์พิพาทระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านได้กระทำลงโดยลูกหนี้และผู้คัดค้านได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบ และผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการโอนภายในกำหนด ศาลจึงชอบที่จะเพิกถอนซึ่งนิติกรรมนั้นเสียได้ตามคำร้องของผู้ร้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 113, 114 แต่ผู้คัดค้านได้โอนขายให้แก่บุคคลภายนอกซึ่งรับโอนไว้โดยสุจริตแล้วและการเพิกถอนดังกล่าวนั้นไม่อาจกระทบกระทั่งถึงสิทธิของบุคคลภายนอกอันได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่มฟ้องคดีขอเพิกถอนตาม ป.พ.พ. มาตรา 238 สิทธิในรถยนต์พิพาทของบุคคลภายนอกจึงได้รับความคุ้มครอง ดังนั้น แม้ศาลจะมีคำสั่งให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างลูกหนี้กับผู้คัดค้านได้ แต่เมื่อไม่อาจเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่างผู้คัดค้านกับบุคคลภายนอก ผู้ร้องย่อมไม่สามารถติดตามเอารถยนต์พิพาทกลับมาเป็นกองทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย ศาลฎีกาจึงยกคำขอของผู้ร้องในส่วนที่ให้เพิกถอนการโอนรถยนต์พิพาทและบังคับให้ผู้คัดค้านชดใช้ราคาแทนให้แก่ผู้ร้องตามที่ผู้ร้องมีคำขอมาในท้ายคำร้องแต่เพียงอย่างเดียวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6466/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการชำระหนี้เจ้าหนี้ไม่มีประกันในคดีล้มละลาย: ค่าจ้างว่าความตามมาตรา 130(7) ชอบด้วยกฎหมาย
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มูลหนี้ค่าจ้างว่าความในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกันและศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามขอ สิทธิของเจ้าหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ไม่มีประกันด้วยกันจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ในคดีล้มละลายในลำดับก่อนหลังกัน ย่อมต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 130 (1) ถึง (7) เมื่อค่าจ้างว่าความของเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้มิใช่ค่าใช้จ่ายหรือหนี้สินอย่างหนึ่งอย่างใดตาม (1) ถึง (6) ที่อยู่ในลำดับที่จะให้ได้รับชำระก่อนหนี้อื่นตาม (7) ของบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าจ้างว่าความตามมาตรา 130 (7) ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6464/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีล้มละลาย: สิทธิเรียกร้องหนี้เกิดก่อนล้มละลายต้องยื่นในคดีล้มละลายเท่านั้น
เงินค่าฤชาธรรมเนียมมิใช่เงินที่วางเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่เป็นเงินที่วางเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ ตราบใดที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ชนะคดีและให้จำเลยรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทน เงินค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวจึงยังคงเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เงินค่าฤชาธรรมเนียมดังกล่าวจึงเป็นเงินที่จำเลยมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลาย ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยอาจรวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยเพื่อแบ่งแก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 109 (1) และเมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดศาลอุทธรณ์ในคดีนี้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีและสั่งให้คืนค่าขึ้นศาล 3 ใน 4 ที่จำเลยเสียไว้ในการยื่นอุทธรณ์เพื่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของผู้ล้มละลาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยวางไว้แต่อย่างใด
เมื่อจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และยังไม่พ้นจากภาวะดังกล่าว โจทก์จะได้รับชำระหนี้ค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอันเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์จำเลยไว้เด็ดขาดก็แต่โดยการยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้ามาในคดีล้มละลายที่จำเลยเป็นลูกหนี้อยู่เท่านั้น ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 27, 91 และ 94 และปรากฏจากคำแก้อุทธรณ์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยได้ความว่าโจทก์ได้นำมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายที่จำเลยเป็นลูกหนี้แล้วและคำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาทำความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โจทก์ย่อมมีสิทธิจะได้รับเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจากกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายได้อยู่แล้ว หากศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์ได้รับเงินค่าฤชาธรรมเนียมตามที่โจทก์ร้องขอก็จะเป็นการใช้สิทธิซ้ำซ้อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6464/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมในการล้มละลาย: สิทธิเรียกร้องในคดีล้มละลาย vs การใช้สิทธิซ้ำซ้อน
เงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมิใช่เงินที่วางเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ แต่เป็นเงินที่วางเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ ตราบใดที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ชนะคดี เงินดังกล่าวก็ยังคงเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จึงเป็นเงินที่จำเลยมีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจรวบรวมเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยเพื่อแบ่งแก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 109 (1) โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนที่จำเลยวางไว้
จำเลยถูกศาลล้มละลายกลางสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โจทก์จะได้รับชำระหนี้ค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นอันเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยไว้เด็ดขาดก็แต่โดยการยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้ามาในคดีล้มละลายที่จำเลยเป็นลูกหนี้อยู่ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27, 91 และ 94 เท่านั้น โจทก์ได้นำมูลหนี้ค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิจะได้รับเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจากกองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายอยู่แล้ว หากศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์ได้รับเงินค่าฤชาธรรมเนียมตามที่โจทก์ร้องขอในคดีนี้อีกก็จะเป็นการใช้สิทธิซ้ำซ้อน ศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6451/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษีอากร: การประเมินภาษีและการยึดทรัพย์ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง คดีล้มละลาย
ป.รัษฎากร มาตรา 12 ให้อธิบดีกรมสรรพากรมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ต้องรับผิดเสียภาษีอากรค้างได้โดยมิต้องขอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่ง อันเป็นการกระทำที่ถือได้ว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีให้จำเลยชำระภาษี จึงเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6448/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการโอนทรัพย์สินในคดีล้มละลาย และการกำหนดราคาชดใช้ที่ถูกต้องตามพยานหลักฐาน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าผู้รับโอนได้รับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทจากลูกหนี้ที่ 1 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ผู้ร้องจึงร้องขอให้เพิกถอนการโอนได้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 114 (เดิม) และการที่ต่อมาผู้รับโอนได้โอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกภายหลังมีการยื่นฟ้องลูกหนี้ที่ 1 ให้ล้มละลาย ผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 116 (เดิม) จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านที่ 1 รับโอนมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่ต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง
ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทกลับคืนสู่กองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 โดยกำหนดราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทสูงเกินไปในกรณีที่ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้นั้น แม้ผู้คัดค้านที่ 1 มิได้ยกปัญหานี้ขึ้นโต้แย้งคัดค้านในศาลชั้นต้น แต่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมมีสิทธิยกขึ้นอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 14
การชดใช้ราคาทรัพย์คืนเป็นหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้ผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์เพียงผู้เดียว ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงผู้รับโอนและผู้คัดค้านที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245 (1) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลายฯ มาตรา 28

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5544/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการยื่นคำร้องเพิกถอนการขายทอดตลาดหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ต้องยื่นในคดีล้มละลาย ไม่ใช่คดีเดิม
คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 ต่อมาในคดีล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 เด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย ในการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 6 "เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์" หมายความตลอดถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ปฏิบัติการแทน ดังนั้น การขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายโดยการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ด้วยเหตุใดๆ ก็ชอบที่จะยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องในคดีล้มละลายดังกล่าว ไม่ใช่มายื่นคำร้องในคดีนี้
of 192