คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อเท็จจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญาในศาลแขวง: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงและการอุทธรณ์นอกประเด็น
ในกรณีที่ศาลแขวงพิพากษายกฟ้อง โจทก์ย่อมอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษานั้นในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้. ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499 มาตรา 22.
อุทธรณ์ว่าออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ยึดถือไว้เป็นหลักประกันการเบิกเงินล่วงหน้าตามสัญญา. มิได้ออกให้เพื่อการอย่างอื่น. เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง.
อุทธรณ์คัดค้านในข้อที่ศาลชั้นต้นมิได้ยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นผลอย่างไรแก่คดีนั้น. เป็นอุทธรณ์คัดค้านที่นอกประเด็น. ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ข้อเท็จจริงจากคดีอาญาเป็นหลักในการพิจารณาคดีแพ่งเกี่ยวกับความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
ในประเด็นที่ว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายหรือไม่นั้น จำเลยแถลงขอให้ถือเอาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 835/2507 ระหว่างโจทก์คดีนี้เป็นโจทก์ และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลย โดยคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทฝ่ายเดียว เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนั้นศาลชั้นต้นได้พิจารณารวมกับคดีอาญาเลขดำที่ 949/2507 ระหว่างพนักงานอัยการโจทก์ จำเลยคดีนี้เป็นจำเลย โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยและบุตรโจทก์ต่างประมาทเป็นเหตุให้รถชนกัน และศาลชั้นต้นได้พิพากษารวมกันโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1336 - 1337/2507 ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงใจคดีนี้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จึงถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 835/2507 คดีหมายเลขแดงที่ 1336/2507 และตรงตามคำแถลงของจำเลยที่ให้ถือเอาข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นหลักในการวินิจฉัยประเด็นนี้ในคดีนี้ และชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 724/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำเป็นต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยพยานหลักฐาน
ผู้ร้องร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนเป็นไปโดยไม่ชอบ. สมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่ากรรมการนับคะแนนวินิจฉัยบัตรเสียว่าเป็นบัตรดี และ บัตรดีว่าเป็นบัตรเสีย. กับอ้างว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งได้จูงใจราษฎรให้ลงคะแนนให้แก่ตน. ต่อมาในชั้นพิจารณาผู้ร้องเพียงแต่อ้างรายงานแสดงผลการนับคะแนน (ผ.ท.18).และขอให้ศาลวินิจฉัยโดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล. ดังนี้ข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ตามที่ผู้ร้องร้องคัดค้านมา.ศาลย่อมสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้ร้องเสีย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งตัวเด็กและเยาวชนเข้าสถานฝึกอบรม ไม่ถือเป็นการลงโทษ จึงห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยอายุไม่เกิน 17 ปี กระทำผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งจำเลยไปฝึกยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนจนกว่าจะมีอายุ 18 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจะฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลที่ให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมนั้นไม่ได้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 เพราะการที่ศาลสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานฝึกอบรมเด็กและเยาวชนนั้นไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นวิธีการที่เบากว่าการลงโทษจำคุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการระบุสถานที่กระทำผิดในคดีอาญา และการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุม
กฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้น มิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยเข้าใจผิด: ภยันตรายใกล้จะถึง, การใช้กำลังพอสมควร, ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่าง ต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่ม ๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที ภริยาถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิ์ป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อน และสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่ สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุ และยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรค 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยเข้าใจผิด: ภยันตรายใกล้ถึง, การใช้กำลังพอสมควร, ความสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
สามีนอนอยู่ชั้นบนของเรือน ภริยานอนอยู่ชั้นล่างต่างคนก็หลับไปแล้ว ต่อมาสุนัขเห่า ภริยาจึงตื่นไปแอบฝาห้องดูคนร้ายที่ห้องนอนของสามี สามีตื่นภายหลัง มองเห็นคนอยู่ที่ฝาห้องตะคุ่มๆ เข้าใจว่าเป็นคนร้าย เพราะมืด จึงหยิบมีดฟันไป 1 ที ภริยาถึงแก่ความตายดังนี้ถือว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง สามีมีสิทธิป้องกันได้โดยไม่ต้องพูดจาไต่ถาม หรือรอให้ผู้นั้นแสดงกิริยาว่าจะเข้ามาประทุษร้ายก่อนและสามีไม่รู้ว่าคนที่เข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะมีอาวุธร้ายแรงหรือไม่สามีฟันไปทีเดียว ถือได้ว่ากระทำไปพอสมควรแก่เหตุและยังไม่พอถือว่าการกระทำของสามีเกิดขึ้นด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยประมาท ตามมาตรา 62 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษโดยศาลอุทธรณ์และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี และแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษและการคืนทรัพย์สินในคดีอาญา: ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปีและแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยคู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทลงโทษและการคืนทรัพย์สินในคดีอาญา ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษและยกเว้นการคืนทรัพย์ ศาลฎีกาห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน. กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น.ให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี. และแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย. คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย. และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย. คู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218.
of 309