พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเหตุไม่มีอำนาจฟ้องที่มิได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลต้นและอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยให้การต่อสู้แต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองจากโจทก์เท่านั้น ฉะนั้นที่จำเลยฎีกาว่า ทนายโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือจากโจทก์ เท่ากับไม่ได้บอกกล่าว จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ปัญหานี้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ ไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยปัญหานี้มา ก็ถือเป็นปัญหาที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2839/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีบัญชีเดินสะพัด/ลาภมิควรได้ จำนวนทุนทรัพย์ไม่เกิน 5 หมื่น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยรับเงินจากโจทก์โดยไม่มีมูลจะกล่าวอ้างได้ตามกฎหมาย และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้รับเงินไว้โดยสุจริต จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันนำเงินเข้าบัญชีจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นเรื่องบัญชีเดินสะพัดมิใช่เรื่องลาภมิควรได้ โจทก์ชอบที่จะเพิกถอนรายการที่ช้าออกจากบัญชีของจำเลยได้ ข้อที่จำเลยอ้างว่าไม่ต้องคืนเงินจึงฟังไม่ขึ้น แต่ศาลชั้นต้นคิดดอกเบี้ยให้ไม่ถูกต้อง พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันหักทอนบัญชี ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2612/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้อุทธรณ์เฉพาะโทษ ไม่ใช่บท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยเมื่อลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้วมีกำหนด 2 ปี เป็นการแก้เฉพาะกำหนดโทษ ไม่ได้แก้บท เป็นการแก้น้อยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แม้จำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์สินเป็นของตน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นภรรยาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้รับมอบหมายจาก นาย อ. ผู้เสียหายให้เป็นผู้จัดการและเป็นผู้ดูแลโรงงานผลิตรองเท้าพลาสติคพีวีซี และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษารับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายในโรงงานดังกล่าวนั้นด้วย เมื่อวันที่12 กันยายน 2517 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ (มีรายละเอียดตามฟ้อง) รวมราคาทั้งสิ้น 218,000 บาท ของผู้เสียหายซึ่งได้มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้สำหรับใช้และผลิตขึ้นในโรงงานดังกล่าวข้างต้นไปเป็นอาณาประโยชน์ของจำเลยทั้งสองโดยทุจริต ดังนี้ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)และครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แล้ว ส่วนจำเลยทั้งสองจะได้ร่วมกันยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริตอย่างไร เป็นรายละเอียดที่จะต้องนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการโอนทรัพย์สินที่ถูกยึด ศาลฎีกาเพิกถอนคำสั่งโอนทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ก่อน
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อที่ผู้ร้องอุทธรณ์ขึ้นมาด้วยเมื่อข้อเท็จจริง มีอยู่ในสำนวนครบถ้วนแล้วศาลฎีกาวินิจฉัยไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวน ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงนายอำเภอให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้ โจทก์แม้จะเป็นการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลแต่ทรัพย์ดังกล่าวถูก เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ตามหมายบังคับคดีในอีกคดีหนึ่งอยู่ในระหว่างรอการขายทอดตลาดศาลมีคำสั่งโดยผู้ร้องไม่ยินยอมด้วยทำให้ผู้ร้องซึ่งกำลังบังคับคดีอยู่ในคดีดังกล่าวได้รับความเสียหายจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงนายอำเภอให้โอนที่ดินและโรงเรือนพิพาทให้ โจทก์แม้จะเป็นการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลแต่ทรัพย์ดังกล่าวถูก เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ตามหมายบังคับคดีในอีกคดีหนึ่งอยู่ในระหว่างรอการขายทอดตลาดศาลมีคำสั่งโดยผู้ร้องไม่ยินยอมด้วยทำให้ผู้ร้องซึ่งกำลังบังคับคดีอยู่ในคดีดังกล่าวได้รับความเสียหายจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1965/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คหลายฉบับลงวันที่ต่างกันถือเป็นกรรมต่างกัน แม้โจทก์มิได้ฎีกา ศาลฎีกาปรับบทลงโทษได้
จำเลยออกเช็ค 3 ฉบับ ครั้งเดียวลงวันที่สั่งจ่ายต่างกันชี้ให้เห็นว่าจำเลยเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับแยกจากกันจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1912/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญาฐานทำไม้และมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกาวินิจฉัยการใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่และการเพิ่มโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำไม้โดยตัดฟันไม้ยาง กับจำเลยมีไม้ยางอันเป็นไม่หวงห้ามยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และคำขอท้ายฟ้องโจทก์ได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ซึ่งเป็นบทมาตราความผิดและมาตรา 31 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษกับอ้างพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2503 มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมีไม้ยางยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงแต่โจทก์มิได้อ้างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 กับพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่6) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2503 แล้วบัญญัติความใหม่ขึ้นแทนเท่านั้น ตามความที่บัญญัติขึ้นใหม่ยังคงเรียกว่ามาตรา31 และมาตรา 69 อยู่นั่นเองการที่จำเลยกระทำความผิดหลังจากใช้กฎหมายซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมใหม่แล้วแต่โจทก์มิได้ระบุอ้างพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงมิทำให้ฟ้องโจทก์ขาดความสมบูรณ์ เมื่อศาลฟังว่าจำเลยกระทำการฝ่าฝืนเป็นความผิดตามมาตรา 14แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติซึ่งมีบทกำหนดโทษไว้ในมาตรา 31 และพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 69 แล้ว ศาลก็ลงโทษจำเลยตามกำหนดโทษในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2522 และมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2522 ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้น เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น กับลงโทษปรับจำเลยแล้วรอการลงโทษจำคุกได้ และหากปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามกฎหมายกำหนดตามที่โจทก์ฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้น เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกาศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น กับลงโทษปรับจำเลยแล้วรอการลงโทษจำคุกได้ และหากปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามกฎหมายกำหนดตามที่โจทก์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการชันสูตรหลักฐานทางคดี ความผิดมาตรา 157 ศาลฎีกาแก้ไขโทษรอการลงโทษพิจารณาจากอายุและประวัติจำเลย
จำเลยรับราชการเป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาลได้ตรวจชันสูตรบาดแผลของ พ. ซึ่งถูกข่มขืนกระทำชำเราละเว้นไม่ส่งซับน้ำในช่องคลอดของ พ. ไปหาเชื้อของน้ำอสุจิตามระเบียบและกรอกข้อความลงในรายงานผลการตรวจชันสูตรเอาเอง พ. ย่อมเป็นผู้เสียหายและได้รับความเสียหายเพราะการกระทำของจำเลยแล้วจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157
ในคดีที่ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายเมื่อปรากฏว่าจำเลยอายุ 57 ปี รับราชการเป็นพยาบาลไม่เคยกระทำผิดมาก่อนโดยพฤติการณ์และเหตุผลแห่งรูปคดีมีเหตุสมควรศาลฎีกาย่อมมีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการวางโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้โดยให้รอการลงโทษไว้ได้
ในคดีที่ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายเมื่อปรากฏว่าจำเลยอายุ 57 ปี รับราชการเป็นพยาบาลไม่เคยกระทำผิดมาก่อนโดยพฤติการณ์และเหตุผลแห่งรูปคดีมีเหตุสมควรศาลฎีกาย่อมมีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการวางโทษจำคุกที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้โดยให้รอการลงโทษไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงิน, อัตราดอกเบี้ยตามสัญญา, การยกเหตุขาดอายุความในชั้นฎีกา และขอบเขตการพิพากษาเกินคำขอ
ข้อที่ว่าตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง ไม่มีวันเดือนปีที่ทำสัญญาดังที่โจทก์บรรยายในฟ้อง จะรับฟังว่าโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ได้นั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีไว้ และไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีการับวินิจฉัยให้ไม่ได้
ตามสัญญากู้ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ว่าผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ทุกเดือน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปีศาลพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อนี้จึงยุติไปแล้ว จำเลยจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกหาได้ไม่
ตามสัญญากู้ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ว่าผู้กู้ยอมให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ให้กู้ทุกเดือน โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปีศาลพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ จำเลยก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ประเด็นข้อนี้จึงยุติไปแล้ว จำเลยจะหยิบยกขึ้นฎีกาอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1488/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษตามมาตรา 56 ต้องมีกำหนดเวลา ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดระยะเวลาได้
การรอการลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ศาลจะต้องกำหนดระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ แต่ต้องไม่เกิน 5 ปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา
เมื่อโจทก์ฎีกาโดยขอให้ศาลฎีกากำหนดเวลารอการลงโทษไปด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาในข้อนี้ได้
เมื่อโจทก์ฎีกาโดยขอให้ศาลฎีกากำหนดเวลารอการลงโทษไปด้วย ศาลฎีกาย่อมพิพากษาในข้อนี้ได้