พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 731/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์ ถือเป็นการทิ้งฟ้องตามกฎหมาย
การทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้โดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 246
จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในวันเดียวกันโดยกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายใน 10 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์จำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยหรือผู้แทนไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้.(ที่มา-เนติ)
จำเลยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในวันเดียวกันโดยกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายใน 10 วัน ส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 15 วันมิฉะนั้นถือว่าทิ้งอุทธรณ์จำเลยได้ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว แต่จำเลยหรือผู้แทนไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์/ฎีกาข้อเท็จจริงในคดีครอบครอง/จำหน่ายยาเสพติดที่ศาลชั้นต้น/อุทธรณ์พิพากษายกฟ้องบางส่วน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนและกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ลงโทษบทหนักฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นนี้เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โจทก์ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อนี้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 จึงฎีกาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้
การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษจำเลยที่ 2 สำหรับความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนลงกึ่งหนึ่งนั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.อ. มาตรา 218.(ที่มา-ส่งเสริม)
การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ลดโทษจำเลยที่ 2 สำหรับความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนลงกึ่งหนึ่งนั้นเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.อ. มาตรา 218.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกประเด็นข้อพิพาทใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา จำเลยต้องยกข้อต่อสู้ในคำให้การตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยอ้างว่าโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาจากเจ้าของเดิม ซึ่งจำเลยปลูกบ้านบนที่ดินดังกล่าวโดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม เมื่อจำเลยเห็นว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริตและไม่ได้เสียค่าตอบแทนจำเลยจะต้องกล่าวไว้ในคำให้การเพื่อตั้งประเด็นพิพาทไว้จึงจะชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสองแม้โจทก์จะให้การแก้ฟ้องแย้งโดยยกเรื่องซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนขึ้นมาด้วย ก็เป็นเพียงยืนยันคำฟ้องของโจทก์ว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากเจ้าของเดิมโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น หาเป็นผลให้เกิดประเด็นขึ้นมาใหม่ไม่ ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทโดยไม่มีประเด็นข้อนี้จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคัดค้าน จำเลยจึงจะโต้แย้งว่าควรมีประเด็นข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเมื่อรับอุทธรณ์: การร้องต่อศาลอุทธรณ์โดยตรงและการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความ
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้สำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นย่อมถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นทำแทนฉะนั้น เมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้น ที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ ก็ชอบที่จะร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์แล้วไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ก็ได้ หากศาลอุทธรณ์ไม่พอใจคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์สั่งว่ากรณีดังกล่าวจะยื่นคำร้องโดยตรงไปยังศาลอุทธรณ์ไม่ได้ จึงมิชอบ โจทก์เป็นคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จำเลยร้องคัดค้านผู้พิพากษาโดยตรง ศาลชอบที่จะมีคำสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีล้มละลาย: จำนวนทุนทรัพย์เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
ในคดีล้มละลายที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยืนยันและเรียกให้ชำระหนี้นั้น ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ หากหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทมีจำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบกับพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว และถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5779/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมและการไม่แจ้งคำสั่ง ทำให้จำเลยเสียสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาล
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2528 จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2528 พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2528 เพื่อจะทำอุทธรณ์ฉบับสมบูรณ์มายื่นเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยและอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้ตามขอจำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับที่สองอันเป็นฉบับเพิ่มเติมผ่านเรือนจำกลางชลบุรี แต่ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นขยายให้ครบกำหนดในวันที่ 21 เมษายน 2528 ตรงกับวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ อุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นในวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2528 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดทำการย่อมเป็นการยื่นภายในกำหนดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลย และไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทราบ จึงไม่ทราบว่าจำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปโดยไม่ให้โอกาสจำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งก่อน จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5779/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมและการไม่แจ้งคำสั่ง ทำให้จำเลยเสียสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2528 จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2528 พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2528 เพื่อจะทำอุทธรณ์ฉบับสมบูรณ์มายื่นเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับเป็นอุทธรณ์ของจำเลยและอนุญาตให้ขยายระยะเวลาได้ตามขอ จำเลยยื่นอุทธรณ์ฉบับที่สองอันเป็นฉบับเพิ่มเติมผ่านเรือนจำ แต่ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ที่ศาลชั้นต้นขยายให้ครบกำหนดในวันที่ 21 เมษายน 2528ตรงกับวันอาทิตย์เป็นวันหยุดราชการ อุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลยที่ยื่นในวันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2528 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดทำการย่อมเป็นการยื่นภายในกำหนดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์เพิ่มเติมของจำเลย และไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้จำเลยทราบ จึงไม่ทราบว่าจำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งตาม ป.วิ.อ.มาตรา 198 ทวิ หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปโดยไม่ให้โอกาสจำเลยใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งก่อน จึงไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีหมิ่นประมาทขัดต่อข้อจำกัดการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามกฎหมายศาลแขวง
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยและข้อความที่ร้องเรียนเป็นการร้องเรียนโดยทุจริต ไม่เป็นการป้องกันตนหรือส่วนได้เสียแห่งตน เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวการที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ตามอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการมิชอบต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5744/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีหมิ่นประมาทขัดต่อข้อจำกัดการอุทธรณ์ในศาลแขวง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา326,328 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499 มาตรา 22 โจทก์อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยและข้อความที่ร้องเรียนเป็นการร้องเรียนโดยทุจริต ไม่เป็นการป้องกันตนหรือส่วนได้เสียแห่งตน เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ตามอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นการมิชอบต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ในคดีล้มละลายที่มีทุนทรัพย์น้อยกว่า 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาต้องปฏิบัติตาม
ในคดีล้มละลายที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยืนยันและเรียกให้ชำระหนี้นั้น ถือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ หากหนี้ซึ่งเป็นทุนทรัพย์ที่พิพาทมีจำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบกับพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับไว้พิจารณาได้.