พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
น้ำหนักพยานหลักฐาน: พยานยืนยัน vs. ความเห็นผู้เชี่ยวชาญลายมือ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์ลายมืออาจมีน้ำหนักไม่พอจะหักล้างคำประจักษ์พยานหลายปากซึ่งเบิกความสอดคล้องต้องกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
น้ำหนักพยานหลักฐาน: คำเบิกความสอดคล้องของพยานสำคัญมีน้ำหนักกว่าความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์ลายมืออาจมีน้ำหนักไม่พอจะหักล้างคำประจักษ์พยานหลายปากซึ่งเบิกความสอดคล้องต้องกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกรรโชก: พยานหลักฐานยังไม่พอฟังว่าผู้เสียหายให้เงินโดยสมัครใจ
คดีหาว่าจำเลยกรรโชกโจทก์สืบพยานได้ 2 ปาก ได้ความว่า จำเลยจับผู้เสียหายมาล่ามโซ่ไว้แล้วพูดจาเรื่องเงินกัน โดยจำเลยว่าเมื่อเสียเงิน 400 บาทแล้วจะปล่อย ศาลสั่งงดสืบพยานต่อไป โดยเห็นว่ายังไม่เป็นผิดฐานกรรโชกนั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะคดียังไม่พอรับฟังเป็นเด็กขาดว่าผู้เสียหายเต็มใจให้เงินเองโดยปราศจากการขู่เข็ญ ควรสืบพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกรรโชก: พยานหลักฐานต้องชัดเจนถึงเจตนาข่มขู่ หากไม่ชัดเจน ศาลต้องสืบพยานต่อ
คดีหาว่าจำเลยกรรโชก โจทก์สืบพยานได้ 2 ปาก ได้ความว่า จำเลยจับผู้เสียหายมาล่ามโซ่ไว้แล้วพูดจาเรื่องเงินกันโดยจำเลยว่าเมื่อเสียเงิน 400 บาทแล้วจะปล่อย ศาลสั่งงดสืบพยานต่อไป โดยเห็นว่ายังไม่เป็นผิดฐานกรรโชกนั้น เป็นการไม่ชอบ เพราะคดียังไม่พอรับฟังเป็นเด็ดขาดว่าผู้เสียหายเต็มใจให้เงินเองโดยปราศจากการขู่เข็ญ ควรสืบพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์การรุกล้ำที่ดิน: ข้อตกลงท้าสืบพยาน & ความไม่สมบูรณ์ของพยานหลักฐาน
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธ แล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ ถ้าปรากฎว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยาน+ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้ายดังนี้โจทก์ต้องแพ้ตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยโดยอาศัยคำรับสารภาพ พยานหลักฐานประกอบ และพยานยืนยัน แม้ไม่มีประจักษ์พยาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย 2 คนฐานสมคบกันชิงทรัพย์จำเลยทั้ง 2 รับสารภาพตามฟ้องเมื่อสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ โจทก์มีคำเจ้าทรัพย์ยืนยันฟังได้ว่า การชิงทรัพย์รายนี้มีคนอีกคนหนึ่งร่วมกระทำการกับจำเลยที่1 ด้วยและมีพยานอีกคนหนึ่งเห็นจำเลยที่ 2 เดินตามหลังจำเลยที่ 1 ไปในคืนวันเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุแล้วดังนี้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยได้ในขณะกระทำผิดเมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 2 แล้วคดีพอลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2099/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร - พยานหลักฐานไม่เพียงพอ - คำซัดทอดระหว่างผู้ร้ายใช้ไม่ได้
คดีรับของโจร คำของจำเลยที่ 1 บอกตำรวจว่าซื้อของกลางจากจำเลยที่ 2 เป็นคำบอกเล่าและคำซัดทอดระหว่างผู้ร้ายฟังยันจำเลยที่ 2 มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคลาดเคลื่อนของวันเวลากระทำผิดในคดีอาญา ไม่กระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
เกี่ยวกับเวลากระทำผิดในคดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดคืนวันที่ 19 ก.พ. 95 "ชั้นสอบสวนพยานให้การว่าเกิดเหตุเวลา 1.00 นาฬิกาวันที่ 20 ก.พ." ชั้นศาลพยานให้การว่าเหตุเกิด" เวลาราว 23.00 นาฬิกาวันที่ 19 ก.พ." ผิดเวลากันเพียง 2 ชั่วโมงดังนี้+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดเวลาเกิดเหตุในคดีอาญา: ผลกระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
เกี่ยวกับเวลากระทำผิดในคดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดคืนวันที่ 19 ก.พ. 95 "ชั้นสอบสวนพยานให้การว่าเกิดเหตุ"เวลา 1.00 นาฬิกาวันที่ 20 ก.พ." ชั้นศาลพยานให้การว่าเหตุเกิด "เวลา ราว 23.00 นาฬิกาวันที่ 19 ก.พ. "ผิดเวลากันเพียง 2 ชั่วโมงดังนี้ไม่ทำให้คดีโจทก์เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์หลังศาลไม่อนุญาต และผลกระทบต่อการนำสืบพยานหลักฐาน
ผู้ร้อง ร้องขัอทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์ ได้รับมรดกมาแต่ผู้เดียว
โจทก์ให้การแก้ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยด้วยครึ่งหนึ่ง โดยจำเลยเป็นน้องผู้ร้อง และผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งมรดกกันคนละครึ่ง
ภายหลังวันชี้สองสถานแล้ว ผู้ร้องขอเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ว่าหลังจากทำสัญญาแบ่งทรัพย์กับจำเลยแล้ว จำเลยได้มาขอเงินจากผู้ร้องไปจำนวนหนึ่ง แล้วทำสัญญาไม่ขอเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาทอีกต่อไป แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ได้ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิจะนำสืบตามที่อ้างขึ้นมาใหม่ เพราะเมื่อข้ออ้างใหม่ศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณา จะถือว่าเป็นการสืบหักล้างข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ที่กล่าวอ้างไว้ในคำให้การไม่ได้
โจทก์ให้การแก้ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยด้วยครึ่งหนึ่ง โดยจำเลยเป็นน้องผู้ร้อง และผู้ร้องกับจำเลยทำสัญญาแบ่งมรดกกันคนละครึ่ง
ภายหลังวันชี้สองสถานแล้ว ผู้ร้องขอเพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ว่าหลังจากทำสัญญาแบ่งทรัพย์กับจำเลยแล้ว จำเลยได้มาขอเงินจากผู้ร้องไปจำนวนหนึ่ง แล้วทำสัญญาไม่ขอเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาทอีกต่อไป แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำร้องขัดทรัพย์ได้ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิจะนำสืบตามที่อ้างขึ้นมาใหม่ เพราะเมื่อข้ออ้างใหม่ศาลไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณา จะถือว่าเป็นการสืบหักล้างข้อกล่าวอ้างของโจทก์ ที่กล่าวอ้างไว้ในคำให้การไม่ได้