คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทรัพย์สิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์โดยตัวแทน: การเบียดบังเงินค่าขายทรัพย์สินที่รับมอบมา
ฟ้องว่า จำเลยได้รับมอบแหวนเพ็ชรของผู้เสียหายไป 1วง โดยจำเลยรับว่าจะเอาไปขายให้ ถ้าขายไม่ได้ก็จะเอามาคืนให้ครั้นแล้วจำเลยได้มีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกแหวนเพ็ชรหรือเงินค่าแหวนนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียดังนี้ เป็นฟ้องที่จำเลยสามารถเข้าใจข้อหาได้ดีจำเลยย่อมรู้สึกอยู่แก่ตนว่า ยักยอกแหวนหรือยักยอกเงินค่าแหวนที่ขายได้จึงไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
รับแหวนของเขาไปเพื่อจะนำไปขายตามคำสั่งของผู้มอบหมายนั้น ผู้รับมอบมีฐานะเป็นตัวแทนฉะนั้นเมื่อได้รับเงินค่าขายแหวนไว้ก็หมายความว่ารับไว้ในฐานเป็นตัวแทนเขาด้วย และมีหน้าที่จะต้องนำส่งเงินนี้แก่ผู้มอบหมายถ้ายักยอกเอาเงินนี้ไว้ เสียโดยทุจริต ก็เป็นความผิดฐานยักยอกในทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการสมรสและการเรียกคืนหมั้นเนื่องจากทำร้ายร่างกาย และการแบ่งทรัพย์สินจากการลงทุนร่วม
ชายหญิงทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่หญิงไม่ยอมหลับนอนร่วมประเวณีกับชายฉันท์สามีภริยาโดยแยกไปนอนเสียคนละห้องกับชายอยู่มาประมาณ 10 วัน มารดาของหญิงบอกให้ชายพาหญิงเข้าห้องเอาเอง ชายจึงเข้าไปจับเอวหญิงออกมาจากห้องที่หญิงนอน หญิงฉวยแจกันตีศีร์ษะชายแตก โลหิตออกแจกันหักแล้วยังใช้แจกันตีชายถูกโหนกแก้มเป็นบาดแผลต้องเย็บถึง 7 เข็มชายจึงกลับบ้านและไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิง ดังนี้ถือว่าการกระทำของหญิงเป็นเหตุผลสำคัญอันพอที่จะทำให้ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสด้วยหญิงตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1441 ได้ ชายจึงมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนจากหญิงได้
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1 หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่า ๆ กัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุปฏิเสธการสมรสและการแบ่งทรัพย์สินหลังสร้างเรือนหอ
ชายหญิงทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่หญิงไม่ยอมหลับนอนร่วมประเวณีกับชายฉันสามีภริยาโดยแยกไปนอนเสียคนละห้องกับชายอยู่มาประมาณ 10 วัน มารดาของหญิงบอกให้ชายพาหญิงเข้าห้องเอาเองชายจึงเข้าไปจับเอวหญิงออกมาจากห้องที่หญิงนอน หญิงฉวยแจกันตีศีรษะชายแตกโลหิตออกแจกันหักแล้วยังใช้แจกันตีชายถูกโหนกแก้มเป็นบาดแผลต้องเย็บถึง 7 เข็ม ชายจึงกลับบ้านและไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิงดังนี้ถือว่าการกระทำของหญิงเป็นเหตุผลสำคัญอันพอที่จะทำให้ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสด้วยหญิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1441 ได้ ชายจึงมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนจากหญิงได้
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่าๆกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเผากอไผ่โดยประมาทเลินเล่อและผลกระทบต่อทรัพย์สินผู้อื่น
จำเลยจุดเผากอไผ่ของจำเลยในขณะที่มีลมแต่เพียงเล็กน้อยตามธรรมดาของฤดูกาลในเวลานั้น ภายหลังเกิดมีลมกล้าขึ้นมา พัดพาเอาลูกไฟปลิวไปไหม้บ้านเรือนผู้อื่น ซึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 5 เส้น โดยจำเลยไม่อาจคาดคิดเห็นได้เลยในขณะที่จำเลยจุดเผากอไผ่นั้น จะถือว่าจำเลยจุดเผากอไผ่โดยลักษณะอันน่ากลัวว่าจะเป็นอันตรายแก่ผู้คนหรือทรัพย์ของผู้อื่นอันเป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 187 ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบทรัพย์สินเพื่อใช้รักษาพยาบาล ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
ป้ากู้เงินผู้อื่นมาโดยเอาสวนของหลานมอบให้เขาใช้ต่างดอกเบี้ย แล้วเอาเงินที่กู้มาใช้จ่ายในการรักษาหลานซึ่งวิกลจริตอยู่ ดังนี้จะว่าป้ายักยอกเอาสวนหรือเงินที่กู้มาไปเพื่อประโยชน์ตนเองไม่ถนัด ยังไม่เป็นความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 314
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกทรัพย์จึงขอให้ลงโทษในทางอาญาและคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์ก็ฎีกาขอให้ลงโทษทางอาญาไม่ได้ ส่วนข้อที่ขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในทางแพ่งนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญา ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้แล้ว ในทางแพ่งก็ฟังตามคดีอาญาว่าจำเลยไม่ได้รับมอบหมายทรัพย์รายนี้ไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการบุกรุกทำลายทรัพย์สิน: การคิดค่าเสียหายรายวันและดอกเบี้ยตามกฎหมาย
ทำละเมิดเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นนั้น ผู้ทำละเมิดต้องใช้ค่าเสียหายและดอกเบี้ยในจำนวนเงินค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา 440 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของสัญญาประนีประนอมต่อสิทธิในทรัพย์สินของบุตร: สัญญาไม่ผูกพันส่วนของบุตร ทำให้จำเลยมีสิทธิชำระราคาเฉพาะส่วนของโจทก์
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันในศาลว่าจำเลยยอมซื้อที่ดินพิพาททั้งแปลงเป็นเงิน 23,000 บาท ต่อมาฝ่ายโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าที่พิพาทมีชื่อบุตรโจทก์เป็นเจ้าของอยู่ด้วย ขอให้ศาลสั่งว่าสัญญาประนีประนอมดังกล่าวไม่ผูกพันทรัพย์ส่วนของบุตร ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าสัญญาประนีประนอมระหว่างโจทก์จำเลย ไม่ผูกพันส่วนของเด็ก ฝ่ายจำเลยจึงขอชำระราคาที่ดินเพียง 11,500 บาทครึ่งราคาทั้งหมด ดังนี้ ฝ่ายโจทก์จะให้จำเลยชำระราคาที่ดินเต็ม 23,000 บาท ย่อมไม่ได้เพราะตนยอมขายที่ดินให้จำเลยเพียงครึ่งเดียว ซึ่งฝ่ายจำเลยจะไม่ซื้อเสียทั้งหมดก็ย่อมทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้จากการขายฝาก: สิทธิไถ่ถอนไม่เป็นทรัพย์สินที่บังคับได้
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ศาลสั่งอายัติผู้รับซื้อฝากไม่ให้รับไถ่ถอนการขายฝากจากจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ไม่ได้ เพราะผู้รับซื้อฝากเป็นบุคคลภายนอกเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลห้ามเป็นการตัดรอนสิทธิที่เขามีอำนาจจะรับเงินของเขาที่ได้เสียไปในการรับซื้อฝากนั้นคืน
และเจ้าหนี้จะขอให้ศาลสั่งยึดสิทธิที่จำเลยมีสิทธิจะไถ่ถอนการขายฝากคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะขณะนั้นผู้รับซื้อฝากยังไม่ต้องส่งมอบที่ดินและตึกที่ขายฝากมายังจำเลยแต่ประการใด
เจ้าหนี้จะอ้างวิ.แพ่ง ม.282(2) หรือข้ออื่น ๆ มาใช้บังคับไม่ได้ สำหรับมาตรา 310,315 ก็เป็นเพียงวิธีปฏิบัติเมื่อได้มีการยึดแล้วเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตของผู้ขายร่วมที่ยินยอมให้ผู้ซื้อเชื่อว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน
มารดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับบุตร ปล่อยให้บุตรไปประกาศรับมรดกที่ดินนี้แต่ผู้เดียว จนเจ้าพนังกานจดทะเบียนไว้แล้ว มารดาก็ทราบ ต่อมาบุตรตกลงขายที่ดินให้บุคคลอื่น มารดาก็รู้เห็นอยู่ด้วย จนยินยอมเอาเงินที่ได้รับจากผู้ซื้อมาไถ่ถอนการขายฝากที่ดินนี้ แม้ภายหลังจะกลับใจโดยมารดาเอาที่ดินไปประกาศขายแก่คนอื่นเสีย แต่เมื่อบุตรคัดค้านและอำเภอสั่งให้มารดาฟ้อง มารดาก็ไม่ฟ้อง จนต่อมาบุตรได้ประกาศขายให้ผู้ซื้อมารดาก็ไม่คัดค้านอย่างไรอีกจนอำเภอจดทะเบียนทำสัญญาซื้อขายให้กันเสร็จไปแล้ว ดังนี้ย่อมถือได้ว่า พฤติการณ์และการกระทำของมารดาทำให้ผู้ซื้อเชื่อโดยสุจริตว่ามารดาคงไม่เกี่ยวข้องกับที่พิพาท ยอมให้บุตรขายได้แล้ว ผู้ซื้อจึงรับซื้อและชำระราคาไป มารดาจะกลับมาฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293-294/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทรัพย์สินจากการอยู่กินฉันสามีภริยา และการเป็นเจ้าของทรัพย์สินโดยชอบธรรม
ชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา แต่มิได้จดทะเบียนสมรสจึงนับว่าเป็นผัวเมียกันไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อมารดาของหญิงได้ออกเงินจำนวนหนึ่งให้หญิงไปซื้อนาไว้แปลงหนึ่งใส่ชื่อหญิงนั้นในโฉนดแต่ผู้เดียวส่วนชายมิได้ออกเงินทองลงทุนเข้าหุ้นด้วยดังนี้ ต้องถือว่าที่นานั้นเป็นทรัพย์ส่วนตัวของหญิง เมื่อหญิงตายลง จึงตกเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทของหญิงนั้น
of 262