คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636-638/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับไล่ผู้เช่า และประเด็นอำนาจฟ้อง/การบอกเลิกสัญญาเช่า
คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ว่าจำเลยอุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเห็นควรรับอุทธรณ์ทั้งหมด จึงรับเป็นอุทธรณ์นั้น ยังถือไม่ได้ว่ามีการรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ข้อเท็จจริงมาโดยไม่ถูกต้อง แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยและฟังข้อเท็จจริงอย่างเดียวกับศาลชั้นต้น ก็เป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบ หากมีการฎีกาข้อเท็จจริงต่อมา ถือว่าไม่ใช่ข้อที่ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมคนหนึ่ง มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินและห้องอันเป็นกรรมสิทธิ์รวมได้โดยลำพังเพราะเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1359 ซึ่งหมายความรวมถึงการต่อสู้ในฐานะเป็นโจทก์ด้วยมิใช่เฉพาะการต่อสู้ในฐานะจำเลยเท่านั้น
เมื่อมีการบอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมมาฟ้องเรียกทรัพย์ที่เช่าคืนจากผู้เช่า ถือไม่ได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของการเป็นเจ้าของรวม
ปัญหาที่ว่า จำเลยเช่าที่ดินและห้องของโจทก์เพื่ออยู่อาศัยหรือประกอบการค้าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและห้องเช่า จำเลยต่อสู้ว่าเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 มิได้กล่าวโดยชัดแจ้งให้คลุมถึงการเช่าห้องด้วย ศาลย่อมไม่อาจจะยกเอาความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยเกี่ยวกับการเช่าห้องได้
การเช่าห้องภายหลังจากวันประกาศใช้ พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ห้องเช่านั้นไม่เป็นเคหะควบคุมอันจะได้รับความคุ้มครอง
โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยโดยปรากฏชัดแจ้งจากหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้วว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะทำสัญญาให้จำเลยเช่าห้องและที่ดินของโจทก์ต่อไป การที่โจทก์ยังรับเงินเท่าค่าเช่าจากจำเลย โดยโจทก์ถือเป็นค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้ทรัพย์ของโจทก์ ย่อมมิใช่เป็นการทำสัญญาเช่ากันใหม่ แต่เป็นเรื่องโจทก์กระทำเพื่อบรรเทาความเสียหายซึ่งโจทก์ได้รับอยู่เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงข้อเท็จจริงในชั้นฎีกา
ฎีกาเขียนให้เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เนี้อหารายละเอียดในฎีกายังโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชั่งน้ำหนักและรับฟังคำพยานหลักฐานในคดี ดังนี้ เป็นฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ราคาที่ดินแต่ละแปลงต่ำกว่าค่าเสียหายที่ฟ้องร้อง ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณาในข้อเท็จจริง
โจทก์สองคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวเรียกร้องที่ดินคนละแปลงจากจำเลยมาในฟ้องเดียวกัน โดยตั้งราคาที่ดินรวมกัน 5,200 บาทปรากฏว่าเนื้อที่ดินทั้งสองแปลงนี้ไม่แตกต่างกันมากนัก และเป็นที่ดินที่อยู่ติดต่อกัน เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าราคาที่ดินแต่ละแปลงไม่ถึง 5,000บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2698/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปัญหาข้อเท็จจริง vs. ข้อกฎหมาย และขอบเขตการฎีกา
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่อาจเป็นได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายกล่าวคือ ถ้ายังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันอยู่ไม่เป็นที่ยุติว่า จำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันย่อมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่ถ้าข้อเท็จจริงได้ความยุติแล้วว่าจำเลยกระทำอย่างไร และคู่ความฎีกาโต้เถียงเพียงว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้จึงจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2698/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปัญหาข้อเท็จจริง vs. ข้อกฎหมาย การฎีกาต้องจำกัดเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อาจเป็นได้ทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายกล่าวคือ ถ้ายังโต้เถียงข้อเท็จจริงกันอยู่ไม่เป็นที่ยุติว่า จำเลยกระทำอย่างไรบ้างที่อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกัน ย่อมเป็นปัญหาข้อเท็จจริง แต่ถ้าข้อเท็จจริงได้ความยุติแล้วว่า จำเลยกระทำอย่างไร และคู่ความฎีกาโต้เถียงเพียงว่า การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้จึงจะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 35/2515)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องคดีฉ้อโกงเนื่องจากศาลอุทธรณ์ไม่พบเจตนาทุจริต แม้โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาไม่มีทางเอาผิดแก่จำเลยได้แล้วปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา ก็ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 321/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2659-2660/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดหลายกระทง – ลักทรัพย์-พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน – จำเลยฎีกาได้ในความผิดที่ศาลล่างวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 4 ร่วมกับพวกกระทำผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนกระทงหนึ่งกับฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งเป็นกระทงหนัก วางโทษจำคุก 18 ปี มิได้กำหนดโทษในความผิดฐานลักทรัพย์ไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เช่นนี้ จำเลยที่ 4 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในความผิดฐานลักทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาถูกจำกัดสิทธิเนื่องจากศาลอุทธรณ์พิพากษาเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปฝึกอบรม ไม่เกิน 5 ปี และประเด็นข้อเท็จจริงเรื่องเจตนาฆ่า
คดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มิได้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาฆ่าเพราะไม่ปรากฏมูลเหตุจูงใจว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุใดเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง และโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มิได้ลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 5 ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาฆ่าเพราะไม่ปรากฏมูลเหตุจูงใจว่าจำเลยยิงผู้ตายเพราะเหตุใดเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1236/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาฎีกา คดีอาญา การสละสิทธิฎีกา และผลของการสิ้นสุดคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะข้อที่ให้นับโทษต่อจากคดีอื่น แต่คงให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีดังนี้ เป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในคดีที่ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 นั้นมิได้ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แม้คู่ความจะมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายมาก่อนก็ยังอาจมีข้อกฎหมายที่จะฎีกาได้ภายในกำหนดฎีกา การที่จำเลยแสดงเจตนาสละสิทธิที่จะฎีกาต่อไปก็จะถือว่าคดีของจำเลยถึงที่สุดเด็ดขาด ย้อนหลังไปนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ไม่
of 303