คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสมคบคิดฆ่าผู้อื่น ลดโทษจากพยานหลักฐานและโทษจำเลยร่วม
จำเลยถูกฟ้องหาว่าสมคบกับผู้อื่นฆ่าเขาตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 15 ปี แต่ ปรากฎว่า ผู้อื่นที่จำเลยสมคบด้วยนั้น ถูกฟ้องจนศาลลงโทษไปก่อนแล้ว ถูกจำคุกเพียง 9 ปี เท่านั้น ประกอบกับคำ ให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่ ดังนี้ ย่อมวินิจฉัยปราณีลดโทษให้จำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 59 คงเหลือโทษจำคุก 9 ปี ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาททางหนังสือ แม้ไม่ระบุชื่อโดยตรง หากพยานหลักฐานแสดงถึงตัวผู้เสียหาย ก็ถือว่ามีความผิด
หมิ่นประมาทเขาทางหนังสือแม้ในหนังสือจะมิได้กล่าวเจาะจงถึงผู้เสียหายโดยตรง คือกล่าวว่าเป็นการสุดแสนจะทนดูพวกมหาดไทยเล่นสกปรกต่อไปฯลฯนั้นเมื่อทางพิจารณาได้ความว่า พวกมหาดไทยนั้นจำเลยหมายถึงผู้เสียหายดังนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทผู้เสียหาย
การที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 283 นั้น จะต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 283 ถ้าเป็นเรื่องใส่ความโดยปราศจากความจริงแล้วไม่เป็นข้อแก้ตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน: วันเวลาเกิดเหตุต่างจากฟ้อง ย่อมทำให้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรในระหว่างวันที่ 26-27 มิถุนายนแต่พยานโจทก์ทุกคนเบิกความว่าการกระทำผิดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11,12 มิถุนายน ดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานแวดล้อมและคำตายยืนยันตัวผู้กระทำผิด แม้ไม่มีพยานตรง ศาลลงโทษฐานฆ่าคนตายได้
ในคดีอาญาฐานฆ่าคนตายนั้นแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขณะฆ่า แต่โจทก์มีพยานประพฤติเหตุแวดล้อมกรณีและคำผู้ตายระบุไว้ในเวลาใกล้จะตาย ซึ่งรู้สึกตัวดีว่าจะต้องตายเป็นแน่แท้ และพฤติการณ์บ่งชัดว่าผู้ร้ายรายนี้เป็นจำเลยแล้ว ศาลก็ย่อมวินิจฉัยลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานจากคดีอาญามาใช้ในคดีแพ่ง: ศาลต้องพิจารณาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่หนองสาธารณะ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นหนองสาธารณะ คู่ความต่างไม่ติดในสืบพยาน โดยตกลงกันว่าให้ศาลฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่สืบมาแล้วในคดีอาญาคดี
หนึ่ง ซึ่งอัยการเป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทดังนี้ เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีอาญาเรื่องนั้นว่า ที่พิพาทจะเป็นหนองสาธารณะหรือไม ไม่วินิจฉัยให้คู่ความชอบที่จะโต้แย้งกันในทางแพ่ง ดังนี้ ข้อที่คู่ความร้องขอให้ฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญา จึงเป็นอันไร้ผล ชอบที่คู่ความจะต้องนำสืบข้อเท็จจริงกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่มั่นคง และการพิจารณาอุทธรณ์ที่เกินกำหนด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และฐานปลอมหนังสือตามมาตรา
230.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียว แต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลย
ยักยอก.
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และ
ปลอมหนังสือด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ จึงพิพากษา
แก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้น และแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้
พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนด ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลย
ตามอุทธรณ์ของโจทก์ จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้ และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจ
ยกฟ้องเสียได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องอาญาเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แม้อุทธรณ์เกินกำหนดและศาลแก้โทษตามอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 และฐานปลอมหนังสือตามมาตรา230
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียวแต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลยยักยอก
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์.คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และปลอมหนังสือด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้จึงพิพากษาแก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้นและแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนดดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลยตามอุทธรณ์ของโจทก์จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานแม้มีการยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจตามเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรม
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพะยาน โดยเห็นว่าไม่ได้ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วัน ฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแสดงเหตุผลต่าง ๆ ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานของคนต่อไปนั้น ถือได้ว่าเป็นการ
โต้แย้งคำสั่งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 (2) แล้ว.
จำเลยยื่นบัญชีระบบพยานช้าไปเพียววันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการ เพียงเท่านี้จะปรับ
ลงโทษถึงกับยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานทีเดียว เป็นการรุนแรงไป เมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบ ก็พอถือได้ว่ากรณีมี
เหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87(2).
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้น
แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตาม ก.ม.ก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณี
มีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยาน
หลักฐานของจำเลยได้ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87 (2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานรวม ไม่ยึดเพียงวันที่เบิกความไม่ตรงตามฟ้อง
การที่วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณา จากคำพยานหลักฐาน ทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์ คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทาง พิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่.
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้อง แต่ก็เป็นข้อถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลัก ฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะ
พิศูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานรวมทั้งหมดเพื่อวินิจฉัยวันเกิดเหตุ แม้พยานเบิกความต่างจากฟ้อง ก็ไม่ถือว่าฟ้องผิดวัน
การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาจากคำพยานหลักฐานทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้องแต่ก็เป็นถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลักฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะพิสูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง
of 259