คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2921/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องหนี้จากการไถ่ถอนจำนองและดอกเบี้ย ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ ไม่เพิ่มดอกเบี้ยตามที่โจทก์ขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จำเลยเป็นฝ่ายฎีกา โจทก์มิได้ฎีกาแต่กล่าวมาในคำแก้ฎีกาว่าโจทก์มีสิทธิได้ดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี ศาลฎีกาจะพิพากษาเพิ่มดอกเบี้ยให้โจทก์หาได้ไม่ เพราะไม่มีคำขอและคำฟ้องฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2921/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้จากการไถ่ถอนจำนองและการคิดดอกเบี้ย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์เรื่องดอกเบี้ยตามสัญญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจำเลยเป็นฝ่ายฎีกา โจทก์มิได้ฎีกาแต่กล่าวมาในคำแก้ฎีกาว่าโจทก์มีสิทธิได้ดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี ศาลฎีกาจะพิพากษาเพิ่มดอกเบี้ยให้โจทก์หาได้ไม่ เพราะไม่มีคำขอและคำฟ้องฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2918/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการพิจารณาคดีอาญา: ศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยนอกเหนือจากประเด็นที่โจทก์ฟ้องและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำใบสำคัญทหารกองเกินอันเป็นเอกสารราชการปลอมไปใช้เป็นเอกสารประกอบคำร้องขอรับหนังสือเดินทาง ขอให้ลงโทษ มิได้ฟ้องว่าจำเลยนำสำเนาทะเบียนบ้านปลอมไปใช้แต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยยื่นคำร้องเพื่อทำหนังสือเดินทางโดยได้แนบเอกสารต่าง ๆมีเอกสารหมาย จ.13(สำเนาทะเบียนบ้าน) ซึ่งเป็นเอกสารปลอมรวมอยู่ด้วย จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ดังนี้เป็นการพิพากษาลงโทษจำเลยนอกเหนือข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารใบสำคัญทหารกองเกินปลอม การที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารดังกล่าวนี้ปลอมศาลฎีกาก็รับวินิจฉัยให้ไม่ได้เพราะไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ในชั้นศาลอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2846/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากราคาที่ดินเพิ่มขึ้น: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ เนื่องจากโจทก์มิได้พิสูจน์ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
จำเลยยื่นคำให้การปฏิเสธที่จะร่วมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ อ้างเหตุผลว่าค่าเสียหายเกี่ยวกับราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นไม่เป็นความจริง ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เรียกร้องค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคดีมีประเด็นว่าโจทก์เสียหายเท่าไร และพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายเพราะ โจทก์ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากราคาที่ดินที่สูงขึ้นเพียงประการเดียว ดังนี้ การที่จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายเนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มขึ้น เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาด้วย เห็นได้ชัดว่าปัญหาข้อนี้มิใช่ปัญหาที่คู่ความได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยจึงยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ฎีกาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 และ 249
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ขาดประโยชน์เนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้น แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าในระหว่างวันที่ผู้จะขายสัญญาว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ที่ดินนี้มีราคาตารางวาละเท่าใดเพิ่มขึ้นจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขายตารางวาละเท่าใด ดังนั้น ที่ศาลกำหนดค่าเสียหายให้ตามสมควรจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องคดีละเมิดและการระบุอาณาเขตที่ดิน ศาลฎีกาตัดสินว่าการไม่ระบุอาณาเขตที่ดินโดยละเอียดไม่ทำให้ฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านเนื้อที่ประมาณ 10 ตารางวา ในที่ดินของโจทก์โฉนดหมายเลข 7083 ตำบลสี่แยกมหานาค (ดุสิต) อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ เป็นการละเมิด ขอให้ขับไล่ แม้จะไม่ระบุอาณาเขตที่ดินของโจทก์มาว่า ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก จดเขตที่ดินของใคร จำเลยก็อาจเข้าใจข้อหาในฟ้องได้ชัดเจนแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิดกรรโชกทรัพย์ ศาลฎีกาพิจารณาจากพฤติการณ์การใช้รถตลอดการกระทำผิด
ใช้รถยนต์พาผู้เสียหายไปขู่เอาทรัพย์โดยเป็นแผนการคบคิดกันไม่เพียงแต่ใช้เป็นยานพาหนะแต่อย่างเดียว ต้องริบรถตาม มาตรา 33(1)
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงไม่ถูก เพราะยังมีข้อเท็จจริงอื่นอีกหลายประการ ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2666/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเดินเผชิญสืบและการวินิจฉัยความผิดฐานเบิกความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่าง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลไปเผชิญสืบที่พิพาท ศาลชั้นต้นสั่งว่าจะสั่งเมื่อสืบพยานบุคคลเสร็จแล้ว โจทก์สืบพยานบุคคลเสร็จแล้วแถลงหมดพยาน ดังนี้ ย่อมถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานอื่นอีกต่อไปรวมทั้งการที่ให้ศาลไปเผชิญสืบด้วย โดยศาลไม่จำเป็นต้องสั่งงดการเดินเผชิญสืบของโจทก์
การขอให้ศาลไปเดินเผชิญสืบนั้น ถ้าศาลเห็นว่าไม่จำเป็นจะสั่งงด เสียก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 174
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความเท็จและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จว่าที่ดินของจำเลยไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ ซึ่งความจริงที่ดินของจำเลยมีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177,180 ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าที่ดินจำเลยไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยที่กินความไปถึงความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จตามมาตรา 180ตามที่โจทก์ฟ้องด้วยแล้ว มิใช่วินิจฉัยแต่เฉพาะความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายสินบนนำจับในคดีป่าไม้: ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จ่ายสินบนตามที่กฎหมายบัญญัติ แม้คำขอท้ายฟ้องจะใช้ถ้อยคำคลาดเคลื่อน
พนักงานอัยการได้ร้องขอต่อศาลแล้วว่ามีผู้นำจับจำเลยประสงค์ขอรับเงินสินบนนำจับ โดยอ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีคำขอให้จ่ายสินบนนำจับมาท้ายฟ้องแล้ว ตามที่ถ้อยคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ใช้ถ้อยคำว่า ให้จำเลยจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายมิได้บัญญัติให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ ก็ไม่ทำให้คำขอของโจทก์เกี่ยวกับการจ่ายเงินสินบนนำจับเสียไป เพราะโจทก์ได้อ้างบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาในคำฟ้องแล้ว ทั้งเป็นเพียงการใช้ถ้อยคำผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อยเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2377/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทจากการกล่าวหา 'ไถเงิน' กรณีขึ้นทะเบียนทหาร ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
สัสดีอำเภอแนะนำให้บุตรจำเลย ยื่นคำร้องขอใช้นามสกุลของมารดา ก่อนรับขึ้นทะเบียนทหาร โดยเสียค่าธรรมเนียม 52 บาท จำเลยไม่ยอม และให้ข่าวหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาว่าสัสดีไถเงิน เป็นหมิ่นประมาท โดยไม่ใช่แสดงความคิดเห็นป้องกันตนโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นปรับ ศาลฎีกายกฎีกาโจทก์เนื่องจากเป็นการแก้ไขโทษเพียงเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกระทงแรก 1 ปี กระทงหลัง 2 ปี รวมจำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะอัตราโทษโดยไม่ได้จำคุกจำเลย เพียงแต่ลงโทษปรับสถานเดียวกระทรงละ 5,000 บาท รวมสองกระทงปรับ 10,000 บาท ดังนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษและเป็นการแก้ไขแต่เพียงเล็กน้อย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (อ้างฎีกาที่ 11/2506)
of 344