พบผลลัพธ์ทั้งหมด 392 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1617/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทะเบียนยานพาหนะไม่ใช่หนังสือสำคัญทางกฎหมายอาญา การปลอมแปลงจึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 225
ในทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนเป็นเพียงหนังสือราชการเท่านั้นมีไว้เพื่อความสะดวกในการควบคุมของเจ้าพนักงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ หาได้มุ่งหมายให้เป็นสำคัญแก่การตั้งเปลี่ยนแก้ หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิหรือหนี้สินแต่ประการใดไม่ จึงไม่ใช่หนังสือสำคัญตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(20)
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม มาตรา 225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คู่ความจะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เมื่อจำเลยปลอมใบทะเบียนยานพาหนะล้อเลื่อนจะลงโทษตาม มาตรา 225 ไม่ได้
ปัญหาเรื่องการรอการลงโทษจำเลยหรือไม่นี้เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง คู่ความจะฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกฎหมายอาญาและการลงโทษตามมาตราเดิม แม้มีการแก้ไขเพิ่มเติม
การที่ฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.104 และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตราที่ฟ้อง แต่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อ้าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขมาตราที่กล่าวมานั้นต่างกันเช่นนี้หาใช่เป็นการตัดสินนอกฟ้องไม่ เพราะบทบัญญัติของการแก้ไขแต่ละคราวก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตราเดิมนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกฎหมายอาญาและการลงโทษตามบทบัญญัติที่แก้ไข ศาลไม่ถือว่าเป็นการนอกฟ้อง
การที่ฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 104 และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตราที่ฟ้อง แต่ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อ้างพระราชบัญญัติที่แก้ไขมาตราที่กล่าวมานั้นต่างกันเช่นนี้หาใช่เป็นการตัดสินนอกฟ้องไม่ เพราะบทบัญญัติของการแก้ไขแต่ละคราวก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของมาตราเดิมนั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขู่เข็ญเจ้าพนักงานด้วยอาวุธ แม้ไม่ได้ลงมือทำร้าย ก็ถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา
แม้จำเลยไม่ได้ใช้วาจาขู่เข็ญ แต่ได้ใช้มีดเงื้อจะทำร้ายเจ้าพนักงานก็ย่อมถือได้แล้วว่าเป็นการขู่เข็ญจะทำร้ายโดยประสงค์จะต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจริบปืนเถื่อน: แม้ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ไม่ได้บัญญัติริบ แต่ศาลมีอำนาจริบได้ตาม ก.ม.อาญา ม.28
ปืนเป็นศาตราวุธร้ายแรงสามารถทำให้ถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัสได้ง่าย ก.ม.จึงห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองเว้นแต่จะได้รับอนุญาตและกำหนดให้ปืนทุกกระบอกต้องมีเครื่องหมายประจำปืน
เมื่อจำเลยมีปืนไว้ไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเครื่องหมายประจำอาวุธปืนก็มีความผิด ศาลมีอำนาจริบได้ตามก.ม.อาญา ม.28 อันเป็นแม่บทสำหรับการริบทรัพย์ซึ่งใช้ได้ทั่วไปในสรรพคดีตาม ม.11 เพราะ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2490 ก็มิได้มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และการที่ พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 มิได้บัญญัติเรื่องริบไว้ผิดกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2477 นั้นก็ไม่กระทบกระเทือนถึงหลักใหญ่ในข้อ ก.ม.อันเกี่ยวแก่การริบทรัพย์ตาม ก.ม.อาญาประการใดเลย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2498)
เมื่อจำเลยมีปืนไว้ไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเครื่องหมายประจำอาวุธปืนก็มีความผิด ศาลมีอำนาจริบได้ตามก.ม.อาญา ม.28 อันเป็นแม่บทสำหรับการริบทรัพย์ซึ่งใช้ได้ทั่วไปในสรรพคดีตาม ม.11 เพราะ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2490 ก็มิได้มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และการที่ พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 มิได้บัญญัติเรื่องริบไว้ผิดกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. 2477 นั้นก็ไม่กระทบกระเทือนถึงหลักใหญ่ในข้อ ก.ม.อันเกี่ยวแก่การริบทรัพย์ตาม ก.ม.อาญาประการใดเลย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจริบปืนเถื่อน: แม้ พ.ร.บ.อาวุธปืนไม่ได้บัญญัติเรื่องริบโดยตรง ศาลก็มีอำนาจริบได้ตามกฎหมายอาญา
ปืนเป็นศาตราวุธร้ายแรงสามารถทำให้ถึงตายหรือบาดเจ็บสาหัสได้ง่าย กฎหมายจึงห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองเว้นแต่จะได้รับอนุญาตและกำหนดให้ปืนทุกกระบอกต้องมีเครื่องหมายประจำปืน
เมื่อจำเลยมีปืนไว้ไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเครื่องหมายประจำอาวุธปืนก็มีความผิด ศาลมีอำนาจริบได้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา28 อันเป็นแม่บทสำหรับการริบทรัพย์ซึ่งใช้ได้ทั่วไปในสรรพคดีตาม มาตรา11 เพราะพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2490 ก็มิได้มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และการที่ พระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490 มิได้บัญญัติเรื่องริบไว้ผิดกับ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2477นั้นก็ไม่กระทบกระเทือนถึงหลักใหญ่ในข้อกฎหมายอันเกี่ยวแก่การริบทรัพย์ตาม กฎหมายลักษณะอาญา ประการใดเลย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2498)
เมื่อจำเลยมีปืนไว้ไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเครื่องหมายประจำอาวุธปืนก็มีความผิด ศาลมีอำนาจริบได้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา28 อันเป็นแม่บทสำหรับการริบทรัพย์ซึ่งใช้ได้ทั่วไปในสรรพคดีตาม มาตรา11 เพราะพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2490 ก็มิได้มีบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น และการที่ พระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ.2490 มิได้บัญญัติเรื่องริบไว้ผิดกับ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2477นั้นก็ไม่กระทบกระเทือนถึงหลักใหญ่ในข้อกฎหมายอันเกี่ยวแก่การริบทรัพย์ตาม กฎหมายลักษณะอาญา ประการใดเลย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้แบบพิมพ์แจ้งโอนรถยนต์ปลอม ไม่ใช่หนังสือราชการตามกฎหมายอาญา มาตรา 6(19) และไม่เข้าข่ายหลักฐานสำคัญทางกฎหมาย
แบบ ท.ย.11-ต.55 เป็นแบบพิมพ์คำแจ้งความเรื่องโอนและรับโอนยานพาหนะซึ่งใครๆ ก็กรอกข้อความเอาเองแล้วยื่นต่อนายทะเบียนยานพาหนะเพื่อสั่งและเป็นคำแจ้งความต่อนายทะเบียนฯเพื่อแก้ทะเบียนรถยนต์เท่านั้น ไม่ใช่หนังสือที่เจ้าหน้าที่ต้องเรียบเรียงหรือรับว่าเป็นของแท้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 6(19) และไม่ใช่หนังสือสำคัญแก่การตั้งกรรมสิทธิ์หรือหลักฐานแก่การเปลี่ยนแก้เลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์อย่างใดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา6(20)
ผู้ใดใช้หนังสือดังกล่าวซึ่งเป็นหนังสือปลอมจึงผิดตามมาตรา 223, 227 ไม่ใช่ 224,225,227
ผู้ใดใช้หนังสือดังกล่าวซึ่งเป็นหนังสือปลอมจึงผิดตามมาตรา 223, 227 ไม่ใช่ 224,225,227
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดในต่างประเทศของคนไทย: การบังคับใช้กฎหมายอาญา มาตรา 10(4)
จำเลยเป็นคนไทยไปปล้นทรัพย์ในประเทศลาว ดังนี้คดีก็ต้องด้วยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 10(4) และเมื่อคดีได้ความบริบูรณ์ทุกประการตามความในมาตรา 10(4) แล้วก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 301 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานอนุญาตตัดไม้เกินอำนาจ ไม่ถือเป็นทำลายทรัพย์สินตาม ม.129 อาญา
จะมีความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 129 ก็ต่อเมื่อได้ความว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ท่านใช้ให้มีหน้าที่ปกครองหรือพิทักษ์รักษาทรัพย์หรือหนังสืออย่างใดใด ถ้ามันมิได้มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และมันทำลายทรัพย์หรือหนังสือนั้นๆ หรือทำให้วิปลาสบุบสลายหรือมันยอมให้ผู้อื่นกระทำเช่นนั้นโดยมันรู้เห็นเป็นใจด้วยก็ดี จึงจะมีความผิด
เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นผู้รักษาการป่าไม้อำเภอ อนุญาตให้ผู้มีชื่อตัดไม้โดยไม่อยู่ในอำนาจที่จะอนุญาตได้เพียงเท่านี้จึงไม่ใช่เรื่องเจตนาทำลายทรัพย์หรือหนังสืออย่างใดตามความใน มาตรา 129 และเมื่อคดีไม่มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีความผิดสถานอื่นอีกหรือไม่เพราะไม่มีฝ่ายใดฎีกา คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
เมื่อได้ความว่าจำเลยเป็นผู้รักษาการป่าไม้อำเภอ อนุญาตให้ผู้มีชื่อตัดไม้โดยไม่อยู่ในอำนาจที่จะอนุญาตได้เพียงเท่านี้จึงไม่ใช่เรื่องเจตนาทำลายทรัพย์หรือหนังสืออย่างใดตามความใน มาตรา 129 และเมื่อคดีไม่มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีความผิดสถานอื่นอีกหรือไม่เพราะไม่มีฝ่ายใดฎีกา คดีจึงไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา 218 นั้นหมายถึงโทษแต่ละกะทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298,299,63 และตาม มาตรา 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298,299,63 และตาม มาตรา 243 อีก 2 ปี รวม 2 กะทง 7 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้