พบผลลัพธ์ทั้งหมด 344 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการมรดกไม่ถูกต้อง การงดไต่สวนคำคัดค้านที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำร้องอ้างว่า ผู้ร้องไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและจัดการแบ่งปันมรดกไม่ถูกต้อง ผู้ร้องแถลงรับต่อศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 22 กันยายน 2529 ว่า เจ้ามรดกมีทายาท 9 คนแต่แบ่งมรดกให้ทายาทเพียง 8 คน โดยไม่แจ้งเหตุผลว่า เหตุใดจึงไม่แบ่งมรดกให้แก่ทายาทอีกคนหนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความไว้ตามรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวยังไม่บริบูรณ์การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการไต่สวนคำร้อง ของ ผู้คัดค้านจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเพราะการจัดการมรดกของผู้ร้องจะถูกต้องและเป็นการละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านต้องนำสืบให้ปรากฏควรที่ศาลชั้นต้นต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนต่อไปให้สิ้นกระแสความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลแรงงาน: ยกเว้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณา รวมถึงค่าประกาศ
ค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระในการยื่นคำฟ้องตลอดจนการดำเนิน กระบวนพิจารณาใด ๆ ในศาลแรงงานตาม ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒มาตรา ๒๗ หมายถึง ค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายอื่นในการดำเนิน กระบวนพิจารณา ค่าประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทางหนังสือพิมพ์เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน กระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระต่อ ศาลแรงงานกลางที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้โจทก์ชำระเงินค่าประกาศดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องคืนให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาลแรงงาน: ค่าประกาศในหนังสือพิมพ์เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการยกเว้น
ค่าฤชาธรรมเนียมที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระในการยื่นคำฟ้องตลอดจนการดำเนิน กระบวนพิจารณาใด ๆ ในศาลแรงงานตาม ที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 27 หมายถึง ค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายอื่นในการดำเนิน กระบวนพิจารณา ค่าประกาศการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยทางหนังสือพิมพ์เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนิน กระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระต่อ ศาลแรงงานกลางที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้โจทก์ชำระเงินค่าประกาศดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายต้องคืนให้แก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629-630/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีแรงงานต้องอาศัยข้อเท็จจริงตามที่ศาลแรงงานสืบพยาน หากยังไม่ได้สืบพยาน ศาลฎีกาไม่มีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยได้
การพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาในคดีแรงงาน ต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานวินิจฉัยมา ในปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าค่าครองชีพเป็นค่าจ้างหรือไม่ โจทก์หมดสิทธิเรียกร้องเอาเงินบำเหน็จตามข้อบังคับของจำเลยแล้วหรือยังนั้น ศาลแรงงานกลางไม่ได้สืบพยานให้ได้ข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จหรือไม่มีข้อความเกี่ยวกับความหมายของค่าจ้าง เงินเดือน และระยะเวลาในการเรียกร้องเงินบำเหน็จว่าอย่างไร ศาลฎีกาจึงไม่มีข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย กรณีเป็นเรื่องศาลแรงงานกลางปฏิบัติไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 243(3)(ข) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31ต้องย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาเสียใหม่ให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องอุทธรณ์ต้องแจ้งอีกฝ่ายและรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ก่อนมีคำพิพากษา การเพิกเฉยเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
จำเลยฝ่ายเดียวเป็นผู้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและได้ร้องขอถอนฟ้อง อุทธรณ์นั้นในระหว่างการพิจารณา ของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นจำต้องจัดการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้อง อุทธรณ์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วส่งคำร้องไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง และศาลอุทธรณ์ต้องสั่งคำร้องนั้นก่อนมีคำพิพากษา การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีและศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ และศาลอุทธรณ์ยังมิได้สั่งคำร้องขอถอนอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้อง อุทธรณ์ของจำเลยแล้วส่งศาลอุทธรณ์เพื่อสั่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4101-4102/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตเลื่อนคดีโดยอ้างอาการป่วย และการเพิกถอนคำสั่งเมื่อพบหลักฐานขัดแย้ง ศาลฎีกาเห็นว่าการสั่งเลื่อนคดีเดิมชอบแล้ว
การที่ศาลเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงเพราะมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมคำร้องขอเลื่อนคดีจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบ มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อการสั่งเลื่อนคดีดังกล่าวไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว แม้ความจะปรากฏต่อมาว่าจำเลยเสนอใบรับรองแพทย์ซึ่งไม่ตรงต่อความจริงต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดี ศาลจะยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในภายหลังหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3693/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดิน สินบริคณห์ และความยินยอมในการทำนิติกรรม การสัตยาบันหนี้ และการดำเนินกระบวนพิจารณา
การที่ศาลนัดสืบพยานโจทก์และผู้ร้องทราบนัดแล้วไม่ไปศาลตามนัดโดยศาลมิได้สั่งงดสืบพยาน ศาลจึงดำเนินกระบวนพิจารณาไป ถือไม่ได้ว่าเป็นการผิดระเบียบ
เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องขอกันส่วนแล้วไม่คัดค้าน กรณีเป็นเรื่องพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ ศาลไม่ต้องนัดสืบพยานจำเลย
คำยินยอมของสามีหรือภรรยาเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทำนิติกรรมนั้นไม่ต้องทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน เมื่อผู้ร้องรับว่าหนังสือยินยอมเป็นหนังสือของผู้ร้องที่ถูกต้องแท้จริงแล้วก็นำไปใช้จดทะเบียนจำนองที่ดินได้ หาเป็นโมฆะไม่
การที่ผู้ร้องทำหนังสือระบุว่า ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้จำนอง รวมทั้งกิจการอื่นที่กระทำไปโดยผู้ร้องขอร่วมรับผิดชอบในนิติกรรมนั้น เสมือนผู้ร้องได้กระทำเองทุกประการ ถือว่า ผู้ร้องยอมให้สัตยาบันหนี้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างผู้ก่อหนี้กับผู้ร้อง
เมื่อจำเลยได้รับสำเนาคำร้องขอกันส่วนแล้วไม่คัดค้าน กรณีเป็นเรื่องพิพาทระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ ศาลไม่ต้องนัดสืบพยานจำเลย
คำยินยอมของสามีหรือภรรยาเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทำนิติกรรมนั้นไม่ต้องทำต่อหน้าเจ้าพนักงาน เมื่อผู้ร้องรับว่าหนังสือยินยอมเป็นหนังสือของผู้ร้องที่ถูกต้องแท้จริงแล้วก็นำไปใช้จดทะเบียนจำนองที่ดินได้ หาเป็นโมฆะไม่
การที่ผู้ร้องทำหนังสือระบุว่า ให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้จำนอง รวมทั้งกิจการอื่นที่กระทำไปโดยผู้ร้องขอร่วมรับผิดชอบในนิติกรรมนั้น เสมือนผู้ร้องได้กระทำเองทุกประการ ถือว่า ผู้ร้องยอมให้สัตยาบันหนี้ที่เกิดขึ้นว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างผู้ก่อหนี้กับผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3525/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องซ้ำเพื่อปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึด แม้ศาลเคยมีคำพิพากษาแล้ว ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำที่กฎหมายห้าม
ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดทั้งหมด 6 รายการ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์เฉพาะบางรายการ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ผู้ร้องได้มายื่นคำร้องเป็นคดีนี้ ขอให้ปล่อยทรัพย์รายเดียวกันกับทรัพย์ในคดีก่อนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้องไปแล้ว ดังนี้คำร้องของผู้ร้องในคดีก่อนกับคำร้องของผู้ร้องในคดีนี้ต่างก็ได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของผู้ร้องซึ่งเป็นทรัพย์รายเดียวกัน ประเด็นแห่งคดีทั้งสองเป็นประเด็นอย่างเดียวกัน คู่ความทั้งสองฝ่ายก็เป็นคู่ความรายเดียวกัน ทั้งศาลชั้นต้นก็ได้เคยมีคำพิพากษาชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีไปแล้ว คำร้องของผู้ร้องในคดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่อีกตาม ป.วิ.พ.มาตรา 144.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาแก่จำเลยวิกลจริต ศาลฎีกาสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษาลงโทษจำเลยมาโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 เสียก่อนจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2), 225 ในอันที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยวิกลจริตไม่สามารถต่อสู้คดีได้ กระบวนพิจารณาเดิมไม่ชอบ ศาลฎีกาสั่งดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษาลงโทษจำเลยมาโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 เสียก่อน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2),225 ในอันที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป