คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดีถึงที่สุด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 334 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งห้ามชั่วคราวเป็นอันยกเลิกเมื่อคดีถึงที่สุด แม้โจทก์ชนะคดีหากมิได้ขอห้ามต่อเนื่อง
การที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยโดยมิได้ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อ.ซึ่งการละเมิด. แต่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยกระทำละเมิดต่อไปชั่วคราวก่อนพิพากษา. และศาลมีคำสั่งห้ามตามคำขอของโจทก์ไว้แล้ว. ดังนี้เมื่อศาลตัดสินคดีแล้ว.ถึงแม้โจทก์จะเป็นฝ่ายชนะได้รับชดใช้ค่าเสียหาย. คำสั่งห้ามนั้นก็เป็นอันยกเลิกไปในตัว. เพราะโจทก์ไม่อาจขอให้บังคับคดีห้ามมิให้จำเลยกระทำการอันโจทก์ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อไปได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์มรดกหลังขายทอดตลาด: ผู้อ้างสิทธิใหม่ต้องฟ้องคดีใหม่ ไม่สามารถแทรกแซงคดีเดิมได้
ทรัพย์ซึ่งคู่ความในฐานะทายาทพิพาทกันอ้างว่าเป็นมรดกของผู้ตาย. และคู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันในระหว่างคู่ความ. ซึ่งศาลได้พิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว. ในชั้นบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์เพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ. บุคคลภายนอกจะร้องขอเข้ามาในคดีอ้างว่ามีส่วนเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอยู่ครึ่งหนึ่ง. และขอรับเงินส่วนแบ่งจากการขายทอดตลาดโดยคู่ความเดิม.ไม่.ยินยอม. หาได้ไม่. เพราะเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกนั้นตั้งประเด็นขึ้นใหม่พิพาทกับคู่ความเดิมเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว.
หากบุคคลภายนอกมีสิทธิในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดอย่างไร.หรือถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายประการใด ก็ชอบที่จะฟ้องร้องเป็นคดีใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องเกิน 1 ปี และคดีก่อนถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีและผลเมื่อคดีถึงที่สุด
คำว่า 'ศาล' ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260มิได้หมายความถึงศาลที่มีคำพิพากษาชั้นที่สุด เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของโจทก์แล้ว ฎีกาของโจทก์ซึ่งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์ของจำเลย ในระหว่างพิจารณาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ที่ดินพิพาทแปลงเดียวกันกับคดีก่อนที่ถึงที่สุดแล้ว
เดิมโจทก์ในคดีนี้ถูกจำเลยฟ้องหาว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี ในชั้นบังคับคดีนั้นโจทก์หาว่าจำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนปักหลักรุกล้ำที่ดิน แทนที่จะปักหลักตามที่จำเลยชนะคดี ขอให้ศาลสั่งให้พนักงานศาลไปรังวัดสอบเขตใหม่ แล้วโจทก์รับรองแผนที่ที่พนักงานศาลทำขึ้นโดยลงชื่อไว้ ต่อมาโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยปักหลักรุกล้ำที่ดินของโจทก์ ที่โจทก์ได้รับรองแผนที่ไว้นั้น เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าที่พิพาทในคดีนี้เป็นที่แปลงเดียวกันกับในคดีก่อน ซึ่งศาลได้พิพากษาในประเด็นเดียวกันนี้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างสำนวนคดีถึงที่สุดเป็นพยาน ศาลมีอำนาจรับฟังได้เมื่อคู่ความยอมรับและเสียค่าอ้าง
เมื่อศาลสอบถาม คู่ความต่างยอมรับว่า ทางพิพาทตามที่โจทก์ฟ้องนี้เคยพิพาทกันมาแล้ว 2 คดี และคดีดังกล่าวถึงที่สุด โจทก์ขออ้างสำนวนทั้งสองและได้เสียค่าอ้างแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำนวนนั้น ๆ มาประกอบการพิจารณาคดีได้ แม้โจทก์จะมิได้ยื่นระบุพยานอ้างสำนวนนั้นอีกก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอ้างสำนวนคดีถึงที่สุดประกอบการพิจารณาคดีใหม่ ศาลมีอำนาจรับฟังได้เมื่อคู่ความยอมรับและเสียค่าอ้าง
เมื่อศาลสอบถาม คู่ความต่างยอมรับว่าทางพิพาทตามที่โจทก์ฟ้องนี้เคยพิพาทกันมาแล้ว 2 คดี และคดีดังกล่าวถึงที่สุดโจทก์ขออ้างสำนวนทั้งสองและได้เสียค่าอ้างแล้วศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำนวนนั้นๆ มาประกอบการพิจารณาคดีได้แม้โจทก์จะมิได้ยื่นระบุพยานอ้างสำนวนนั้นอีกก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการฟ้องคดีโดยไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาล ส่งผลให้คดีถึงที่สุดและศาลไม่รับอุทธรณ์
การที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งยืนและว่าถ้าจะอุทธรณ์ให้วางเงินค่าธรรมเนียมภายใน 7 วันแต่โจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียม กลับฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาสั่งว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156โจทก์จึงกลับมาร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับฟ้องอุทธรณ์อีกศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนดังนี้กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา236 คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้ค้ำประกันเมื่อคดีถึงที่สุดหลังศาลฎีกายกคำร้องไม่รับฎีกา
การที่ศาลสั่งไม่รับฎีกา และผู้ฎีกาได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งโดยหาผู้ค้ำประกันมาทำสัญญาค้ำประกันค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 นั้น เมื่อศาลฎีกาสั่งยกคำร้องไม่รับฎีกา คดีที่โจทก์ฟ้องก็ถึงที่สุดตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำสั่งนั้น ผู้ค้ำประกันจึงต้องปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้ค้ำประกันเมื่อคดีถึงที่สุด แม้มีการอุทธรณ์คำสั่ง
การที่ศาลสั่งไม่รับฎีกาและผู้ฎีกาได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งโดยหาผู้ค้ำประกันมาทำสัญญาค้ำประกันค่าฤชาธรรมเนียมและเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 นั้น เมื่อศาลฎีกาสั่งยกคำร้องไม่รับฎีกาคดีที่โจทก์ฟ้องก็ถึงที่สุดตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำสั่งนั้น ผู้ค้ำประกันจึงต้องปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกัน
of 34