พบผลลัพธ์ทั้งหมด 515 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4344/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีจากการยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา แม้ประนีประนอมยอมความแล้วก็ต้องชำระ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 259 ซึ่งอยู่ในภาค 4ลักษณะ 1 ให้นำบทบัญญัติลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีมาใช้บังคับแก่วิธีการชั่วคราวที่ศาลสั่งตามที่กล่าวไว้ในลักษณะนี้โดยอนุโลมแสดงว่ากรณีมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับกรณีมีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ตามที่บทบัญญัติไว้ในตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และมาตรา 149 วรรคแรกเมื่อโจทก์ดำเนินการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ถือว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาตามมาตรานี้แล้ว แม้ต่อมาโจทก์จำเลยจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและโจทก์ไม่ได้รับประโยชน์จากการยึดทรัพย์ของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โจทก์ก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์ที่ยึด เงินประกันค่าเสียหายที่โจทก์วางต่อศาลชั้นต้นเป็นเงินประกันค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะได้รับความเสียหาย แม้จำเลยไม่ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี และศาลชั้นต้นได้แจ้งคำสั่งให้โจทก์นำเงินมาชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งโจทก์ก็ทราบคำสั่งแล้ว แต่ก็มิได้นำเงินมาชำระ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไม่คืนเงินที่โจทก์วางไว้เป็นประกันค่าเสียหายจนกว่าโจทก์จะนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี ถ้าหากในที่สุดโจทก์ไม่นำเงินค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีมาชำระและไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดมาชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นก็เบิกเงินค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวมาชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลฎีกาและการทิ้งฟ้อง: คดีสาขาแยกต้องเสียค่าธรรมเนียมรายคดี หากไม่ชำระถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นคนละฉบับกัน เป็นคดีสาขาคนละคดี แม้ศาลชั้นต้นจะรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน และผู้ร้องทั้งสองยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มาในฎีกาฉบับเดียวกัน ผู้ร้องทั้งสองก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เป็นรายคดีไป เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้ครบถ้วน และศาลชั้นต้นได้มีหมายแจ้งให้ผู้ร้องทั้งสองทราบแล้ว แต่ผู้ร้องทั้งสองไม่ชำระกรณีถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนด เป็นการทิ้งฟ้องฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดี และการรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ชำระค่าธรรมเนียม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าถูกต้อง
ในชั้นที่โจทก์ยื่นฟ้อง โจทก์ได้ส่งสำเนาใบมอบอำนาจเป็นเอกสารท้ายฟ้องฉบับหนึ่ง ก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องว่าสำเนาใบมอบอำนาจที่โจทก์ส่งท้ายฟ้องนั้นโจทก์ส่งผิดไป ขอส่งฉบับใหม่ตามเอกสารหมาย ป.จ.1 ศาลชั้นต้นอนุญาต ชั้นสืบพยานโจทก์ก็นำสืบว่าโจทก์มอบให้ ธ.ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจเอกสารหมาย ป.จ.1 ซึ่งจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างต้องฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายธ.ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจเอกสารหมาย ป.จ.1 มาตั้งแต่ต้นจำเลยจะอ้างเอาใบมอบอำนาจที่โจทก์ส่งผิดมาโดยโจทก์แก้ไขแล้วมาเป็นเหตุให้ฟังว่า ธ. ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์นั้นเป็นการไม่ชอบ คำอ้างเอกสารเป็นค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เมื่อโจทก์มิได้จงใจจะไม่ชำระค่าธรรมเนียมก็ไม่มีบทกฎหมายจะให้ถือว่าโจทก์จะไม่ประสงค์อ้างเอกสารเป็นพยานตามบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)บัญญัติไว้แต่เพียงว่าห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความมิได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงเท่านั้นทั้งยังยกเว้นด้วยว่า ถ้าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีแม้จะฝ่าฝืนบทบัญญัติอนุมาตรานี้ก็ให้อำนาจศาลที่จะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้การที่ศาลรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวโดยที่เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี จึงไม่เป็นเรื่องที่ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2294/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตวางค่าธรรมเนียมฎีกาหลังพ้นกำหนด ศาลชี้เป็นการสั่งขยายเวลา ไม่ใช่คำสั่งรับ/ไม่รับฎีกา ต้องอุทธรณ์ตามลำดับชั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 วางเงินค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาและค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ เพราะวางเมื่อพ้นกำหนดฎีกา เป็นคำสั่งเกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 หาใช่การสั่งเกี่ยวกับการรับหรือไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไม่ หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ก็ชอบที่จะอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไปตามลำดับชั้นศาล ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจจำเลยที่ 1ฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวโดยตรงต่อศาลฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ทำให้การอุทธรณ์ไม่ชอบ ศาลไม่รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์แต่มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาวางศาลภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 และกรณีไม่ใช่เรื่องคู่ความที่ศาลพิพากษาให้ชนะคดีจะต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมเพิ่มขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 233 ซึ่งศาลจะสั่งให้ผู้อุทธรณ์นำเงินมาวางศาลอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 536/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ต้องยื่นพร้อมค่าธรรมเนียม หรือวางเงินค่าธรรมเนียม หากไม่ปฏิบัติตาม ศาลอุทธรณ์มีสิทธิไม่รับวินิจฉัย
จำเลยยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องและสั่งให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมศาลภายใน 15 วัน การที่จำเลยขอขยายระยะเวลาดังกล่าวเป็นการขอขยายระยะเวลา ที่ศาลกำหนด ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 ซึ่งจะต้องกระทำก่อนระยะเวลา ดังกล่าวสิ้นสุดลงเว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความ อีก ฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 แต่จำเลย ยื่นอุทธรณ์โดยมิได้ชำระเงินค่าธรรมเนียม และนำค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์และ มิได้รับอนุญาตให้นำมาวางได้ภายหลัง จึงไม่เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วย กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ชอบที่ จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยให้ การที่ศาลอุทธรณ์ รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการมิชอบ และถือไม่ได้ว่า เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ ในศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2950/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าธรรมเนียมใบอนุญาต: เจ้าพนักงานมีอำนาจออกใบอนุญาตและเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้โดยไม่ต้องมีการแต่งตั้งเพิ่มเติม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15) ที่บัญญัติถึงบุคคลที่ทางราชการได้ตั้งแต่งหรืออนุญาตให้จัดกิจการเฉพาะบางอย่างเรียกเอาค่าธรรมเนียมเพียงที่มิใช่เป็นเงินอันอยู่ในประเภทจะต้องส่งเข้าท้องพระคลัง มีอายุความสองปี นั้น หมายถึง จะต้องเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้จัดกิจการนั้น ๆ และเป็นกิจการที่จะต้องมีการออกใบอนุญาตจึงจะสามารถกระทำได้ กฎกระทรวงฉบับที่ 17 (พ.ศ. 2507) ข้อ 4(1) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 กำหนดให้ โจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งสารวัตรเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ออกใบอนุญาตเล่นการพนันไพ่ผ่องจีน และรับค่าธรรมเนียมที่จะส่งเข้าเป็นรายได้ให้รัฐและเทศบาล แสดงว่าโจทก์ในฐานะเจ้าพนักงานได้รับแต่งตั้งหรือได้รับอนุญาตจากทางราชการให้มีอำนาจและหน้าที่ออกใบอนุญาตเล่นการพนันไพ่ผ่องจีนและรับค่าธรรมเนียมได้โดยไม่จำต้องให้ทางราชการแต่งตั้งโจทก์ให้มีหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมอีกชั้นหนึ่งการเรียกเอาค่าธรรมเนียมเพิ่มเพื่อเทศบาลในการออกใบอนุญาตเล่นการพนันจึงมีอายุความสองปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2925/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งคดี: โจทก์ไม่จัดการส่งสำเนาฎีกาและเสียค่าธรรมเนียมเป็นเวลานาน ทำให้ศาลจำหน่ายคดี
ฎีกาเป็นคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1(3) ซึ่งโจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการส่งสำเนาฎีกา ให้จำเลย ตามมาตรา 70 วรรคสอง ปรากฏว่านับแต่ วันโจทก์ไปยื่นฎีกาไว้แล้ว โจทก์มิได้ไปจัดการนำส่งสำเนาฎีกา และเสียค่าธรรมเนียมในการส่งตามกฎหมาย คงปล่อยทิ้งไว้ จนถึงวันที่เจ้าพนักงานศาลได้รายงานให้ศาลชั้นต้น ทราบเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือนเศษ อันเป็นเวลานานเกินสมควร ถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฎีกาตามมาตรา 174(2)ประกอบด้วยมาตรา 246,247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลและการปฏิบัติตามเงื่อนไขการชำระค่าธรรมเนียมเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถา และสั่งว่าหากจำเลยทั้งสอง ยังติดใจอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองนำค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ มาชำระต่อศาลชั้นต้นใน 10 วัน จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอขยาย ระยะเวลาการชำระเงินออกไปอีก 15 วัน แต่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต ให้ขยายระยะเวลาไปเพียง 7 วัน อันเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้น ใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่สั่งขยายระยะเวลาการชำระเงินให้จำเลย ทั้งสองเพื่อประโยชน์แก่ความยุติธรรม จำเลยทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์ คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ซึ่งย่อมมีสิทธิจะทำได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 และเมื่อศาลชั้นต้น สั่งไม่รับอุทธรณ์จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ต่อศาลอุทธรณ์ได้ตาม มาตรา 234 โดย ต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง มาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล แม้อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขอขยายระยะ เวลาการชำระเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ก็ตาม แต่ก็เป็นยื่นอุทธรณ์ ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว และเมื่อ มีการอุทธรณ์ย่อมทำให้การบังคับคดีต้องล่าช้าไป อาจเสียหาย แก่โจทก์ผู้ชนะคดีได้ จำเลยทั้ง สองจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ของกฎหมายดังกล่าวสำหรับในกรณีเช่นนี้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1212/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมคำขอคัดค้านการขายทอดตลาด จำเป็นต้องชำระก่อนยื่นคำขอ มิฉะนั้นศาลไม่รับคำขอ
คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยเป็นคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสองซึ่งคำขอดังกล่าวต้องทำเป็นคำร้องต่อศาลและต้องเสียค่าธรรมเนียมตามตาราง 2 ท้าย ป.วิ.พ. ข้อ (3) เป็นค่าคำร้องเป็นเงิน 20 บาทและ ข้อ (7) เป็นค่าคำสั่งเป็นเงิน 50 บาท โดยต้องชำระเมื่อยื่นคำขอเช่นว่านั้นต่อศาลเมื่อจำเลยยื่นคำขอคัดค้านการขายทอดตลาดโดยมิได้ชำระค่าธรรมเนียมในขณะที่ยื่นคำขอ จึงเป็นคำขอที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชอบที่จะไม่รับคำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลย คำขอคัดค้านการขายทอดตลาดของจำเลยมิใช่คำร้องเพื่อตั้งประเด็นระหว่างคู่ความ จึงมิใช่คำคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1(5)ซึ่งศาลจะต้องคืนให้จำเลยไปชำระค่าธรรมเนียมตามมาตรา 18 หากแต่เป็นคำร้องขอให้ศาลกำหนดวิธีการใดอย่างใด ๆ ที่บัญญัติไว้ในภาค 4 การที่ศาลล่างไม่รับคำขอจึงมีผลเท่ากับยกคำขอของจำเลย.