พบผลลัพธ์ทั้งหมด 272 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1378/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำขอในคดีที่ดินและค่าใช้จ่ายทำแผนที่วิวาท ศาลพิพากษาตามข้อเท็จจริงเกินคำขอไม่ได้
คำร้องให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินระบุเนื้อที่ประมาณ 243 ตารางวา แต่ได้ความตามแผนที่วิวาทเกินออกไปอีก 40 ตารางวา ศาลพิพากษาให้ตามที่ได้ความ ไม่เป็นการเกินคำขอ
ค่าใช้จ่ายในการทำแผนที่วิวาท ซึ่งศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินทำตามที่คู่ความตกลงกัน เป็นค่าฤชาธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ซึ่งศาลสั่งให้เป็นพับแก่โจทก์ผู้แพ้คดีได้
ค่าใช้จ่ายในการทำแผนที่วิวาท ซึ่งศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินทำตามที่คู่ความตกลงกัน เป็นค่าฤชาธรรมเนียมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ซึ่งศาลสั่งให้เป็นพับแก่โจทก์ผู้แพ้คดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อลบรอยแผลเป็นเป็นค่าสินไหมทดแทนความเสียหายทางร่างกาย แม้ยังไม่ได้ทำจริง
ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องให้แพทย์ทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อลบรอยแผลเป็นบนใบหน้าจัดเป็นค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 446แม้ขณะฟ้อง โจทก์ยังมิได้ให้แพทย์ทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า กล่าวคือโจทก์ยังมิได้เสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งใบหน้าไปก็ตามโจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาจากจำเลยผู้ทำละเมิดได้ และจำนวนค่าเสียหายดังกล่าว ศาลย่อมวินิจฉัยให้ตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 438 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายก่อตั้งบริษัท: สิทธิเรียกร้องทดแทนค่าใช้จ่ายของผู้เริ่มก่อตั้งบริษัท ไม่ใช่ค่าจ้าง, อายุความ 2 ปีไม่ใช้ได้
เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้องฟ้องของโจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้วหาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการ ก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการ ก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายในการก่อตั้งบริษัท: สิทธิเรียกร้องของผู้เริ่มก่อตั้ง และอายุความ
เมื่ออ่านฟ้องของโจทก์ประกอบกับเอกสารท้ายฟ้อง ฟ้องของมาตรา172 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(8), 526,1108(2) โจทก์เป็นอันชัดแจ้งว่าเงินที่โจทก์เรียกร้องเป็นค่าใช้จ่ายในกิจการที่โจทก์ได้กระทำในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลย
ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
ซึ่งที่ประชุมจัดตั้งบริษัทจำเลยได้ให้สัตยาบันแล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
สิทธิเรียกร้องเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ซึ่งมีอายุความสองปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้นหมายถึงค่าที่ผู้รับจ้างใช้การงานส่วนบุคคลได้ออกทดรองไปเกี่ยวกับงานที่จ้างเท่านั้น
สิทธิเรียกร้องอันเนื่องมาจากที่ประชุมตั้งบริษัทจำเลยให้สัตยาบันในค่าใช้จ่ายที่ผู้เริ่มก่อการได้ออกไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลยซึ่งไม่เกี่ยวกับการจ้าง โจทก์ไม่มีฐานะเป็นผู้รับจ้างของบริษัทจำเลยจะนำอายุความมาตรา 165(8) มาใช้บังคับไม่ได้
เงินที่บริษัทจำเลยให้สัตยาบันหรืออนุมัติให้โจทก์ เป็นการใช้เพื่อทดแทนค่าใช้จ่ายที่โจทก์ต้องเสียไปในการก่อตั้งบริษัทจำเลย หาใช่เป็นการให้เปล่าหรือโดยเสน่หาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนสร้างบนที่ดินเช่า: สิทธิของผู้ออกค่าใช้จ่ายสร้างย่อมเป็นเจ้าของเรือน แม้ที่ดินเป็นของผู้อื่น
สามีจำเลยกับจำเลยปลูกร้านในที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สินฯ โจทก์ขอเช่าจากจำเลย ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์รื้อร้าน แล้วปลูกเรือน 2 ชั้นขึ้นตรงที่ปลูกร้านนั้นเป็นบ้านพักของโจทก์ พร้อมกับปลูกเรือนชั้นเดียวติดกับเรือน 2 ชั้น โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ดังนี้ เรือน 2 ชั้นกับเรือนพิพาทต้องถือว่าเป็นของโจทก์ตั้งแต่โจทก์ปลูก เหตุที่ปลูกในที่ดินที่จำเลยเช่า ก็ไม่ทำให้เรือนตกเป็นของจำเลย แม้เอกสารยกบ้านให้โจทก์จะไม่มีผลเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทให้โจทก์ ก็หากระทบกระเทือนถึงสิทธิของโจทก์ในเรือนพิพาทไม่ หนังสือสัญญาเช่าร้านเดิมที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยย่อมสิ้นผลไป เพราะร้านอันเป็นวัตถุแห่งการเช่าไม่มีอยู่
ใบเสร็จรับเงินระบุว่าเป็นค่าเช่าบ้าน โจทก์ย่อมนำสืบความจริงได้ว่าเป็นค่าเช่าที่ดิน โดยไม่ต้องมีหลักฐานการเช่าที่ดินมาแสดงเพราะโจทก์มิได้นำสืบเพื่อขอให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ดินโดยตรง
ใบเสร็จรับเงินระบุว่าเป็นค่าเช่าบ้าน โจทก์ย่อมนำสืบความจริงได้ว่าเป็นค่าเช่าที่ดิน โดยไม่ต้องมีหลักฐานการเช่าที่ดินมาแสดงเพราะโจทก์มิได้นำสืบเพื่อขอให้บังคับตามสัญญาเช่าที่ดินโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและการหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้ ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้ สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างว่าความ: การกำหนดค่าจ้างและหักค่าใช้จ่าย ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ทนายความ
สัญญาจ้างว่าความ ซึ่งมีใจความว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ว่าความสองสำนวนค่าจ้าง 750,000 บาท ชำระเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะ. ถ้าจำเลยแพ้ จำเลยไม่ต้องชำระค่าจ้างนี้. ถ้าจำเลยจะต้องเสียค่าไถ่ถอนที่ดินและค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวกับคดีเท่าใด จำเลยลดเงินนี้หนึ่งในสามจากค่าจ้างได้. สัญญานี้ไม่ใช่สัญญาเข้าเป็นทนายว่าต่างแก้ต่างโดยวิธีสัญญาแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาท อันจะพึงได้แก่ลูกความ. จึงไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2477มาตรา 12(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122-1123/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าใช้จ่ายจากการดำเนินคดีจัดการมรดกที่เกี่ยวข้องกับสัญญาแบ่งมรดกที่ถูกฟ้องให้เป็นโมฆะ ชอบด้วยกฎหมาย
ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยเสียไปในการดำเนินคดีร้างขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ซึ่งโจทก์จำเลยเป็นผู้ร้องขอร่วมกันและโจทก์ตกลงจะชดใช้ให้จำเลยครึ่งหนึ่ง โดยระบุไว้ในสัญญาแบ่งมรดก แต่ภายหลังกลับถอนคำร้องเสีย เนื่องจากตกลงกันในการจัดการมรดกไม่ได้นั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีขอรับมรดกแต่ผู้เดียว และขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาแบ่งมรดกเป็นโมฆะ จำเลยย่อมฟ้องแย้งเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าหมายความตามที่ตกลงไว้ในสัญญาแบ่งมรดกจากโจทก์ได้ เพราะเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122-1123/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าใช้จ่ายในการจัดการมรดกที่ตกลงกันไว้ในสัญญา เป็นการเรียกร้องสิทธิเกี่ยวกับฟ้องเดิม
ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยเสียไปในการดำเนินคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ซึ่งโจทก์จำเลยเป็นผู้ร้องขอร่วมกันและโจทก์ตกลงจะชดใช้ให้จำเลยครั้งหนึ่ง โดยระบุไว้ในสัญญาแบ่งมรดก แต่ภายหลังกลับถอนคำร้องเสีย เนื่องจากตกลงกันในการจัดการมรดกไม่ได้นั้น เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีขอรับมรดกแต่ผู้เดียว และขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาแบ่งมรดกเป็นโมฆะ จำเลยย่อมฟ้องแย้งเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความตามที่ตกลงไว้ในสัญญาแบ่งมรดกจากโจทก์ได้ เพราะเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122-1123/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าใช้จ่ายผู้จัดการมรดกสัมพันธ์กับฟ้องเดิม สัญญาแบ่งมรดกเป็นเหตุ
ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยเสียไปในการดำเนินคดีร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ซึ่งโจทก์จำเลยเป็นผู้ร้องขอร่วมกันและโจทก์ตกลงจะชดใช้ให้จำเลยครั้งหนึ่ง. โดยระบุไว้ในสัญญาแบ่งมรดก. แต่ภายหลังกลับถอนคำร้องเสีย เนื่องจากตกลงกันในการจัดการมรดกไม่ได้นั้น. เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีขอรับมรดกแต่ผู้เดียว และขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาแบ่งมรดกเป็นโมฆะ. จำเลยย่อมฟ้องแย้งเรียกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความตามที่ตกลงไว้ในสัญญาแบ่งมรดกจากโจทก์ได้. เพราะเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม.