คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จับกุม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การพิพากษาขึ้นอยู่กับความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุม
มีผู้แจ้งต่อนายร้อยตำรวจผู้บังคับกองฯ ว่า จำเลยกับพวกลักโคไป ผู้บังคับกองฯ สั่งให้นายสิบตำรวจไปเชิญตัวจำเลยบนบ้านโดยไม่มีหมายจำเลยไม่ยอมไป จึงเข้าจับกุม จำเลยใช้ขวานมีด ต่อสู้ขัดขวาง แม้ผู้บังคับกองฯ จะอยู่ไปห่าง 10 วา แต่ก็อยู่ที่บ้านผู้อื่น ไม่ได้ไปจับกุมด้วย การจับนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78, 81 จำเลยต่อสู้ขัดขวางจึงไม่มีความผิด แต่เมื่อผู้บังคับกองฯ นั้นไปทำการจับกุมด้วย ก็ชอบด้วยมาตรา 78, 92 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯ ผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯ ซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯ มีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: ความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุมและขอบเขตความรับผิด
มีผู้แจ้งต่อนายร้อยตำรวจผู้บังคับกองฯว่า จำเลยกับพวกลักโคไปผู้บังคับกองฯสั่งให้นายสิบตำรวจไปเชิญตัวจำเลยบนบ้านโดยไม่มีหมาย จำเลยไม่ยอมไป จึงเข้าจับกุมจำเลยใช้ขวาน มีด ต่อสู้ขัดขวางแม้ผู้บังคับกองฯจะอยู่ห่างไป 10 วา แต่ก็อยู่ที่บ้านผู้อื่น ไม่ได้ไปจับกุมด้วย การจับนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78,81 จำเลยต่อสู้ขัดขวางจึงไม่มีความผิด แต่เมื่อผู้บังคับกองฯ นั้นไปทำการจับกุมด้วย ก็ชอบด้วยมาตรา 78,92 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯมีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการฟ้องคดีอาญา: อำนาจฟ้องและขอบเขตการควบคุมตัว
เจ้าพนักงานจับจำเลยฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่แล้วจำเลยถูกควบคุมตัวในฐานเป็นบุคคลอันธพาล ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 21 ยังไม่เกิน 30 วันการควบคุมตัวจำเลยจึงเป็นคนละเรื่องกับการควบคุมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ฉะนั้น การขอผัดฟ้องก็ดี การขออนุญาตฟ้องจากอธิบดีกรมอัยการก็ดี ย่อมไม่อาจจะเกิดขึ้น โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจใช้อำนาจในตำแหน่งข่มขืนใจเอาทรัพย์สินจากประชาชน โดยอ้างการจับกุมแต่ไม่เป็นความจริง
จำเลยเป็นตำรวจประจำอยู่ในกรุงเทพฯ พากันไปแกล้งจับผู้เสียหายที่จังหวัดนครนายก หาว่าเล่นสลากกินรวบขอค้นบ้าน แล้วงัดลิ้นชักโต๊ะหยิบเอาเงินและปืนไปเพื่อประโยชน์แก่ตน ดังนี้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 แล้ว แม้จำเลยจะหยิบเอาเงินและปืนนั้นไปเองก็ดี แต่เมื่อเป็นเพราะเหตุที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้เสียหายจึงไม่กล้าแย่งคืน หรือเพราะผู้เสียหายอาจจะเข้าใจว่าจำเลยเอาไปเป็นวัตถุพยาน ดังนั้น จึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้มอบให้แก่จำเลยตามความหมายของมาตรานี้แล้ว และเมื่อจำเลยมีความผิดตามมาตรา 148 แล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงมาตรา 157 อันเป็นบทลงโทษทั่วไปซึ่งมีอัตราโทษน้อยกว่าอีก (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2506 เฉพาะที่เกี่ยวกับมาตรา 148)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดับไฟขัดขวางการจับกุม: ไม่ถือเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยดับไฟฟ้าขณะเจ้าพนักงานเข้าจับกุมจำเลยกับพวกเล่นการพนัน เพราะจำเลยกลัวถูกจับนั้น แม้จะทำให้เจ้าพนักงานเกิดความไม่สะดวกเพราะมืดก็ตาม การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59,138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดับไฟเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม ไม่ถือเป็นเจตนาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
การที่จำเลยดับไฟฟ้าขณะเจ้าพนักงานเข้าจับกุมจำเลยกับพวกเล่นการพนัน เพราะจำเลยกลัวถูกจับนั้น แม้จะทำให้เจ้าพนักงานเกิดความไม่สะดวกเพราะมืดก็ตาม การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59,138

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายจับและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การจับกุมต้องเป็นไปตามกฎหมาย มิฉะนั้นการต่อสู้ไม่เป็นความผิด
การที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายจับ และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 78(1) ถึง (4) และวรรคสุดท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ แม้จำเลยต่อสู้ขัดขวางการจับกุมก็ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายจับและข้อยกเว้นตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
การที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายจับและกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 78(1) ถึง (4)และวรรคสุดท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ แม้จำเลยต่อสู้ขัดขวางการจับกุมก็ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจยึดเงินผู้เสียหายโดยอ้างเหตุจับกุมแล้วเรียกรับเงินเพื่อปล่อยตัว ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 149, 147 และ 157
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ลงโทษเจ้าพนักงานผู้เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินโดยมิชอบ เพื่อกระทำากรในตำแหน่งของตน แต่จำเลยแกล้งจับผู้เสียหายมาแล้วขู่เอาเงิน จึงเป็นความผิด มาตรา 148 ไม่ใช่ 149
ความผิดตามมาตรา 147 ผู้กระทำผิดต้องมีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินนั้นโดยชอบ แล้วเบียดบังเอาเสีย จำเลยไม่มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินโดยชอบ ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้
มาตรา 157 เป็นบทที่บัญญัติไว้อย่างกว้าง เมื่อการกระทำของจำเลยต้องด้วยบทที่บัญญัติเป็นความผิดไว้โดยเฉพาะ คือ มาตรา 148 แล้วย่อมไม่ผิดตามมาตรา 157 อีก
ศาลล่างวางบทลงโทษจำเลยเกินมา แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดข่มขู่เพื่อป้องกันการขัดขวางการจับกุม ไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจไปจับแผ่นกระดาษจดหมายสลากกินรวบที่นางพีเป็นผู้ขาย ก่อนจับได้ก็มีการยื้อแย่งกัน และจับได้บนบ้านของโจทก์ จำเลยพูดกับโจทก์ว่า "เดี๋ยวจับเป็นอันธพาลทั้งพ่อทั้งลูก" (โจทก์ที่ 2 เป็นบุตรสาวของโจทก์ที่ 1) ดังนี้ ไม่มีมูลเป็นความผิดฐานใส่ความหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เพราะจำเลยมิได้กล่าวว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุคคลอันธพาล เป็นคำขู่เพื่อมิให้โจทก์ทั้งสองเข้าขัดขวางช่วยเหลือผู้กระทำผิดเท่านั้น
of 33