พบผลลัพธ์ทั้งหมด 948 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5530/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำกรณีบังคับจำนอง: คำร้องรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ถือเป็นการฟ้องบังคับจำนองแล้ว
การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอต่อศาลในคดีแพ่งเรื่องอื่นให้เอาเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์มาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆย่อมเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับจำนองโดยอาศัยบุริมสิทธิของเจ้าหนี้ผู้รับจำนองด้วยวิธีการเป็นพิเศษตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา289ดังนั้นคู่ความในคดีดังกล่าวกับคดีนี้จึงเป็นคู่ความรายเดียวกันและเมื่อคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ในคดีดังกล่าวก่อนเจ้าหนี้อื่นนั้นถึงที่สุดแล้วและมูลหนี้กับหลักประกันคือสัญญาจำนองที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้ก็เป็นประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคำร้องขอของโจทก์ในคดีดังกล่าวฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามมาตรา148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4800/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนอมหนี้และการไถ่ถอนจำนอง: สิทธิของผู้รับจำนองยังคงอยู่
ตามคำขอประนอมหนี้ประกอบคำร้องแก้ไขคำขอประนอมหนี้ของโจทก์ไม่มีข้อความระบุให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนโจทก์ คงมีข้อความเพียงว่าเมื่อโจทก์ชำระหนี้ตามคำขอประนอมหนี้ข้อ 1 แล้วขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการยึดทรัพย์สินของโจทก์คืนให้โจทก์ไปเท่านั้นและตามบันทึกรายงานการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ก็สรุปใจความได้ว่าโจทก์จะขอไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจากจำเลยภายหลังเมื่อโจทก์ได้ชำระเงินต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามคำขอประนอมหนี้ครบถ้วนแล้วไม่ได้มีความหมายถึงขนาดว่าจำเลยยินยอมสละที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทอันเป็นหลักประกัน ทั้งไม่ใช่วิสัยที่จำเลยจะพึงกระทำเช่นนั้นเพราะจำเลยในฐานะผู้รับจำนองสามารถบังคับเอาจากทรัพย์จำนองได้อยู่แล้ว จำเลยยังคงมีสิทธิเหนือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทในฐานะผู้รับจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4800/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประนอมหนี้หลังล้มละลาย: สิทธิจำนองยังคงอยู่จนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วน
ตามคำขอประนอมหนี้ประกอบคำร้องแก้ไขคำขอประนอมหนี้ของโจทก์ไม่มีข้อความระบุให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนโจทก์คงมีข้อความเพียงว่าเมื่อโจทก์ชำระหนี้ตามคำขอประนอมหนี้ข้อ1แล้วขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถอนการยึดทรัพย์สินของโจทก์คืนให้โจทก์ไปเท่านั้นและตามบันทึกรายงานการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาคำขอประนอมหนี้ก็สรุปใจความได้ว่าโจทก์จะขอไถ่ถอนจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจากจำเลยภายหลังเมื่อโจทก์ได้ชำระเงินต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามคำขอประนอมหนี้ครบถ้วนแล้วไม่ได้มีความหมายถึงขนาดว่าจำเลยยินยอมสละที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทอันเป็นหลักประกันทั้งไม่ใช่วิสัยที่จำเลยจะพึงกระทำเช่นนั้นเพราะจำเลยในฐานะผู้รับจำนองสามารถบังคับเอาจากทรัพย์จำนองได้อยู่แล้วจำเลยยังคงมีสิทธิเหนือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทในฐานะผู้รับจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้หนี้แทนและการไถ่ถอนจำนอง: การชำระหนี้ทั้งหมดเพื่อไถ่ถอนทรัพย์สินจำนอง
เมื่อโจทก์อยู่ในฐานะผู้ที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทซึ่งอาจจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการรับโอนหากปล่อยให้จำเลยเจ้าหนี้จำนองบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้จำเลยแทนผู้จำนองได้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา230 หนี้จำนองย่อมครอบไปถึงบรรดาทรัพย์สินที่จำนองทุกสิ่งแม้จะได้ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วนตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา716แม้จะมีการไถ่ถอนทรัพย์สินซึ่งจำนองไปบางส่วนแล้วก็ตามทรัพย์สินจำนองที่เหลืออยู่จะต้องเป็นประกันการชำระหนี้ทั้งจำนวนตามสิทธิของสัญญาจำนองเมื่อได้ความว่าหนี้จำนองที่บริษัทส.มีต่อจำเลยจำนวน5,396,629.37บาทแต่มีที่พิพาทเป็นทรัพย์จำนองเพียงแปลงเดียวโจทก์ผู้รับโอนที่พิพาทจึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียงจำนวน386,784.60บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนจำนองต้องชำระหนี้ทั้งหมด ห้ามชำระบางส่วน ศาลฎีกาพิพากษากลับ
จำเลยในคดีนี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องบังคับยึดทรัพย์จำนองรวมถึงทรัพย์พิพาทในคดีนี้ให้บริษัทส.ชำระหนี้จำนองโดยการขายทอดตลาดรวมทั้งทรัพย์พิพาทตามที่บริษัทส.เป็นลูกหนี้อยู่ดังนั้นเมื่อโจทก์อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทที่อาจจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทหากปล่อยให้จำเลยบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้ให้จำเลยแทนบริษัทส.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา230 หนี้จำนองที่บริษัทส.มีต่อจำเลยในคดีนี้ยังมีเหลืออยู่อีกจำนวน5,396,629.37บาทแต่มีทรัพย์จำนองเป็นประกันในการชำระหนี้ที่ดินพิพาทแปลงนี้เหลืออยู่เพียงแปลงเดียวการที่จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองจึงต้องเป็นการชำระหนี้ทั้งหมดที่บริษัทส. เป็นหนี้จำเลยอยู่คือจำนวน5,396,629.37บาทโจทก์จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียงจำนวน386,784.60บาทหาได้ไม่ทั้งนี้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา716และ717วรรคหนึ่งโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับไถ่ถอนจำนองจากโจทก์ต่ำกว่าหนี้ที่จำเลยเป็นเจ้าหนี้อยู่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3961/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ดอกเบี้ยและเจตนาการจำนอง: ศาลชอบธรรมที่จะไม่รับคำแก้ต่างเรื่องอายุความ
ตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยมีใจความว่า จำเลยขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นสถาบันการเงินมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ตาม พ.ร.บ.ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ.2523 แสดงว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเช่นเดียวกับธนาคารซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ และโจทก์จำเลยมีเจตนาแท้จริงที่จะจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้เงิน 240,000 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยเกินกว่า 5 ปี การคิดดอกเบี้ยของโจทก์ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ.มาตรา745 คำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นการยกข้อต่อสู้ว่าหนี้ดอกเบี้ยตามฟ้องขาดอายุความแล้ว ซึ่งปัญหาเรื่องอายุความในทางแพ่งไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวของจำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3068/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองครอบคลุมทรัพย์สินทั้งหมด การไถ่ถอนจำนองเฉพาะบางส่วน และการคืนค่าขึ้นศาลในคดีไม่มีทุนทรัพย์
เมื่อจำเลยที่ 4 เป็นหนี้จำเลยที่ 1จำนวน 42,000,000 บาทเศษ แม้หากจำเลยที่ 3 ชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 จำนวน 1,300,000 บาท การจำนองก็ยังคงครอบไปถึงที่ดินที่จำนองทุกแปลง เว้นแต่จำเลยที่ 1ผู้รับจำนองยินยอมด้วยก็สามารถปลอดจำนองที่ดินแปลงใดได้ดังนั้นการที่โจทก์ขอชำระหนี้ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 1 เพียงบางส่วนเพื่อให้ที่ดินพิพาทปลอดจากจำนองย่อมเป็นสิทธิของจำเลยที่ 1 ที่จะยอมรับหรือไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ยินยอม ก็ไม่มีทางที่จะบังคับจำเลยที่ 1 ให้ยินยอมอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายได้ เมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องแม้โจทก์ไม่โต้แย้งคำสั่ง โจทก์ก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว หรือแม้โจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาดังกล่าวแต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลสูงชอบที่จะยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองระงับเมื่อชำระหนี้ & การใช้หนี้แทนลูกหนี้ก่อให้เกิดผลผูกพัน
โจทก์ทำสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของโจทก์ที่มีต่อจำเลยเมื่อโจทก์ได้ใช้เงินแก่จำเลยครบถ้วนตามสัญญาจำนองแล้ว หนี้ตามสัญญาจำนองที่โจทก์มีต่อจำเลยจึงเป็นอันระงับสิ้นไป สัญญาจำนองที่โจทก์ทำไว้แก่จำเลยย่อมระงับสิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 744 (1) จำเลยจึงมีหน้าที่ไปขอจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินดังกล่าว
โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอมอบที่ดินให้จำเลยทำการแทนในการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นการชำระหนี้บางส่วนของ พ. จึงเป็นกรณีที่โจทก์สมัครใจเข้ามาใช้หนี้ของ พ.ลูกหนี้โจทก์แทน พ.โดยยอมให้จำเลยขายที่ดินของโจทก์นำเงินมาชำระหนี้ ย่อมก่อให้เกิดผลผูกพันโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินตามฟ้องไว้จนกว่าความรับผิดในหนี้ของ พ.จะสิ้นไป
โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอมอบที่ดินให้จำเลยทำการแทนในการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นการชำระหนี้บางส่วนของ พ. จึงเป็นกรณีที่โจทก์สมัครใจเข้ามาใช้หนี้ของ พ.ลูกหนี้โจทก์แทน พ.โดยยอมให้จำเลยขายที่ดินของโจทก์นำเงินมาชำระหนี้ ย่อมก่อให้เกิดผลผูกพันโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินตามฟ้องไว้จนกว่าความรับผิดในหนี้ของ พ.จะสิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับหนี้ตามสัญญาจำนองและการสมัครใจใช้หนี้แทนลูกหนี้อื่น จำเลยมีสิทธิยึดถือโฉนดได้
โจทก์ทำสัญญาจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ของโจทก์ที่มีต่อจำเลยเมื่อโจทก์ได้ใช้เงินแก่จำเลยครบถ้วนตามสัญญาจำนองแล้วหนี้ตามสัญญาจำนองที่โจทก์มีต่อจำเลยจึงเป็นอันระงับสิ้นไปสัญญาจำนองที่โจทก์ทำไว้แก่จำเลยย่อมระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา744(1)จำเลยจึงมีหน้าที่ไปขอจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินดังกล่าว โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอมอบที่ดินให้จำเลยทำการแทนในการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเป็นการชำระหนี้บางส่วนของพ. จึงเป็นกรณีที่โจทก์สมัครใจเข้ามาใช้หนี้ของพ.ลูกหนี้โจทก์แทนพ. โดยยอมให้จำเลยขายที่ดินของโจทก์นำเงินมาชำระหนี้ย่อมก่อให้เกิดผลผูกพันโจทก์จำเลยจึงมีสิทธิยึดถือโฉนดที่ดินตามฟ้องไว้จนกว่าความรับผิดในหนี้ของพ. จะสิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 254/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความดอกเบี้ยจำนอง: สิทธิบังคับจำนองยังคงมีอยู่ แต่จำกัดสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยย้อนหลังเกิน 5 ปี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ได้ติดต่อขอไถ่จำนองจากจำเลยที่ 1และที่ 2 และได้นำต้นเงินกู้ยืมไปวางไว้ ณ สำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ และแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว ตามใบเสร็จรับเงิน ซึ่งตามรายการวางทรัพย์เมื่อคำนวณแล้วจะเป็นต้นเงิน และรวมดอกเบี้ยค้างชำระ 5 ปีพอดี ย่อมแสดงว่าโจทก์ได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในเรื่องดอกเบี้ยให้ปรากฏอยู่ในคำฟ้องแล้ว
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 189 (เดิม) ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่จำนองได้ แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลังเกิน 5 ปี ขึ้นไปไม่ได้เมื่อโจทก์ยกอายุความเรียกดอกเบี้ยขึ้นต่อสู้แล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้และผู้รับจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันจะเรียกดอกเบี้ยจากโจทก์เกิน 5 ปี ไม่ได้
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 189 (เดิม) ผู้รับจำนองมีสิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่จำนองได้ แม้ว่าสิทธิเรียกร้องส่วนที่เป็นประธานจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้นบังคับให้ชำระดอกเบี้ยที่ค้างย้อนหลังเกิน 5 ปี ขึ้นไปไม่ได้เมื่อโจทก์ยกอายุความเรียกดอกเบี้ยขึ้นต่อสู้แล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้และผู้รับจำนองที่ดินพิพาทเป็นประกันจะเรียกดอกเบี้ยจากโจทก์เกิน 5 ปี ไม่ได้