คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดุลพินิจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 247 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดหย่อนโทษทางอาญาในกรณีผู้กระทำผิดมีภาวะวิกลจริต และดุลพินิจศาลในการนับโทษต่อ
เมื่อตามพฤติการณ์ได้ความว่าจำเลยแทงผู้ตายขณะวิกลจริตแต่ยังมีสติพอจะรู้สึกผิดชอบหรือยับยั้งได้ จำเลยย่อมได้รับการลดหย่อนอาญาให้เบาลงได้ตาม มาตรา 47
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้ตาม มาตรา 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจศาลอนุญาตรับพยานหลักฐานนอกกรอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีจำเลยไม่มีทนาย
แม้จำเลยระบุอ้างพยานเมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว แต่เป็นเพราะจำเลยมิใช่ทนาย ไม่รู้เท่าถึงการ โจทก์ไม่เสียเปรียบในทางคดีศาลชั้นต้นอนุญาตให้อ้างได้ ไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะแก้ไขเป็นไม่ให้อ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจศาลอนุญาตรับฟังพยานหลังกำหนด แม้ฝ่าฝืนข้อกำหนดวิธีพิจารณา หากไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
แม้จำเลยระบุอ้างพยานเมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว แต่เป็นเพราะจำเลยมิใช่ทนาย ไม่รู้เท่าถึงการ โจทก์ไม่เสียเปรียบในทางคดีศาลชั้นต้นอนุญาตให้อ้างได้ ไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะแก้ไขเป็นไม่ให้อ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานและการตรวจดูสถานที่ การโต้แย้งถือเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง
การที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้คู่ความอ้างพยานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม ก็ดีการที่ศาลไม่ไปดูที่พิพาทก็ดีเป็นเรื่องดุลพินิจของศาลการโต้แย้งดุลพินิจของศาลเป็นการโต้แย้งในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐาน: คำเบิกความในศาลมีน้ำหนักกว่าคำให้การชั้นสอบสวน
คำพะยานที่เบิกความชั้นศาลมิได้ผูกมัดศาลให้รับฟังทั้งหมด ศาลมีอำนาจชั่งน้ำหนักแล้วชี้ขาดว่าควรฟังแค่ไหนเพียงใดหรือไม่ และคำพะยานชั้นสอบสวนนั้นก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังแต่อย่างใดเลย ฉะนั้นศาลจะฟังหรือไม่เพียงใดก็สุดแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป
พะยานที่ให้การชั้นสอบสวนไว้อย่างหนึ่งภายหลังให้การชั้นศาลไปอีกอย่างหนึ่งนั้น ศาลจะฟังหรือไม่อย่างใดก็สุดแต่ดุลยพินิจของศาล ใช่ว่าในกรณีเช่นนี้ผูกมัดจะให้ศาลต้องรับฟังถ้อยคำของพะยานที่ให้การในชั้นศาลเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการพิจารณาพยานหลักฐาน: คำเบิกความในศาลมีน้ำหนักกว่าคำให้การชั้นสอบสวน
คำพยานที่เบิกความชั้นศาลมิได้ผูกมัดศาลให้รับฟังทั้งหมดศาลมีอำนาจชั่งน้ำหนักแล้วชี้ขาดว่าควรฟังแค่ไหนเพียงใดหรือไม่ และคำพยานชั้นสอบสวนนั้นก็ไม่มีบทบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังแต่อย่างใดเลย ฉะนั้นศาลจะฟังหรือไม่เพียงใดก็สุดแต่เหตุผลของแต่ละเรื่องไป
พยานที่ให้การชั้นสอบสวนไว้อย่างหนึ่งภายหลังให้การชั้นศาลไปอีกอย่างหนึ่งนั้น ศาลจะฟังหรือไม่อย่างใดก็สุดแต่ดุลพินิจของศาล ใช่ว่าในกรณีเช่นนี้ผูกมัดจะให้ศาลต้องรับฟังถ้อยคำของพยานที่ให้การในชั้นศาลเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1905/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจรัฐมนตรีในการห้ามใช้เครื่องมือประมงและการใช้ดุลพินิจของศาลในการริบของกลาง
พระราชบัญญัติการประมง 2490 มาตรา 30(2) ให้อำนาจรัฐมนตรีหรือข้าหลวงประจำจังหวัดโดยอนุมัติรัฐมนตรีที่จะกำหนดมิให้ใช้เครื่องมือทำการประมงอย่างหนึ่งอย่างใดในที่จับสัตว์น้ำโดยเด็ดขาด ถ้าผู้ใดใช้เครื่องมือที่ห้ามนั้นทำการประมงก็ย่อมมีผิด และถูกริบเครื่องมือนั้นโดยศาลจะใช้ดุลพินิจไม่ริบไม่ได้
แต่ถ้ารัฐมนตรีประกาศห้ามมิให้ทำการประมงด้วยเครื่องมือใดใดในที่จับสัตว์น้ำโดยเด็ดขาดไว้ เว้นแต่เครื่องมือตามที่กำหนดไว้ในประกาศนั้น ดังนี้ ประกาศมิได้ระบุชื่อเครื่องมือชนิดใดที่ห้ามโดยเด็ดขาด ฉะนั้นเมื่อเกิดการกระทำผิดตามประกาศนี้ขึ้น ศาลก็ย่อมใช้ดุลพินิจไม่ริบเครื่องมือนั้นได้ตามความ ในมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติการประมง 2490

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านดุลพินิจศาลในการไม่ริบของกลาง ถือเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
เมื่อศาลล่างทั้งสองเห็นต้องกันว่า เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนันอย่างใดไม่ควรริบโจทก์ฎีกาว่าเป็นของควรริบตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 27(1) นั้น เป็นการคัดค้านดุลพินิจของศาลเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการรอคดีแพ่งไว้ฟังผลคดีอาญา: การวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องห้ามฎีกา
การที่จะสั่งให้รอคดีแพ่งไว้ฟังผลคดีอาญาเท่านั้น ตามป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 39 เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ เมื่อเห็นสมควรจะสั่งให้รอคดีไว้ก็ได้
เมื่อศาลทั้งสองใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ให้รอคดีไว้แล้วเป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงฎีกาไม่ได้ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลสั่งรอคดีแพ่งชั่วคราว ฟังผลคดีอาญา: การวินิจฉัยศาลล่างเป็นข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา
การที่จะสั่งให้รอคดีแพ่งไว้ฟังผลคดีอาญานั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 เป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจเมื่อเห็นสมควรจะสั่งให้รอคดีไว้ก็ได้
เมื่อศาลทั้งสองใช้ดุลพินิจสั่งไม่ให้รอคดีไว้แล้วเป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงฎีกาไม่ได้ ต้องห้าม
of 25