พบผลลัพธ์ทั้งหมด 351 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3556-3557/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งลงโทษทางวินัยและการต่อเนื่องของสัญญาจ้าง การเลิกจ้างที่ไม่สมบูรณ์
โจทก์ทั้งสองเล่นการพนันนอกเวลาปฏิบัติงาน ผู้จัดการเขต 11 ของจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้นพิจารณาความผิดทางวินัยแล้วมีคำสั่งไล่โจทก์ทั้งสองออกจากงาน โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลย คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เห็นว่าควรลงโทษเพียงขั้นตัดเงินเดือนแล้วเสนอความเห็นไปยังผู้อำนวยการของจำเลย ผู้อำนวยการซึ่งมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของผู้จัดการเขต11แล้วสั่งลงโทษโจทก์ทั้งสองใหม่เป็นตัดค่าจ้างเดือนละ 200 บาทมีกำหนด 6 เดือน และให้โจทก์ทั้งสองกลับเข้าทำงานตามเดิม ดังนี้ เป็นผลให้คำสั่งของผู้จัดการเขต11 ถูกเพิกถอนหรือลบล้างไปในตัวต้อง ถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยยังมิได้สั่งลงโทษโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองกับจำเลยจึงมีความสัมพันธ์เป็นนายจ้างลูกจ้างกันเช่นเดิมติดต่อกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอน ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสองแล้วและรับกลับเข้ามาเป็นลูกจ้างใหม่ โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3556-3557/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งลงโทษทางวินัยและการต่อเนื่องของสัญญาจ้างงาน ไม่อาจถือเป็นการเลิกจ้าง
โจทก์ทั้งสองเล่นการพนันนอกเวลาปฏิบัติงานผู้จัดการเขต 11 ของจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นต้นพิจารณาความผิดทางวินัยแล้วมี คำสั่งไล่โจทก์ทั้งสองออกจากงานโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งต่อ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เห็นว่าควรลงโทษเพียงขั้นตัดเงินเดือนแล้วเสนอความเห็นไปยัง ผู้อำนวยการของจำเลยผู้อำนวยการซึ่งมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของ ผู้จัดการเขต11แล้วสั่งลงโทษโจทก์ทั้งสองใหม่เป็นตัดค่าจ้าง เดือนละ200บาทมีกำหนด 6 เดือนและให้โจทก์ทั้งสองกลับเข้า ทำงานตามเดิมดังนี้ เป็นผลให้คำสั่งของผู้จัดการเขต11ถูกเพิกถอน หรือลบล้างไปในตัวต้องถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยยังมิได้สั่งลงโทษ โจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองกับจำเลยจึงมีความสัมพันธ์เป็นนายจ้าง ลูกจ้างกันเช่นเดิมติดต่อกันตลอดมาโดยไม่ขาดตอนถือไม่ได้ว่า จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งสองแล้วและรับกลับเข้ามาเป็นลูกจ้างใหม่ โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการโต้แย้งสิทธิ ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ผู้มีสิทธิครอบครอง และโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองตลอดมา การที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และได้นำเจ้าหน้าที่ไปรังวัดที่ดินพิพาทกับนำหลักซีเมนต์ไปปักไว้เป็นแนวเขตที่ดินพิพาทหาใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทไม่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้นดังนี้ ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374,1375 มาบังคับแก่คดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2820/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องละเมิดจากการแสดงตนในฐานะชู้สาว: การกระทำต่อเนื่องจนถึงวันฟ้องไม่ขาดอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2517 ตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้(พ.ศ.2525) ลักษณะการกระทำของจำเลยได้ทำต่อเนื่องกันมายังมิได้หยุดกระทำ การกระทำละเมิดของจำเลยได้เกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คน ถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วา จำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายแล้ว
การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้ เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้ เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2531/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหสถาน-พยายามทำร้ายร่างกาย: การกระทำต่อเนื่องเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 1ถือปืนสั้นขึ้นไปบนชานบ้านจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 3 คนถือมีดสั้นคนละเล่มยืนอยู่ที่เชิงบันไดบ้านจำเลยที่ 1 ร้องเรียกชื่อผู้เสียหาย ผู้เสียหายไม่ขานรับเพราะกลัว แล้วผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกวิ่งไล่ติดตามไปในระยะห่างประมาณวาเศษ ผู้เสียหายวิ่งหนีขึ้นไปบนบ้านของ ส. ซึ่งอยู่ห่างบ้านผู้เสียหาย ประมาณ 30 วาจำเลยกับพวกจึงหยุดและพากันกลับไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานบุกรุกและพยายาม ทำร้าย ร่างกายผู้เสียหายแล้ว การที่จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย ด้วยเจตนาที่จะทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนี จำเลยทั้งสองกับพวกก็วิ่งตามไปในบันทึกทันใดเพื่อที่จะทำร้ายให้ได้เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิมยังมิได้ขาดตอนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานข่มขืนฯ และหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นกรรมต่างกัน แม้เกิดจากการกระทำต่อเนื่อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดสองกรรม เรียงกระทงลงโทษข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา จำคุก 4 ปี ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี เป็นการ แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จำเลยหลอกลวงผู้เสียหายไปยังสถานที่หลายแห่งจนถึงบ้านเกิดเหตุจึงกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ถูกจำเลยขู่บังคับและกอดรัดให้อยู่กับจำเลยตลอดคืน หากกลับจะทำร้าย จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้เสียหายจึงใช้อุบายหนีกลับบ้านได้ ดังนี้ การที่จำเลยไม่ยอมให้ผู้เสียหายกลับแล้วใช้กำลังกายกอดรัดและขู่ว่าจะทำร้ายหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ตลอดคืนเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งต่างหากจากความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องยักยอกทรัพย์ – การแจ้งข้อหา – โจทก์มีอำนาจฟ้องได้ แม้จำนวนเงินฟ้องสูงกว่าที่แจ้งความ
ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเงิน 419,235.40 บาท พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานยักยอกทรัพย์ให้จำเลยทราบแล้วก่อนทำการสอบสวน แม้ต่อมาปรากฏว่าจำเลยถูกกล่าวหาความผิดฐานเดียวกันหลายกระทงและกระทำต่อเนื่องกันรวมเป็นเงิน 674,653.65 บาท พนักงานสอบสวนก็ไม่จำต้องแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบทุกกระทง ถือได้ว่าคดีได้มีการสอบสวนโดยถูกต้อง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงิน 674,653.65 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1822/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดขึ้นจากการใช้สิทธิโดยต่อเนื่อง และการกระทำละเมิดต่อภารจำยอม
ที่ดินจำเลยเป็นที่ดินมีโฉนดแปลงใหญ่ แล้วจำเลยแบ่งขายเป็นแปลงเล็ก ๆ โดยเว้นที่ดินตรงกลางไว้เป็นถนนพิพาท พวกที่ซื้อที่ดินจากจำเลยเท่านั้นที่ใช้ถนนพิพาท ส่วนประชาชนทั่วไปไม่ได้ร่วมใช้ถนนพิพาทด้วยเพราะเป็นทางตัน แม้ขณะเมื่อซื้อที่ดินจำเลยบอกว่าให้ถนนพิพาทเป็นทางสาธารณะก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้อุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายให้ถนนพิพาทเป็นทางสาธารณะแต่โจทก์และผู้ซื้อที่ดินได้ใช้ถนนพิพาทด้วยการใช้สัญจรไปมาและนำรถยนต์เข้าออกโดยไม่ปรากฏว่าต้องขออนุญาตจากจำเลยและโจทก์ได้ใช้ติดต่อกันมาเกิน 10 ปีแล้วถนนพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
การที่จำเลยปักเสาสูงจากพื้นดิน 1 เมตรเศษ บนถนนพิพาทเป็นเหตุให้รถยนต์ส่วนตัวของโจทก์และของผู้อื่นแล่นสวนกันไม่ได้สะดวกเหมือนเมื่อครั้งยังไม่มีการปักเสา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกโจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยถอนเสาดังกล่าวออกไปได้
การที่จำเลยปักเสาสูงจากพื้นดิน 1 เมตรเศษ บนถนนพิพาทเป็นเหตุให้รถยนต์ส่วนตัวของโจทก์และของผู้อื่นแล่นสวนกันไม่ได้สะดวกเหมือนเมื่อครั้งยังไม่มีการปักเสา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการทำประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกโจทก์มีอำนาจฟ้องให้จำเลยถอนเสาดังกล่าวออกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุการทำงานต่อเนื่องกรณีโอนพนักงานจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ การนับอายุงานต้องต่อเนื่อง แม้ข้อบังคับจำกัดสิทธิ
เดิมโจทก์เป็นลูกจ้างของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ต่อมามี ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 316 ให้โอนโจทก์มาเป็นลูกจ้าง ของการเคหะแห่งชาติจำเลย การโอนเช่นนี้ฐานะความเป็น ลูกจ้างของโจทก์ยังคงมีอยู่ มิได้สิ้นสุดลงเช่นการ เลิกจ้าง เมื่อมิได้ตกลงกันไว้ เป็นอย่างอื่น การนับอายุ การทำงานของโจทก์จึงต้องนับต่อเนื่องกันตั้งแต่โจทก์เข้า ทำงานกับธนาคาร ข้อบังคับของจำเลยซึ่งให้นับอายุการทำงาน ตั้งแต่เมื่อเริ่มเข้าทำงานกับจำเลย ต้องใช้บังคับเฉพาะพนักงานหรือลูกจ้างที่สมัครเข้าทำงานใหม่เท่านั้น มิใช่ ถูกโอนมาเช่นกรณีของโจทก์